จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 792 ท่านมาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 792 ท่านมาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร
“สหายข้า ดียิ่งนัก ขอบใจนะ!” โจวปู้ยื่นมือรับมา และเทออกมาเม็ดหนึ่งกินลงไปทันที
ผางซิงกลับรู้สึกผิด “สหายถิงหยุนขอบใจเจ้ามากนะที่ยังคิดถึงพวกข้า เพียงแต่ยานี่มันล้ำค่ามากเกินไปนะ!”
“นี่น่ะเป็นยาที่ปกติอาจารย์จะให้ข้าฝึกทำน่ะ มันมีมากเกินไปข้ากินเองไม่หมดหรอก ดังนั้นพวกเจ้าสองคนคิดซะว่าช่วยข้ากินแล้วกัน กินก่อนกินข้าวหนึ่งเม็ดก็ได้แล้ว!” หยุนถิงตอบ
“งั้นก็ได้ ขอบใจเจ้ามากนะ!” ผางซิงรับมาอย่างกับประคองสมบัติล้ำค่า
“กินเสร็จแล้วข้าจะให้อีกนะ ยาพวกนี้น่ะห้องปรุงยามีมากนัก ไว้วันไหนข้าปรุงยาราคาแพงออกมาได้จริงๆ คงเสียดายไม่อยากให้พวกเจ้าแน่!” หยุนถิงแกล้งเย้า
“ผางซิงเจ้ารีบกินเถอะ อย่าทำลายน้ำใจของสหายถิงหยุน” โจวปู้บอก
“ได้ ขอบใจสหายถิงหยุนมากนะ!” ผางซิงหยิบกินไปหนึ่งเม็ด
พอทั้งหมดกินข้าวเสร็จ ต่างแยกย้ายกันกลับเรือนตนเอง
ตอนผู้อาวุโสอวี๋มายังห้องปรุงยา หยุนถิงแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาดคล่องแคล่วอย่างมาก ผู้อาวุโสอวี๋ให้นางปรุงยาที่ช่วยเสริมความงาม หยุนถิงยังใส่ว่านหางจระเข้และสมุนไพรเสริมความขาวเจ็ดชนิดเข้าไปเอง สรรพคุณของยายิ่งดีกว่าที่ผู้อาวุโสอวี๋ปรุงไว้ก่อนหน้านี้มากนัก ทำให้ผู้อาวุโสอวี๋ยิ่งพอใจมาก
เจ้าหนูนี่เป็นอัจฉริยะปรุงยาที่หาได้ยากยิ่ง ผู้อาวุโสอวี๋ตั้งใจว่าจะเอาตำราปรุงยาของตนมาให้หยุนถิงเรียน
หยุนถิงเองก็ไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสอวี๋ผิดหวัง แค่เจ็ดถึงแปดวัน นางก็สามารถร่ำเรียนเนื้อหาในตำราปรุงยาเล่มนั้นของผู้อาวุโสอวี๋ได้จนหมดแล้ว
“อาจารย์ ท่านยังมีอย่างอื่นจะสอนข้าอีกหรือไม่?” หยุนถิงแกล้งเย้าถาม
“คืนนี้ยามเที่ยงคืนเจ้ามาที่ห้องข้า ข้าจะสอนเรื่องอื่นให้เจ้า”
“อาจารย์ เหตุใดต้องเป็นกลางดึกด้วยล่ะ ท่านคงไม่คิดจะทำอะไรข้าหรอกนะ บ้านข้ายังต้องให้ข้าสืบทอดลูกหลานอยู่นะ” หยุนถิงแสร้งทำท่าทางตกใจ
ผู้อาวุโสอวี๋ขบขันกับนางนัก “พูดอะไรเหลวไหลน่ะ ข้าอายุปูนนี้แล้ว จะมาสนใจเด็กอย่างเจ้าทำไมกัน ก็แค่เห็นเจ้ามีพรสวรรค์ อยากจะถ่ายทอดฝีมือหากินให้เจ้าเท่านั้นเอง หากเจ้าไม่อยากได้ ข้าก็ไม่บังคับหรอก!”
“อยากสิ ข้าอยากอยู่แล้ว ขอแค่อาจารย์ยอมสอนข้า ข้าจะตั้งใจเรียน ต่อไปพออาจารย์แก่ตัวลง ข้าจะเลี้ยงดูท่านยามแก่ให้เอง!” หยุนถิงพูดอย่างห้าวหาญ
ท่าทางรับปากแข็งขั โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ทั้งตื่นเต้นและฮึกเหิม เห็นแล้วผู้อาวุโสอวี๋ยังโกรธไม่ลงเลย
ดวงตาใสกระจ่างเช่นนี้เขาไม่ได้เจอมานานแค่ไหนแล้วนะ บางทีเขาอาจจะเป็นผู้สือบทอดในภายภาคหน้าของเรือนอวี๋ก็ได้!
“เจ้าหนูเจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน!”
“วางใจเถอะอาจารย์ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่แน่นอน!” หยุนถิงรับประกัน
คืนนั้นพอเลยเที่ยงคืนไปหยุนถิงก็ไปที่ห้องของผู้อาวุโสอวี๋ จวินหย่วนโยวไม่วางใจ แต่ก็ไม่กล้าตามอย่างเปิดเผย เขาสงสัยว่าในห้องของผู้อาวุโสอวี๋น่าจะมีห้องลับอยู่ ดังนั้นเขาจึงให้หยุนถิงเอาตัวเขาใส่ในมิติ
แบบนี้ด้านนอกเกิดอะไรขึ้นเขาก็สามารถฟังได้อย่างชัดเจน หากหยุนถิงมีอันตรายอะไร เขาก็จะรู้ได้ทันที
พอผู้อาวุโสอวี๋เห็นหยุนถิงมา ก็พอใจมาก หมุนตัวไปขยับกล่องหนึ่งซึ่งวางอยู่บนตู้ จากนั้นก็ก็เกิดประตูลับขึ้นบนพื้นในห้อง มีทางบันไดยาวเหยียดลงไป
“อาจารย์ นี่คือ?” หยุนถิงถามอย่างตกใจ
“เข้าไปแล้วก็รู้เอง อีกครู่ไม่ว่าเห็นอะไร ก็ห้ามพูดมาก เงียบไว้ แล้วกินนี่ลงไป!” ผู้อาวุโสอวี๋พูดพลางยื่นยาเม็ดสีดำหนึ่งเม็ดมาให้
“อาจารย์ นี่คืออะไรรึ?” หยุนถิงรับมา แสร้งเพ่งมองอย่างตกใจ พอได้กลิ่นยานั้น แววตาหยุนถิงมีประกายเย็นเยียบวาบผ่าน
ไอ้แก่นี่ ไม่เชื่อใจตน ให้ตนกินยาพิษ
“ด้านล่างมีหนอนพิษมากมายนัก เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าโดนหนอนพิษกัดแล้วถึงตาย ข้าเลยให้เจ้ากินกันไว้ก่อน!” ผู้อาวุโสอวี๋อธิบาย
“ขอบคุณอาจารย์ที่เป็นห่วง” หยุนถิงกินลงไปต่อหน้าเขา
ผู้อาวุโสอวี๋ถึงพานางเดินลงขั้นบันได บันไดยาวมาก มีไข่มุกราตรีวางไว้เป็นระยะ ดังนั้นด้านล่างจึงสว่างมาก สามารถมองเห็นได้ชัด
ด้านล่างเป็นห้องลับที่ใหญ่มากห้องหนึ่ง ในห้องลับวางกล่องไว้มากมาย ในกล่องมีหนอนพิษมากมายนัก หลากหลายรูปแบบสีสันเลย มีหลายชนิดในนั้นที่หยุนถิงเคยเห็นยายขุยให้จวินเสี่ยเหยียนเล่นด้วย
“อาจารย์ หนอนพวกนี้คือ?” หยุนถิงแกล้งถามอย่างตกใจ นางตกใจตัวสั่นเทา สีหน้าเริ่มซีด
“เจ้าพวกนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของอาจารย์ หนอนพิษหนอนกู่นานาชนิด ในเมื่อเจ้าเรียนวิชาปรุงยามาพอควรแล้ว ข้าจะสอนเจ้าปรุงพิษ ฝึกกู่ละกัน
ตู้ทางนั้นมีพืชมีพิษนานาชนิดอยู่ และยังมีเตาหลอมยา เตาหลอมยา ทุกอย่างที่ต้องการมีหมดเลย ต่อไปทุกคืนเจ้าก็มาเรียนที่นี่ตอนยามเที่ยงคืน แต่ต้องออกไปก่อนฟ้าสางนะ!
และห้ามบอกใครเด็ดขาด ที่นี่เป็นความรู้ทุกอย่างที่อาจารย์มี ขนาดศิษย์พี่ใหญ่เจ้าข้าก็ไม่เคยสอน หากให้เขารู้ ต้องริษยา และมันจะไม่เป็นผลดีกับเจ้าแน่!” ผู้อาวุโสอวี๋พูดอย่างจริงจังแฝงความนัย
“ขอบคุณบุญคุณที่ชุบเลี้ยงอบรมของอาจารย์ที่มีต่อข้ายิ่งนัก!” หยุนถิงพูดอย่างเข้มงวด
“ข้าจะสอนเจ้าเรื่องนี้ก่อน!” ผู้อาวุโสอวี๋เริ่มสอนทันที
หยุนถิงเรียนตามอย่างตั้งใจ เวลาคืนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนฟ้าสาง ผู้อาวุโสอวี๋ถึงพาหยุนถิงออกมา
พอหยุนถิงกลับไปห้องตนเอง ก็สังเกตได้ว่า ในห้องมีกลิ่นอายคนแปลกหน้า สายตางามเย็นเยียบดุดันขึ้นมาทันที เข็มเงินในมือพุ่งลอยไปที่แห่งหนึ่ง
“ติ๊งติ๊ง!” สองเสียงดังขึ้น จิ่วฟ่างใช้มีดสั้นสกัดเข็มเงินเอาไว้ได้
“ศิษย์พี่จิ่วฟ่าง ท่านเข้ามาในห้องข้าทำไมกัน?” หยุนถิงถามเสียงเย็น โชคดีที่นางยังไม่ได้ปล่อยจวินหย่วนโยวออกมา ไม่อย่างนั้นจิ่วฟ่างเห็นว่าจู่ๆก็มีคนโผล่มาในห้อง ต้องสงสัยแน่
“เมื่อคืนเจ้าไปห้องอาจารย์มา!” จิ่วฟ่างถามเสียงเย็นเยียบ
ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการแน่ใจ
หลังจากครั้งก่อนที่หยุนถิงบอกเขา เขาก็ไปตรวจค้นทั่วทั้งเรือนอวี๋รวมถึงหลังเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่เจอร่องรอยน่าสงสัยเลย มีเพียงที่เดียวที่ไม่ได้ไปก็คือห้องของอาจารย์
ดังนั้นจิ่วฟ่างสงสัยว่า จิ่นฉิงจะถูกผู้อาวุโสอวี๋ซ่อนไว้ในห้องตัวเอง
เพียงแต่ห้องของอาจารย์นั้นปกติมีศิษย์มากมายเฝ้าอยู่ ไม่เว้นแม้กลางวันหรือกลางคืน เขาเข้าไปไม่ได้เลย
“ใช่ เมื่อคืนข้าเข้าไปในห้องอาจารย์แล้วจริงๆ บนพื้นในห้องเขามีช่องลับ เดินลงไปเป็นห้องลับที่ใหญ่มากห้องหนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยหนอนพิษและหนอนกู่ เขาสอนข้าปรุงยาพิษฝึกวิชากู่!” หยุนถิงตอบตามจริง
“งั้นเจ้าเห็นว่ามีคนหรือไม่?” จิ่วฟ่างตื่นเต้นยิ่งนัก
“ไม่เห็น เพราะอาจารย์อยู่กับข้าตลอด ข้าอยากลองหาดูก็ไม่มีโอกาสเลย!”
จิ่วฟ่างคิ้วขมวดมุ่น “การร่วมมือครั้งก่อนที่เจ้าพูด ยังมีผลหรือไม่?”
“มีผล พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน ขอเพียงศิษย์พี่จิ่วฟ่างเชื่อในตัวข้า” หยุนถิงพูดด้วยสีหน้าเข้มงวด
“ตกลง คืนนี้ข้าจะก่อความเคลื่อนไหว!” จิ่วฟ่างพูดจบ หมุนตัวจากไปทันที
เขารู้ดีว่า ถิงหยุนคือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของเขา
คืนนั้นหยุนถิง กำลังเรียนรู้วิชาฝึกกู่กับผู้อาวุโสอวี๋ สุดท้ายด้านนอกก็ได้ยินเสียงของตกขึ้น ผู้อาวุโสอวี๋สีหน้าเย็นชาทันที
ใครกันกล้ามาบังอาจที่ห้องเขา “ถิงหยุนเจ้าฝึกอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะออกไปดูหน่อย!”
“ขอรับ อาจารย์!”
ผู้อาวุโสอวี๋พึ่งออกไป หยุนถิงก็ปล่อยจวินหย่วนโยวเข้ามาทันที และให้เขากินยาป้องกันพิษษกับยากันกู่ จากนั้นทั้งสองก็เริ่มต้นหา
ห้องลับไม่ใหญ่ ไม่นานทั้งสองก็เดินดูทั่ว จวินหย่วนโยวผิดสังเกตที่เคาะประตูทองแดงบนกำแพงด้านหนึ่ง เขากดที่เคาะประตูทองแดงนั่นอย่างระมัดระวัง กำแพงเลื่อนเป็นประตูด้านหนึ่งออกมา