จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 801 นิ้วของเจ้าเป็นแผล ข้าปวดใจ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 801 นิ้วของเจ้าเป็นแผล ข้าปวดใจ
สายตาของผู้รับผิดชอบเหม่อลอย ไม่มีสติสัมปชัญญะเลยแม้แต่น้อย อ้าปากพูดทุกอย่างออกมา
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวฟังด้วยความตั้งใจ จนกระทั่งผู้รับผิดชอบพูดทุกสิ่งทุกอย่างจนจบ หยุนถิงป้อนยาโอสถที่ช่วยให้ตื่นเต้นแก่เขาอีกหนึ่งเม็ด ถึงได้จากไป
ก่อนจากไป หยุนถิงหันหน้าชำเลืองมองไปที่เตียงนั่นอีกครู่หนึ่ง เดินเข้าไปสองสามก้าว ใช้เข็มทิ่มไปที่นิ้วมือ และหยดเลือดลงไปบนนั้นสองสามหยด ถึงได้จากไปด้วยความพอใจ
จวินหย่วนโยวมองด้วยความปวดใจ “ต้องการใช้เลือดเจ้าสามารถใช้ของข้า ไม่คุ้มค่าที่จะทิ่มนิ้วมือของตัวเองเพื่อไอ้สารเลวเช่นนี้”
“ครั้งหน้าข้าจะทำแน่นอน ครั้งนี้ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นไม่ใช่หรือ ผู้รับผิดชอบคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าร่างกายอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง มีเพียงใช้เลือดเท่านั้น มิเช่นนั้นยากที่จะหลอกเขาได้!” หยุนถิงอธิบาย
“นิ้วมือของเจ้าเป็นแผล ข้าปวดใจ!” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก เดินเข้ามาจับมือของหยุนถิง
“แค่รูเข็มเล็กๆรูหนึ่งเท่านั้น ไม่เป็นไร หายดีแล้วนี่ไง”
“ถึงจะเป็นเช่นนั้นข้าก็รู้สึกปวดใจอยู่ดี ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก!” จวินหย่วนโยวโอบมือของนางเอาไว้ในฝ่ามืออย่างเผด็จการ
“รู้แล้ว รีบไปกันเถอะ!” หยุนถิงจับมือของเขาเดินออกไป
ทั้งสองคนไม่ได้กลับไป แต่ออกจากเรือนตะวันตกโดยตรง ทำตามที่ผู้รับผิดชอบบอก ไปที่เรือนทั้งสามแห่งทางทิศตะวันออกทิศใต้และทิศเหนือจากที่นี่ และเรือนหลักก็คือเรือนของท่านเจ้าทะเลและฮูหยินเจ้าทะเล
“เราไปดูที่เขตต้องห้ามหลังเขากันเถอะ!” จวินหย่วนโยวกล่าว
“ฟังคำท่านพี่!”
จวินหย่วนโยวใช้วิชาตัวเบาพาหยุนถิงมุ่งหน้าไปที่เขตต้องห้ามหลังเขาทันที ตามที่ผู้รับผิดชอบกล่าวมา ที่นี่คือเขตต้องห้ามของเกาะเทียนหลง ยิ่งเป็นสถานที่ที่ท่านเจ้าทะเลปลีกตัวเพื่อฝึกตน
หยุนถิงก็อยากเห็นเช่นกันว่า ท่านเจ้าทะเลผู้นี้จะเหมือนกับที่ตัวเองคาดเดาไว้ว่าเป็นพ่อแท้ๆของตนเองหรือไม่
ทั้งสองคนหลบองครักษ์ที่ลาดตระเวนมากมาย ราบรื่นมาตลอดทาง จนกระทั่งตอนที่ใกล้ถึงปากถ้ำ พวกเขาติดอยู่ในค่ายกลแห่งหนึ่ง
จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงพยายามลองหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเดินออกไปได้
“ค่ายกลนี่แปลกประหลาดมาก มันแตกต่างไปจากค่ายกลที่ข้าเคยศึกษาก่อนหน้านั้น ไม่ต้องกังวล เราลองดูกันอีกที!” จวินหย่วนโยวมองไปบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
หยุนถิงก็ไม่ได้กังวล มองพิจารณาบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด ภายในเขตต้องห้ามแห่งนี้ไม่มีคนลาดตระเวนแม้แต่คนเดียว มีเพียงก้อนหินกับต้นไม้ใหญ่พวกนี้เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าวางใจอย่างมาก
บางที ทั่วทั้งเกาะเทียนหลงก็ไม่มีใครมีความกล้ามายังสถานที่ของท่านเจ้าทะเลเช่นนี้
“ไม่ต้องรีบ ท่านค่อยๆลองไป ท่านเจ้าทะเลคนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นถึงหัวหน้าของเกาะเทียนหลง ปากถ้ำของสถานที่ที่เขาใช้ปลีกตัวเพื่อฝึกตนวัชพืชยังขึ้นสูงขนาดนี้ ดูท่าในใจของทุกคนเขาก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรนัก มิเช่นนั้นทำไมไม่มีคนทำความสะอาดเลยแม้แต่คนเดียว!” หยุนถิงอดที่จะบ่นขึ้นมาไม่ได้
“สรุปรวบยอดกับสิ่งที่เราถามหลายคนก่อนหน้านี้แล้ว ความสัมพันธ์ของท่านเจ้าทะเลกับฮูหยินเจ้าทะเลไม่ค่อยดีเท่าไหร่จริงๆ” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง
“ท่านเจ้าทะเลนั่นหลบมาอยู่อย่างสงบเงียบในถ้ำแห่งนี้ ทั่วทั้งเกาะเทียนหลงล้วนตกอยู่ในมือฮูหยินเจ้าทะเล ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ ทั่วทั้งเกาะเทียนหลงจะไม่กลายเป็นอำนาจของฮูหยินเจ้าทะเลหรอกหรือ ท่านเจ้าทะเลคนนี้ช่างอนาถจริงๆ!”
ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ก็ค้นหาต่อไป เพียงแต่จวนจะรุ่งสางแล้วก็ยังหาทางออกไม่เจอ ทีนี้หยุนถิงเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
นางลุกขึ้นเดินไปทางก้อนหินหนึ่งในนั้น เห็นก้อนหินนั่นไม่ขยับเขยื้อน จึงเดินหน้าต่อไป
“ถิงเอ๋อร์ ระวังด้วย!” จวินหย่วนโยวตะโกนขึ้นมา
หยุนถิงกำลังจะหันกลับมาบอกเขาว่าไม่ต้องห่วง แต่แล้วเมื่อหันกลับมาก็ไม่เห็นเขาแล้ว รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ท่าน ศิษย์พี่จิ่วฟ่างท่านอยู่ไหน?”
“ข้าอยู่นี่ อย่ากังวล ไม่ต้องตื่นตระหนก สงบสติอารมณ์เอาไว้ ค่ายกลนี่ทำให้คนสูญเสียสติปัญญาง่ายมาก ระวังตัวด้วย ข้าจะใช้วิธีที่เร็วที่สุดคลี่คลายแก้ค่ายกลนี่!” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ศิษย์พี่จิ่วฟ่างไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่ท่านคิด ท่านเองก็ระวังตัวด้วย ข้าก็จะลองหาทางออกดูเช่นกัน!” หยุนถิงกล่าว และเดินไปข้างหน้าทันที
เสียงมันอยู่ใกล้ๆแท้ๆ แต่พวกเขากลับมองไม่เห็นอีกฝ่าย ช่างแปลกประหลาดจริงๆ
ก้อนหินที่เดิมทีเคลื่อนไหวไปมาตลอดพวกนั้น จู่ๆก็เปลี่ยนไปราวกับเชื่อฟังขึ้นมา ไม่ขยับเขยื้อนเลย ปล่อยให้หยุนถิงเดินผ่านไปอย่างนั้น
พริบตาเดียว หยุนถิงก็เดินออกไปไกลมากแล้ว ราวกับว่าก้อนหินพวกนั้นจงใจนำทางให้นาง
แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไหร่ จนกระทั่งเห็นคนคนหนึ่งกำลังตกปลาอยู่ไม่ไกลออกไป ถึงได้หยุดฝีเท้าลงมา
ฟ้าเพิ่งจะสาง ทำไมถึงมีคนตกปลาในเขตต้องห้ามแห่งนี้?
“ท่านลุง ท่านเป็นใครกัน เหตุใดถึงมาตกปลาที่นี่?” หยุนถิงกล่าวถามอย่างระมัดระวัง
คนผู้นั้นดูเหมือนจะอยู่ในวัยสี่สิบเศษ สวมชุดคลุมสีดำ สุขุมและเก็บตัว บุคลิกสูงส่ง โครงหน้าลึกล้ำมีมิติ เพียงแต่ว่าเส้นผมของเขาขาวโพลนไปหมดแล้วเท่านั้น
เขานั่งตกปลาอยู่ข้างแม่น้ำอยู่อย่างนั้น ด้านหลังมีทั้งยอดเขาและแม่น้ำไหลเอื่อย ดูสบายอย่างมาก
วี่หานเชียนหันหน้ามองไปทางหยุนถิง บ่าวรับใช้ชายที่รูปร่างผอมบาง เตี้ยเล็ก หน้าตาอัปลักษณ์ เพียงแต่ว่าดวงตาคู่นั้นทำให้เขาตกตะลึงในทันที
ดวงตาคู่สวยนั่น เย็นยะเยือกเล็กน้อย โอหังถือดีเล็กน้อย เฉือนคมเล็กน้อย ถึงกับทำให้เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ดูเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่เคยเห็นที่ไหน วี่หานเชียนกลับคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ความเจ็บปวดที่เหมือนศีรษะฉีกขาดจู่โจมมา ทำให้สีหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย
“ท่านลุง ท่านเป็นอะไรไป ดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลย?” หยุนถิงถามออกมาโดยสัญชาตญาณ
วี่หานเชียนถึงได้ตอบสนองกลับมา สีหน้าเคร่งขรึมลงทันที “ที่นี่คือเขตต้องห้ามของเกาะเทียนหลง กลไกมากมาย ค่ายกลนับไม่ถ้วน ยังไม่เคยมีศิษย์คนไหนเดินมาถึงที่นี่มาก่อน เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่?”
“หมายความว่าข้าเก่งมากเลยสิ ข้ามาหาท่านเจ้าทะเล ท่านลุงท่านรู้ไหมว่าท่านเจ้าทะเลอยู่ไหน ข้าได้ยินมาว่าเขาปลีกตัวฝึกตนอยู่ที่นี่ หรือว่าท่านก็คือท่านเจ้าทะเล?” หยุนถิงสอบถามทันที
มือที่จับคันเบ็ดของวี่หานเชียนออกแรงเล็กน้อย สีหน้ากลับสงบเยือกเย็น “ข้าไม่ใช่ท่านเจ้าทะเล เป็นผู้พิทักษ์ภูเขา!”
“เช่นนั้นท่านรู้ไหมว่าคนที่ท่านเจ้าทะเลรักมากคือใคร ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ท่านเจ้าทะเลเคยตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง ฮูหยินเจ้าท่านเขตในตอนนี้เข้ามาเป็นมือที่สาม ใช้วิธีการบางอย่างแยกท่านเจ้าทะเลกับผู้หญิงคนนั้น?” หยุนถิงแสร้งทำเป็นมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
สีหน้าของวี่หานเชียนเคร่งขรึมทันที “โลกภายนอกยังมีข่าวลืออะไรอีก?”
“ยังกล่าวด้วยว่าตอนนี้ฮูหยินเจ้าทะเลควบคุมกองกำลังของท่านเจ้าทะเลแล้ว เขตทะเลนิรนามในตอนนี้ล้วนเป็นกองกำลังของฮูหยินเจ้าทะเลทั้งนั้น แถมนางยังฝึกวิชากู่ ฝึกฝนองครักษ์กล้าตายอย่างลับๆ
วี่อู๋เสียเคยบอกข้าว่า ฮูหยินเจ้าทะเลเป็นคนวางหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตให้กับผู้หญิงที่ท่านเจ้าทะเลรักมากคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่รู้ตัวเลย สุดท้ายหลังจากที่คลอดลูกแล้ว ก็ถูกดูดเลือดจนตาย
และว่ากันว่าฮูหยินเจ้าทะเลกับผิงหนานอ๋องแห่งแคว้นเทียนจิ่วมีความสัมพันธ์กัน พวกเขายังมีบุตรนอกสมรสด้วยหนึ่งคนชื่อว่าเจว๋กู่ ท่านลุงรู้จักเจว๋กู่คนนี้ใช่ไหม?”
ขณะที่พูด ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงก็จ้องมองวี่หานเชียนเอาไว้ ไม่ปล่อยการแสดงออกทางสีหน้าใดๆบนใบหน้าของเขาไป
เพียงแต่ว่าสีหน้าของเขาสงบนิ่งราบเรียบ ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เหมือนกับว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่น
หรือว่าตัวเองจะคิดผิดไป เขาเป็นผู้พิทักษ์ภูเขาจริงๆ?
ในใจของหยุนถิงรู้สึกสงสัย ได้ยินมาว่าท่านเจ้าทะเลไม่ชอบให้ใครรบกวนที่สุด ดังนั้นเมื่อครู่หยุนถิงถึงได้คาดเดาว่าคนผู้นี้ก็คือท่านเจ้าทะเล แต่บุคลิกท่าทางและอิทธิพลที่มีต่อคนรอบข้างแตกต่างจากที่นางคิดเอาไว้มาก ดังนั้นถึงได้จงใจกล่าวหยั่งเชิง
เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หยุนถิงรู้สึกสงสัยในใจขึ้นมา
“คำพูดของเจ้าพวกนี้ออกไปจากที่นี่แล้วอย่าไปพูดกับใคร มิเช่นนั้นจะนำมาซึ่งภัยพิบัติจนถึงชีวิต!” วี่หานเชียนเตือนสติด้วยความหวังดี
“ขอบคุณท่านลุงมาก ข้าจะระวัง เพราะไม่เห็นท่านลุงเป็นคนนอกไง ใช่แล้วท่านลุง ท่านเคยได้ยินชื่อกู้เยว่หลัวมาก่อนไหม หรือไม่ท่านก็เคยเห็นกำไลข้อมืออันนี้มาก่อนไหม?” หยุนถิงจงใจส่ายข้อมือ
สีหน้าของวี่หานเชียนที่เดิมทีสงบนิ่งราบเรียบตึงเครียดในทันที จู่ๆในหัวก็มีเงาร่างที่เลือนรางปรากฏขึ้นมากะทันหัน เขามองไปทางกำไลข้อมือที่อยู่บนข้อมือของหยุนถิงอย่างตะลึงงัน จากนั้นสีหน้าก็ซีดขาว และจับมือของหยุนถิงเอาไว้โดยสัญชาตญาณ
“เหตุใดกำไลข้อมืออันนี้ถึงอยู่ที่เจ้า?”