จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 804 จะโทษก็ต้องโทษตัวเจ้าเอง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 804 จะโทษก็ต้องโทษตัวเจ้าเอง
คนทั้งคนของหยุนถิงชะงักงันไป มองไปทางผู้อาวุโสอวี๋ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ที่แท้เจ้าก็มองข้าออกตั้งแต่แรกแล้ว ถึงกับจะใช้ข้าเป็นร่างฝึกกู่สำหรับฝึกวิชากู่อย่างเงียบๆ เจ้าโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้ที่เจ้าบอกว่าจะให้ข้าเป็นศิษย์ก้นกุฏิก็โกหกข้าใช่ไหม ศิษย์พี่ฉินเจี่ยกล่าวไม่ผิดจริงๆ เจ้าก็คือคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุดในสำนักหมอเทวดา!”
ผู้อาวุโสอวี๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าคือคนของฉินเจี่ย?”
“ถูกต้อง ข้าคือคนของศิษย์พี่ฉินเจี่ย เขาเป็นคนให้ข้าเข้าสำนักหมอเทวดา จะได้แอบฝึกฝนทักษะเฉพาะตัวของเจ้า คิดไม่ถึงว่าข้าจะติดกับเจ้าได้
ในเมื่อเจ้ารู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของข้าเป็นเลิศ ก็น่าจะรู้ว่า ไม่ว่าเจ้าจะวางยาพิษอะไรข้า ข้าก็สามารถแก้ได้ทั้งนั้น ดังนั้นข้าจะไม่เป็นร่างฝึกกู่ให้พวกเจ้าแน่
คนหนึ่งคือเจ้าสำนักแห่งเรือนอวี๋ คนหนึ่งฮูหยินเจ้าทะเลแห่งเกาะเทียนหลง พวกเจ้าไม่กลัวผู้คนรู้พฤติกรรมที่ชั่วร้ายของพวกเจ้าหรือ
ข้าได้ยินมาว่าท่านเจ้าทะเลเที่ยงธรรมและซื่อตรงที่สุด หากเขารู้ว่าฮูหยินของตัวเองทำเรื่องที่ชั่วร้ายเช่นนี้ จะต้องปลดเจ้าจากตำแหน่งฮูหยินเจ้าทะเลแน่
อีกอย่าง ศิษย์พี่ฉินเจี่ยเห็นว่าข้าหายไป ต้องหาวิธีตามหาข้าอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นให้เขาพบว่าท่านชั่วร้ายเช่นนี้ จะต้องเปิดโปงพวกเจ้าอย่างแน่นอน!” หยุนถิงกล่าวด้วยความโกรธแค้น
นางจงใจกล่าวเช่นนี้ ในเมื่อฉินเจี่ยจับผิดและสงสัยนางครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นนั้นก็อย่าโทษตัวเองแล้วกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเจี่ยช่วยผู้อาวุโสอวี๋ทำความชั่วสารพัด โดยเฉพาะคนที่ถูกกุมขังอยู่ในคุกใต้ดินหลังเขาเหล่านั้น เหมือนตายทั้งเป็นชัดๆ ดังนั้นถึงได้ลากเขาลงมาเกี่ยวข้องด้วย
“นี่คือเรื่องตลกที่น่าขำที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมา เจ้าหนูอย่างเจ้าช่างใจกล้ามากจริงๆ ถึงกับกล้ายกท่านเจ้าทะเลมาข่มข้า
ท่านเจ้าทะเลปลีกตัวฝึกตนมาหลายปี อย่าว่าแต่เจ้าคนเดียวเลย ถึงแม้คนทั้งเขตทะเลนิรนามล้วนตามจนหมด เขาก็ไม่ออกจากถ้ำนั่นหรอก
เจ้านี่ช่างเห็นตัวเองสำคัญจริงๆ ฉินเจี่ยก็เป็นแค่ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสอวี๋ เขายังไม่มีความสามารถนั่น และก็ไม่มีความกล้านั้นด้วย!” ฮูหยินเจ้าทะเลเซียวหรูซื่อกล่าวอย่างดูหมิ่น
นางมองไปทางหยุนถิงจากบนที่สูง ราวกับกำลังมองมดที่กำลังจะตายตัวหนึ่ง
สีหน้าเย่อหยิ่ง เยาะเย้ยถากถาง
ท่านหยูก็โกรธมากเช่นกัน “ฉินเจี่ยไอ้สารเลวนั่น ถึงกับกล้าทรยศอาจารย์ รอกลับไปแล้วข้าจะจัดการเขาในภายหลัง
กลับเป็นเจ้า ยาโอสถที่ให้เจ้ากินทุกครั้งก่อนที่ข้าจะสอนเจ้าฝึกวิชากู่เม็ดนั้น คือยาพิษที่หนอนกู่ต้องการ
ตอนนี้เจ้ากินมาเดือนกว่าแล้ว ร่างกายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหนอนกู่!”
หยุนถิงสีหน้าซีดเซียว จ้องมองมาด้วยความโกรธ “ตาแก่ที่สมควรตายอย่างเจ้า ถึงกับวางแผนคิดคำนวณข้า ยังหลอกข้าว่านั่นคือยาแก้พิษที่ใช้กำจัดพิษกู่?”
“หากข้าไม่พูดเช่นนั้น เจ้าจะกินมันหรือ” ผู้อาวุโสอวี๋ถามกลับ
“พอได้แล้ว ข้าไม่มีเวลามาฟังพวกเจ้าพูดไร้สาระ พาคนออกไป แล้วย้ายหนอนกู่ไปที่ร่างกายของเขาทันที!”เซียวหรูซื่อกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ขอรับ!”
จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้าไปทางข้างหูของเซียวหรูซื่อ แล้วกระซิบรายงาน “ฮูหยิน แย่แล้ว คุณชายเจว๋กู่!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?” สีหน้าของเซียวหรูซื่อเคร่งขรึมลงมาทันที
ค่ายกลที่อยู่หลังเขาเป็นค่ายกลที่ท่านเจ้าทะเลออกแบบด้วยตัวเอง แม้แต่นางก็เดินไปถึงแค่นอกถ้ำเท่านั้น ยังมีค่ายกลอีกหนึ่งแห่งที่หลายปีมานี้เซียวหรูซื่อไม่เคยจะถอดรหัสได้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้พบท่านเจ้าทะเลมาโดยตลอด
ตอนนี้ค่ายกลมีความผิดปกติ หรือว่ามีคนบุกเข้าไปที่หลังเขา หรือว่าเขาจะออกมาแล้ว?
“ผู้อาวุโสอวี๋ ท่านพาคนออกไปด้วยตัวเอง ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ!”เซียวหรูซื่อทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ลุกขึ้นก็จากไป
“ขอรับ!” ผู้อาวุโสอวี๋คำนับด้วยความเคารพนบนอบ
เห็นฮูหยินเจ้าทะเลจากไปแล้ว ผู้อาวุโสอวี๋หันหลังมองไปทางยามรักษาการณ์ที่อยู่นอกประตู “ยกนางและกล่องเข้าไปในห้องลับ!”
“ขอรับ!” ยามรักษาการณ์สองนายกำลังจะเข้ามากุมตัวหยุนถิง
หยุนถิงผลักทั้งสองคนออกไป และรีบวิ่งหนีทันที เพียงแต่ว่านางไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ ยังไม่ทันที่นางจะวิ่งออกจากลาน องครักษ์กล้าตายที่อยู่ในที่ลับก็กระโดดตัวเข้ามาทันที และสกัดจุดนางโดยตรง
“ไอ้สารเลวปล่อยข้านะ ข้าจะไม่มีวันกลายเป็นร่างฝึกกู่ของพวกเจ้าแน่นอน ศิษย์พี่ฉินเจี่ยช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่ฉินเจี่ย——” หยุนถิงแสร้งทำเป็นคร่ำครวญ
คำพูดยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกองครักษ์กล้าตายคนนั้นสกัดจุดใบ้ ทีนี้หยุนถิงไม่สามารถขยับเขยื้อนร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้คนอื่นฆ่าแกงได้ตามใจ
“ถึงแม้เจ้าจะตะโกนจนคอแตก ฉินเจี่ยเขาก็ไม่ได้ยิน พาตัวไป!” ผู้อาวุโสอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา
ทุกคนกุมตัวหยุนถิง และยกกล่องมุ่งหน้าเข้าไปในห้องลับ
อันที่จริงหยุนถิงจงใจนั่นแหละ หากเวลานี้ตัวเองไม่หนี ต้องทำให้คนเกิดความสงสัยอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงแสร้งทำท่าทาง ก็เพื่อที่จะแสดงให้มันครบชุด
พวกเขาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดินผ่านทางเดินหลายทาง มาถึงห้องลับแห่งหนึ่ง
“วางของลง พวกเจ้าออกไปรอข้างนอกให้หมด!” ผู้อาวุโสอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา
“ขอรับ!” ทุกคนเดินออกไป
ผู้อาวุโสอวี๋มองหยุนถิงครู่หนึ่ง “เจ้าจะโทษก็โทษได้แต่ตัวเจ้าเองเท่านั้น ใครใช้ให้เจ้าอวดฉลาดเผยความสามารถที่แท้จริงออกมา หากเจ้าปิดบังซ่อนเร้นซักสามถึงห้าปี ข้าก็ยากที่สังเกตเห็นเจ้าจริงๆ”
แต่ว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าจิ่นฉิงมากนัก พรสวรรค์น่าทึ่ง เป็นร่างฝึกกู่ที่ดีมากจริงๆ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะกลายเป็นผลงานที่อาจารย์ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตก็ว่าได้!”
ขณะที่ผู้อาวุโสอวี๋พูดไป ก็หยิบกล่องผ้าไหมลงมาจากผนังและเปิดมันออก
ทันทีที่หยุนถิงมองไปก็เห็นหนอนกู่ที่เหมือนกับผีเสื้อสีเลือดในกล่องสามตัว ร่างกายยังสั่นเทาอยู่เล็กน้อย ปีกกระพือส่องแสงเป็นประกาย
ยายขุยเคยบอกไว้ว่า นั่นคือสุดยอดของหนอนกู่ผีเสื้อโลหิต มันจะเป็นเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่อเลี้ยงด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากหัวใจมานับสิบๆปีเท่านั้น
“หนอนกู่ผีเสื้อโลหิตนี่มีสามตัวแล้ว บวกกับในร่างของจิ่นฉิง ก็มีสี่ตัวแล้ว ยังไม่เคยมีร่างกายของใครที่สามารถเลี้ยงดูหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตสี่ตัวได้ เจ้าน่าจะขอบคุณอาจารย์ ที่ให้โอกาสที่หายากเช่นนี้แก่เจ้า!” ขณะที่พูดผู้อาวุโสอวี๋ก็วางกล่องใบนั้นลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง และเดินตรงไปยังกล่อง
เพียงแต่ในตอนที่เขาเปิดกล่องออก และเห็นว่าด้านในคือก้อนหินก้อนใหญ่ คนทั้งคนก็ตะลึงงันไป
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ นี่มัน——”
ยังไม่ทันที่ผู้อาวุโสอวี๋จะตอบสนองกลับมา หยุนถิงก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าแลบ ขณะเดียวกันเข็มเงินสองสามเล่มที่อยู่ในมือก็พุ่งออกไปด้วย
“อ๊าก!” ผู้อาวุโสอวี๋ครางเสียงต่ำ หันหน้าไปมองโดยสัญชาตญาณ มีดสั้นที่อยู่ในมือหยุนถิงก็อยู่บนคอของเขาแล้ว
“เจ้า ทำไมถึง เจ้าถูกองครักษ์กล้าตายสกัดจุดไม่ใช่หรือ ทำไมยังสามารถเคลื่อนไหวได้อีก?” ผู้อาวุโสอวี๋ตกตะลึงอย่างยิ่ง
หากไม่ได้เห็นองครักษ์กล้าตายสกัดจุดของหยุนถิงด้วยตาตัวเอง เขาก็จะไม่วางใจเช่นนี้ ยิ่งจะไม่ประมาทเช่นนี้ด้วย
หยุนถิงยิ้มเย้ยหยัน “องครักษ์กล้าตายเล็กๆคนหนึ่งก็คิดจะมาขัดขวางข้า ฝันไปเถอะ หรือเจ้าไม่รู้จักเคลื่อนย้ายจุดฝังเข็มได้?”
ผู้อาวุโสอวี๋เบิกตากว้าง “เจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความสามารถเช่นนี้?”
หยุนถิงขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับเขา มีดสั้นที่อยู่ในมือแทงไปที่สะบักไหล่ของเขาโดยตรง เจ็บจนผู้อาวุโสอวี๋กำลังจะกรีดร้อง แต่กลับถูกหยุนถิงแทงไปที่จุดใบ้
คนทั้งคนของผู้อาวุโสอวี๋ล้มลงไปกับพื้น เจ็บปวดจนสีหน้าซีดขาว ไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อย เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากไหล่ของเขา ทำให้คนหวาดกลัวอย่างมาก
เขาต้องการจะตะโกน แต่กลับไม่สามารถตะโกนออกมาได้ ต้องการจะขัดขืน แต่กลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ นาทีนี้เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบจริงๆแล้ว
มือที่กำมีดสั้นของหยุนถิงใช้แรงมากยิ่งขึ้น ผู้อาวุโสอวี๋เจ็บจนหน้าผากมีเหงื่อเย็นขนาดเท่าเม็ดถั่วผุดออกมา ความเจ็บปวดที่ทะลวงใจเช่นนั้น ทำให้เขาเจ็บจนชักกระตุกไปทั้งตัว
หยุนถิงดึงมีดสั้นออกมา จากนั้นก็แทงไปที่หน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นไปยกกล่องที่ใส่หนอนกู่ผีเสื้อโลหิตใบนั้นแล้ววางลงไปบนหน้าอกของเขา
หนอนกู่ผีเสื้อโลหิตที่อยู่ข้างในได้กลิ่นเลือดสดๆ ก็ขยับร่างกายของมัน คลานตามกล่องไปทางหน้าอกของผู้อาวุโสอวี๋