จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 810 อย่างเจ้าก็คู่ควรใส่ร้ายข้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 810 อย่างเจ้าก็คู่ควรใส่ร้ายข้า
“ที่นี่มีอาหารเครื่องดื่มและที่พัก เต็มพลังให้เต็มที่ รอให้พวกเขาหากันจนเหนื่อยล้าทั้งกายและใจแล้ว เราค่อยออกไปก่อความวุ่นวาย!” หยุนถิงตอบ
“ขอรับ!”หลิงเฟิงกับหลงยีอดรู้สึกนับถือในสติปัญญาของซื่อจื่อเฟยไม่ได้
หยุนถิงใช้เจตจำนงสร้างเตียงให้พวกเขาคนละหนึ่งหลัง แล้วก็ฉากบังลม อย่างไรเสียชายหญิงก็แตกต่างกัน เช่นนี้ล้วนสะดวกสำหรับทุกคน
หลงยีกับหลิงเฟิงตื่นเต้นอย่างยิ่ง นอนอยู่บนที่นอนสปริงที่ซื่อจื่อเฟยสร้างออกมา ตื่นเต้นไม่สิ้นสุด
อุปกรณ์ของซื่อจื่อเฟยครบครันที่สุดจริงๆ นี่มันช่างสะดวกสบายจริงๆ ทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียงราวกับเด็กและยังไม่ลืมเขย่าร่างกายไปมา
หยุนถิงยิ้มออกมาอย่างจนใจ หันหลังไปดูจวินหย่วนโยว จู่ๆก็รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย นางยื่นมือไปจับขอบเตียงของจวินหย่วนโยวเอาไว้โดยสัญชาตญาณ ถึงได้ฝืนยืนนิ่งได้
หยุนถิงนั่งลงไปข้างเตียงตามสถานการณ์ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย หรือว่าระยะนี้เหนื่อยเกินไป นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สร้างเตียงขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง วางเอาไว้ด้านข้างจวินหย่วนโยว และนอนพักผ่อน
เทียบกับความอบอุ่นภายในมิติ ด้านนอกทั่วทั้งเกาะเทียนหลงเหตุการณ์วุ่นวายจนไก่หมากระเจิง ผู้คนหวาดกลัวตื่นตระหนก
ยามรักษาการณ์ทั่วทั้งเกาะเทียนหลงล้วนเคลื่อนกำลัง ไม่ปล่อยสถานที่ใดบนเกาะไป เพียงเพื่อตามหาผู้อาวุโสอวี๋กับถิงหยุน
แต่เสียดาย สามวันผ่านไปแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสเลยแม้น้อย
ความโกรธของเซียวหรูซื่อในตอนแรก สามวันให้หลังก็สงบสติอารมณ์ลงมามากแล้ว เมื่อใจเย็นลงมา มันก็ง่ายก็จะนึกถึงเบาะแส
ห้องลับถูกระเบิดจนกลายสภาพเป็นเช่นนี้ ต้องใช้ดินปืนจำนวนมากแน่นอน หรือว่าผู้อาวุโสอวี๋จะทรยศตัวเอง?
ตอนนั้นมีเพียงเขากับถิงหยุนที่อยู่ในห้องลับ ไม่ถูก ยังมีกล่องใบนั้น ผู้อาวุโสอวี๋บอกว่าในกล่องคือจิ่นฉิง แต่ตอนนั้นนางได้ยินว่าเจว๋กู่หมดสติ ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดกล่องใบนั้น
หรือไม่ ในกล่องใบนั้นคือดินปืน?
หรือว่ามีคนสนับสนุนพวกเขา หรือไม่ก็ประสานงานกันจากภายในภายนอก มันเป็นใครกันแน่?
จั๋วยีเข้ามารายงาน “ฮูหยิน ข้าน้อยพากำลังคนไปตรวจค้นทั่วทั้งเกาะเทียนหลง ก็ยังหาผู้อาวุโสอวี๋กับถิงหยุนไม่เจอ ส่งคนไปทำความสะอาดซากปรักหักพังของห้องลับ คนที่ตายล้วนเป็นลูกศิษย์ของเราทั้งนั้น ไม่พบผู้อาวุโสอวี๋กับถิงหยุน!”
เซียวหรูซื่อโกรธจนระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที “น่าชิงชังนัก หรือว่าสองคนนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย? ที่นี่คือเกาะเทียนหลง พวกเขาก่อเรื่องใต้จมูกข้า พวกเจ้ากลับหาไม่พบ พวกขยะไร้ประโยชน์!”
“ฮูหยินอย่าได้โกรธไป หากพวกเขาทรยศฮูหยินจริงๆ ต้องวางแผนทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้วแน่นอน” คนสนิทหรูกูเกลี้ยกล่อม
เส้นเลือดบนหน้าผากของเซียวหรูซื่อปูดขึ้นมา หนึ่งฝ่ามือฟันไปที่โต๊ะตรงหน้าจนแยกออกเป็นสองส่วนด้วยความโกรธ “เจ้าพูดถูกแล้ว หากพวกเขาวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า หลังเกิดเหตุย่อมต้องการจะหนีไป
ในเมื่อหาไม่เจอ เช่นนั้นก็จับตัวลูกศิษย์ทุกคนที่อยู่ในเรือนตะวันตก มาตรวจสอบทีละคน ดูว่าขาดใครไปและมีใครเพิ่มขึ้นมาบ้าง คนที่ขาดไปหรือไม่ก็เพิ่มขึ้มมาย่อมเป็นคนร้าย”
“ขอรับ!” จั๋วยีรีบไปจัดการทันที
เจว๋กู่เดินเข้ามาจากด้านนอก วันนี้เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ และรีบเข้ามาพบเซียวหรูซื่อทันที
“คำนับฮูหยิน!”
เซียวหรูซื่อชำเลืองมองสีหน้าที่ซีดขาวของเขาครู่หนึ่ง “ออกไปครั้งนี้เหตุใดถึงได้ทุลักทุเลเช่นนี้ นั่งลงแล้วค่อยคุยกัน!”
“ขอรับ!” เจว๋กู่เดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา
“ครั้งนี้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงแห่งแคว้นต้าเยียน พวกเขามาที่เขตทะเลนิรนาม หากไม่มีตัวถ่วงอย่างวี่อู๋เสีย การโอบล้อมโจมตีก็ไม่ล้มเหลว
ตอนอยู่ที่เมืองฉือ ข้าพบกับฮวาเชียนจั่น เขาถึงกับช่วยหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวจัดการกับข้า บรรดาพี่น้องที่ส่งไปก็ถูกโอบล้อมโจมตี และข้ากระโดดทะเลโชคดีหนีกลับมาได้!” เจว๋กู่รายงานไปตามความจริง
สายตาของเซียวหรูซื่อลึกล้ำซ่อนความหมายเอาไว้อย่างมิดชิด ดวงตาคู่สวยที่เฉือนคมชำเลืองไปทางเจว๋กู่ “เจ้าเป็นมือสังหารที่ข้าฝึกฝนมาอย่างดี แต่กลับถูกจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงทำให้ทุลักทุเลเช่นนี้ ดูท่าสองคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงมาที่เขตทะเลนิรนาม พวกเขามาที่นี่ทำไม หรือว่าพวกเขาขึ้นเกาะมาแล้ว?”
ทันใดนั้นเซียวหรูซื่อก็นึกถึงเรื่องที่ห้องลับถูกระเบิดจนกลายเป็นซากปรักหักพัง ด้วยความรู้จักที่นางมีต่อผู้อาวุโสอวี๋มาหลายปี เขาไม่มีความกล้านี้ การกระทำที่โหดเหี้ยมเช่นนี้กลับเหมือนการกระทำจวินหย่วนโยว!
“ฮูหยิน ความหมายของท่านคือ?”
“ข้าสงสัยว่า ห้องลับถูกระเบิดในครั้งนี้น่าจะเป็นการกระทำของจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง หากข้าเดาไม่ผิด พวกเขาน่าจะปลอมตัวอยู่ในหมู่ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสอวี๋
ไม่ว่าพวกเข้าต้องการจะทำอะไร ความแค้นนี้ข้าจะต้องเอาคืนกลับไปเป็นสองเท่าให้ได้ ในเมื่อพวกเขาส่งตัวเองมาให้ถึงที่แล้ว เช่นนั้นการจับกุมอีกฝ่ายก็อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า!” ดวงตาคู่สวยของเซียวหรูซื่อมีความโหดเหี้ยมเล็กน้อยแว๊บผ่านไป
และจวินหย่วนโยวที่อยู่ในมิติตื่นขึ้นมานานแล้ว หลังจากการดูแลของหยุนถิงในหลายวันนี้ สุขภาพของจวินหย่วนโยวก็ดีขึ้นมาก
“ท่านพี่ ข้าอยากออกไปสอบถามสถานการณ์หน่อย ตอนนี้ผ่านไปสามวันแล้วไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” หยุนถิงเสนอแนะ
“พวกเขาจับใครไม่ได้ ต้องเกิดความสงสัยขึ้นแน่นอน ข้าออกไปพร้อมกับเจ้า!” จวินหย่วนโยวยื่นมือไปจับมือของหยุนถิง
“ตกลง!”
“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยพวกเราก็ออกไปด้วย!” หลงยีกับหลิงเฟิงเอ่ยปาก
“ไม่ พวกเจ้าสองคนอยู่ในมิติ ปกป้องถิงเอ๋อร์อย่างลับๆ หากนางตกอยู่ในอันตราย พวกเจ้าก็คืออาวุธลับของนาง! หากมีความจำเป็น พวกเจ้าค่อยออกไปก็ยังไม่สาย!” จวินหย่วนโยวกล่าวกำชับ
“ขอรับ!”
หยุนถิงพาจวินหย่วนโยวเดินออกไป ทั้งสองคนเดินไปทางเรือนตะวันตกอย่างระมัดระวัง
ระหว่างทาง ก็ได้ยินลูกศิษย์คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบา “เจ้าได้ยินหรือยัง เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ฮูหยินโกรธจนหมดสติไป ถึงแม้คุณชายเจว๋กู่จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ได้ยินว่าสุขภาพยังไม่ฟื้นฟู อ่อนแออย่างยิ่ง”
“ต้องได้ยินอยู่แล้ว วันนี้ฮูหยินยังกระอักเลือดด้วยซ้ำ ลานถูกทำลายไปมากมายขนาดนั้น ฮูหยินต้องโกรธมากแน่นอน!”
“พูดให้มันน้อยๆหน่อย เรารีบเข้าไปปรนนิบัติกันเถอะ!”
หยุนถิงเห็นสาวใช้สองคนนั้นจากไปแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “ศิษย์พี่ ท่านคิดว่าสิ่งที่พวกนางพูดเป็นความจริงหรือไม่?”
“พวกเราเพิ่งออกมา ก็ได้ยินพวกนางพูดเช่นนี้แล้ว มันจะบังเอิญเกินไปหน่อย คาดว่าหลายวันมานี้ฮูหยินเจ้าทะเลหาใครไม่เจอ ดังนั้นถึงได้จงใจให้คนกระจายข่าวลือ จุดประสงค์ก็เพื่อล่อเราออกมา ทุกอย่างดำเนินการด้วยความระมัดระวัง!” จวินหย่วนโยววิเคราะห์
“ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมมาก!” ขณะที่พูด ทั้งสองคนก็รีบกลับไปที่เรือนตะวันตก
ตอนนี้ทั่วทั้งเรือนตะวันตกล้วนถูกคนของจั๋วยีล้อมเอาไว้ ตรวจสอบทุกคนทีละคน บรรดาลูกศิษย์บ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เดิมทีนึกว่าได้มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินเจ้าทะเลเป็นเรื่องที่มีเกียรติ หากรู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ให้ตายอย่างไรพวกเขาก็ไม่มาหรอก
จิ่วฟ่างพาหยุนถิงเข้าไปทางลานหลัง แต่แล้วพวกเขาเพิ่งเข้าไป นอกประตูก็มียามรักษาการณ์เดินเข้ามา
“จิ่วฟ่าง เมื่อครู่นี้เจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ?” ยามรักษาการณ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความตกตะลึง
“ข้าพักผ่อนอยู่ในห้องตลอด เจ้าตาบอดมองไม่เห็นข้าเอง!” จวินหย่วนโยวที่ปลอมตัวเป็นจิ่วฟ่าง สีหน้ายะเยือกราวกับน้ำแข็ง น้ำเสียงเย็นชาสุดขีด ไม่ไว้หน้าคนผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของยามรักษาการณ์คนนั้นไม่น่าดูสุดขีด หงุดหงิดโมโหไม่สิ้นสุด “เจ้าพูดเหลวไหล เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้มาดูที่นี่แท้ๆ เจ้าไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ!”
ดวงตาคมกริมที่เฉือนคมของจวินหย่วนโยวเพ่งมองมา “ยามรักษาการณ์เล็กๆอย่างเจ้าก็คู่ควรมาใส่ร้ายข้า!” ขณะที่พูด ฝ่ามือก็ตบยามรักษาการณ์คนนั้นออกไป
“อ๊าก!” ตามด้วยเสียงกรีดร้องของยามรักษาการณ์ คนทั้งคนก็กระเด็นออกไป
ด้านนอก จั๋วยีกำลังตรวจสอบอยู่ บังเอิญเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองถูกตบกระเด็นออกมา สีหน้าดำมืดลงมาทันที
“ใครทำร้ายเจ้า?” จั๋วยีมองไปทางห้องนั้นอย่างเย็นชา
อันคำว่าตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ ใครกันแน่ที่มันโอหังเช่นนี้?