จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 840 ทั้งหมดนี้ท่านเป็นคนบังคับข้าเองนะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 840 ทั้งหมดนี้ท่านเป็นคนบังคับข้าเองนะ
วี่รั่วยีมองสาวใช้ตรงหน้าอย่างตกตะลึง นางอยากจะสู้ แต่กลับอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงทั่วร่าง จนล้มลงกับพื้น
วี่รั่วยีคิ้วขมวดมุ่น มองหยุนถิงอย่างตะลึง เมื่อครู่อีกฝ่ายบอกว่าใส่ร้ายป้ายสีผู้ชายของนาง หรือว่านางคือสตรีของจวินหย่วนโยว หยุนถิง?
เป็นไปได้อย่างไรกัน นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร องครักษ์ตีนเขาพวกนั้นเป็นแค่เครื่องประดับงั้นรึ
พอคิดถึงเมื่อครู่ที่โดนจิ่วฟ่างเหยียดหยาม วี่รั่วยียิ่งเกลียดหยุนถิงหนักขึ้น
สองผัวเมียนี่สารเลวนัก ล้วนสมควรตาย
เพียงแต่ตอนนี้นางส่งเสียงไม่ได้ ได้แต่ถลึงตาใส่หยุนถิงอย่างเดือดดาล หากสายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้หยุนถิงคงตายไปแปดร้อยครั้งแล้ว
หยุนถิงมองวี่รั่วยีที่ถลึงตาใส่ตนอย่างเดือดดาล พลางยกมือขึ้นดึงหน้ากากหนังมนุษย์บนหน้าตนออกมา เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง
วี่รั่วยีมองอย่างตกใจ ว่ากันว่าหยุนถิงงามราวเทพธิดา งดงามเลิศล้ำ มาเห็นใบหน้านั้นขยายใหญ่ตรงหน้า ดวงตาสุกสกาวดุจดวงดาว ฟันงาม ปากจิ้มลิ้ม สันจมูกโด่ง ระบายยิ้มออกมาที งดงามและเย้ายวน หากแฝงความเย็นชาและห่างเหินอย่างผู้ไม่สุงสิงกับผู้ใด หญิงงามน้ำแข็งต้นฉบับเลยทีเดียว
ที่แท้นี่ก็คือหยุนถิง งดงามเย้ายวนมากกว่าภาพวาดเสียอีก ใบหน้านี้นี่เองที่ทำให้จวินหย่วนโยวหลงใหล วี่รั่วยีในตอนนี้เกิดความริษยายิ่งนัก
“เห็นแล้วล่ะสิ สามีข้าน่ะมีเมียงดงามราวเทพธิดาอย่างข้า มีหรือจะสนใจหญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้า
จอมวางแผนการร้าย ชั่วร้ายอำมหิต ทำทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการเพื่อให้สมหวัง ยังเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา และหน้าด้านขั้นสุด
สตรีใจอสรพิษอย่างเต้า จะมาถือรองเท้าให้สามีข้ายังไม่คู่ควรเลย เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกันว่าเขาจะต้องชอบเจ้า”
ครั้งนี้หยุนถิงไม่เกรงใจเลยสักนิด ก่อนหน้านี้นางแอบซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้คน เห็นวี่รั่วยีตามตอแยไม่หยุดไม่หย่อน นางอยากอัดนางเต็มทีแล้ว
วี่รั่วยีโกรธจนหน้าซีดเผือด สั่นเทาไปทั้งตัว เพียงแต่นางพูดไม่ได้ นางถลึงตาใส่หยุนถิงอย่างดุดันมาดร้าย จากนั้นนางพลันยกมือขึ้น
อาวุธลับชิ้นหนึ่งพุ่งจากแขนเสื้อวี่รั่วยี หยุนถิงรับรู้ได้ถึงอันตรายในอากาศ รีบหลบไปด้านข้างทันที จากนั้นหมุนตัวมาหักแขนนางหักทั้งสองข้างเลย
ทำเอาวี่รั่วยีเจ็บจนร้องโหยหวน โชคดีที่ก่อนหน้านี้หยุนถิงวางยาในอาหาร ตอนนี้วี่รั่วยีเลยได้แต่ร้องโหยหวน แต่ไม่มีเสียง
ไม่อย่างนั้นเสียงร้องนี้คงต้องเรียกยามเฝ้าตีนเขามาแน่
“กระจอก กล้าใช้อาวุธลับกับข้า ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
หยุนถิงแค่นเสียงเย็น ก้าวเท้าเข้าไปหลายก้าวและดึงอาวุธลับของวี่รั่วยีที่ติดอยู่บนกำแพงออกมา จากนั้นหมุนตัวเดินกลับมา แทงลงไปที่ร่างวี่รั่วยีทันที
“อ๊า!” เดิมแขนสองข้างของวี่รั่วยีโดนจับหักไปแล้วก็เจ็บจนสีหน้าซีดเผือด ล้มตัวอยู่ที่พื้นขยับตัวไม่ได้เลย ตอนนี้มาโดนหยุนถิงแทงเข้าเนื้ออีก ก็เจ็บจนอยากตายเลยทีเดียว
แต่นางร้องไม่ออก ได้แต่โดนบังคับให้ยอมรับ นางยกเท้าขึ้นคิดถีบหยุนถิง
หยุนถิงหยิบอาวุธลับนั่นแทงลงไปที่ขานางทันที “วันนี้เรื่องทั้งหมดนี้เจ้าหาเรื่องเองนะ โทษข้าไม่ได้ เพราะเจ้ามันสมควรโดน
นางพูดไปพลาง ออกแรงแทงไปพลาง ระบายความโกรธที่วี่รั่วยีวางแผนใส่ร้ายจวินหย่วนโยวออกมาจนหมด
ความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจขึ้นมา แขนสองข้างโดนหัก ร้องก็ไม่ออก ขาโดนแทงจนเลือดสดไหลริน วินาทีนี้วี่รั่วยีกลัวจริงๆ นางรีบอ้อนวอนขอร้องทันที
แต่หยุนถิงมีหรือจะสน “ให้เจ้าเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ให้เจ้าวางแผนใส่ร้ายจิ่วฟ่าง ให้เจ้าแย่งชิงผู้ชายของข้า สมน้ำหน้าหาเรื่องตาย—“
วี่รั่วยีอยากอยู่ก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่ได้จริงๆ สุดท้ายเจ็บจนสลบไปเลย
หยุนถิงถึงหยุดมือ คนใจคออำมหิตอย่างนี้ วางยาพิษศิษย์ของเรือนอวี๋มากมายขนาดนั้น เพียงเพื่อจะให้ร้ายท่านพี่ ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก
อาวุธลับในมือหยุนถิง แทงไปที่สองเข่าของวี่รั่วยี และยังตัดเส้นเอ็นมือขาของนางอีก ฆ่านางมันสบายไป อยู่ไม่สู้ตายถึงจะเป็นการลงโทษนางที่มากที่สุด
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย หยุนถิงหมุนตัวจากไป หลังจากนางออกไป สาวใช้คนหนึ่งวิ่งออกมาจากที่ลับ
นางคือหรงเอ๋อร์ซึ่งเป็นสาวใช้ของวี่รั่วยี หลังจากนางโดนจวินหย่วนโยวซัดจนสลบ ก็พักฟื้นในห้องมาตลอด พอได้ยินว่าคุณหนูใหญ่เกิดเรื่อง นางไม่ได้รีบเร่งไปดู
แต่รอจนทุกเรื่องจบสิ้นแล้ว หรงเอ๋อร์ถึงแอบมาดู เดิมอยากจะช่วยคุณหนูใหญ่ แต่ไม่คิดว่าจะมาเห็นภาพนี้
เมื่อครู่หยุนถิงทรมานคุณหนูใหญ่อย่างนั้น หรงเอ๋อร์ตกใจแทบตาย มืออุดปากซ่อนตัวไม่กล้าออกมา
ตอนนี้มาเห็นวี่รั่วยีที่โดนทรมานแล้วเจ็บจนสลบไปอยู่ที่พื้น หรงเอ๋อร์ที่เดิมอยากช่วยคนกลับเปลี่ยนความคิด
ปกติยามอยู่ต่อหน้าผู้คน วี่รั่วยีจะอ่อนโยนสง่างาม เป็นแบบฉบับของคุณหนูตระกูลสูง แต่ลับหลังกลับชั่วร้ายอำมหิต พอไม่สบอารมณ์หน่อยก็ระบายความโกรธลงที่ตน
เบาก็ด่าทอทุบตี หนักก็ใช้เครื่องทรมานต่างๆมารับรองตน ด้วยความกลัวว่าคนอื่นจะมองออก คุณหนูใหญ่เล่นใช้เข็มจิ้มตน บัดนี้บนร่างตนนั้นมีรอยเข็มหลายหมื่นรอยเลยกระมัง
ที่ทำให้โกรธแค้นที่สุดคือ นางกลับให้ตนคลานลงกับพื้นเห่าร้องเหมือนหมาเหมือนแมว ชอบพูดว่าตนน่ะแพศยา เหยียดหยามขั้นสุด
พูดได้เลยว่า หลายปีมานี้หรงเอ๋อร์ใช้ชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ในสายตาคนนอกนางคือคนสนิทของคุณหนูใหญ่ แต่มีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รู้ดีว่า คุณหนูใหญ่น่ะต่ำช้า ชั่วร้ายเพียงใด ทรมานนางเยี่ยงใดบ้าง
ตอนนี้มาเห็นวี่รั่วยีสลบเหมือดไป ดวงตาหรงเอ๋อร์ทอประกายเคียดแค้น นางก้าวเท้าเข้าไปทีละก้าว และหยิบอาวุธลับชิ้นนั้นที่เมื่อครู่หยุนถิงทิ้งลงพื้น
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!” หรงเอ๋อร์ลองเรียกดูสองครั้ง พอเห็นวี่รั่วยีไม่มีปฏิกิริยา นางยกอาวุธลับชิ้นนั้นปาดไปที่หน้าวี่รั่วยีทันที
แต่ละครั้งลงแรง ลึกจนเห็นกระดูก ไม่กี่ครั้งใบหน้าวี่รั่วยีก็เลือดสาด น่าสยองมาก
“คุณหนูใหญ่ ทั้งหมดนี้ท่านเป็นคนบังคับข้าเองนะ จะโทษข้าไม่ได้” หรงเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นก่อนลุกขึ้นจากไปอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง พอหยุนถิงออกไป ก็ใส่หน้ากากหนังมนุษย์อีกครั้ง และจากไปอย่างสบายใจเฉิบ
นางไม่ได้กลับเรือนวี่หนานเสวียน แต่มุ่งตรงไปหลังเขาทันที พอถึงชายหาดก็เห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่ง
เจว๋กู่สีหน้าเย็นชา ในมือถือกระบี่ยาว มองหยุนถิงด้วยสายตาคมปลาบ “บอกที่อยู่ของฮูหยินเจ้าทะเลมา ไม่อย่างนั้นเจ้าอย่าหวังจะรอดออกไปเลย!”
น้ำเสียงเย็นชามีแววอดทนอดกลั้น แยกอารมณ์ไม่ออกเลย
หยุนถิงมองสีหน้าซีดเผือดของเขา คิดๆเวลาดูแล้ว ระยะนี้เจว๋กู่น่าจะโดนพิษที่ตนวางไปทรมานจนอยากตาย เขาในตอนนี้ไม่เหมือนก่อน ร่างกายน่าจะมาถึงขีดจำกัดแล้วล่ะมั้ง
หยุนถิงแสร้งตีเยียน “คุณชายเจว๋กู่ ท่านพูดอะไรน่ะ ข้าน้อยไม่เข้าใจเลย?”
“อย่ามาทำไขสือหยุนถิง เจ้าวางแผนเรื่องวี่รั่วยีและจิ่วฟ่าง ก็เพื่อเหยียดหยามนางมิใช่รึ ข้าไม่สนว่าเจ้ามีความแค้นอะไรกับวี่รั่วยี ข้าเพียงอยากรู้ที่อยู่ของฮูหยินเท่านั้น?” เจว๋กู่แค่นเสียงเย็น
คนเฉลียวฉลาดอย่างเขา เรื่องเมื่อเช้านั้นเขาเห็นทั้งหมด แต่กลับไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย และแอบสังเกตทุกคนอย่างลับๆ จนสังเกตเห็นหยุนถิง
ขนาดหยุนถิงไปหลังเขา เจว๋กู่ก็รู้ แต่ไม่คิดยับยั้ง
ปกติวี่รั่วยีชอบวางท่าว่าตนสูงส่งยิ่งนัก เหยียดหยามดูถูกเขามาตั้งแต่เล็ก เหยียดหยามดูถูก รังเกียจเดียดฉันท์ว่าเขาเป็นลูกลับ เป็นความอัปยศของฮูหยินเจ้าทะเล ดังนั้นเจว๋กู่กับวี่รั่วยีเลยมิถูกกันตั้งแต่เล็กแล้ว