จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 872 นางตายก็ไม่ควรค่าให้เสียดาย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 872 นางตายก็ไม่ควรค่าให้เสียดาย
หยุนถิงรู้สึกเพียงตรงหน้ามืดมิด กำลังจะผลักเขาออก ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นประทับลงมายังริมฝีปาก
ลมหายใจที่คุ้นเคย ความอ่อนโยนที่คุ้นเคย ทำให้คนทั้งคนของนางถูกยึดครองไปด้วย
มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวกอดหยุนถิงเอาไว้แน่น เผด็จการและแข็งกร้าว ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ จู่โจมและเข้ายึดครอง——
และพี่น้องวี่รั่วยีทั้งสามที่อยู่หลังเขา เดินเข้าไปในแดนต้องห้ามไม่นาน ทั้งสามคนก็เดินไม่ไหวแล้ว เดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอ่อนแออย่างยิ่ง
แดนต้องห้ามหลังเขาที่ดำมืด ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ลมเย็นหนาวเหน็บมาก วี่หนานเสวียนตัวสั่นขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
“พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว เราคงจะไม่ตายที่นี่กันหรอกใช่ไหม” วี่หนานเสวียนกล่าวอย่างอ่อนแรง
“อย่าพูดเหลวไหล ที่นี่คือถิ่นของท่านพ่อ ขอเพียงเราหาท่านพ่อเจอ ก็จะต้องรอดอย่างแน่นอน” วี่รั่วชิงกล่าวโต้แย้ง
“แต่เราวนกันสิบกว่ารอบแล้ว ยังวนอยู่กับที่เลย” วี่หนานเสวียนกล่าวด้วยความโกรธจนลนลาน
วี่รั่วชิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน ตอนเด็กๆนางเคยมาสองสามครั้ง ก็ติดอยู่ในค่ายกลเช่นกัน สุดแท้ก็ถูกคนที่เซียวหลันส่งมาพบเข้าและช่วยออกไป
คนทั้งคนของวี่รั่วยีแข็งทื่อราวกับหุ่นไก่ ยิ่งเหมือนกับคนโง่ ในหัวเต็มไปด้วยภาพที่จั๋วยีตายต่อหน้าต่อตานาง
“ท่านพ่อท่านอยู่ไหม หากท่านอยู่ก็ออกมาพบเราหน่อย พวกเราคือลูกๆของท่าน ท่านทนปล่อยให้เราอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกใช่ไหม!” วี่หนานเสวียนตะโกนเสียงดัง
เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ ติดอยู่ในสถานที่แย่ๆเช่นนี้วนไปสิบกว่ารอบ คนทั้งคนอ่อนแอไปหมด แต่ก็ยังหาทางออกไปไม่ได้
“เจ้าเบาเสียงหน่อย ถ้าหากถูกคนสังเกตเห็นมันจะแย่เอา” วี่รั่วชิงเอ่ยปาก
“กลัวทำไม ถ้าหากเซียวหลันส่งคนมาไล่ล่าเรา ไม่แน่ว่าอาจจะติดอยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน” วี่หนานเสวียนโต้แย้ง
วี่รั่วชิงคิดดูแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ไม่ได้ขัดขวาง เพียงแค่หาสถานที่เอนพิงพักผ่อน
เดิมทีทั้งสามคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ลมหนาวพัดมาในตอนดึก สติของวี่รั่วชิงกับวี่หนานเสวียนเลือนรางเล็กน้อย และเป็นไข้แล้ว วี่รั่วยีก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ในตอนดึกฝนก็ตกลงมาอีก ทั้งสามคนไม่มีแม้แต่ที่หลบฝน เปียกปอนราวกับลูกหมาตกน้ำ สุดท้ายทั้งสามคนก็หมดสติไป
ในตอนที่พวกเขาตื่นมา คนก็อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งแล้ว
วี่หนานเสวียนลืมตาขึ้นมามองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า คนทั้งคนตะลึงงันไป รีบยื่นมือไปผลักวี่รั่วชิงที่อยู่ตรงหน้า
“พี่รอง พี่รองรีบตื่นเร็ว”
วี่รั่วชิงถึงได้ตื่นขึ้นมา วี่รั่วยีที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทั้งสามคนมองดูถ้ำแห่งนี้ ล้วนตกตะลึงงันไป
จากนั้นทั้งสามคนก็เห็นชายวัยกลางคนในชุดสีดำปรากฏตัวขึ้นมา โครงหน้าเคร่งขรึม รูปร่างองอาจ รอบๆตัวเต็มไปด้วยลมหายใจที่สุขุมและเก็บตัว เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมาก คนทั้งคนแฝงไปด้วยการปฏิเสธไม่ให้คนเข้าใกล้ที่ห่างเหินและไม่แยแส เมื่อสายตานั่นกวาดมองมา ก็ทำให้คนตัวสั่นสะท้าน
“ท่านพ่อ ท่านก็คือท่านพ่อใช่ไหม ข้าหาท่านด้วยความยากลำบากจริงๆ!” วี่หนานเสวียนวิ่งเข้ามาในสองสามก้าว ยื่นมือก็กำลังจะไปกอดวี่หานเชียนเอาไว้
แต่กลับถูกวี่หานเชียนสะบัดแขนเสื้อใส่ คนทั้งคนกระเด็นออกไป
“อ๊า เจ็บจังเลย ท่านพ่อท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าเป็นลูกชายของท่านนะ ลูกแท้ๆ!” วี่หนานเสวียนกรีดร้อง ล้มลงไปกับพื้น เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน
วี่รั่วชิงรีบวิ่งเข้ามาทันที “หนานเสวียนเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
วี่รั่วยีอยากจะเข้าไป แต่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ได้แต่มองดูด้วยความอ่อนแอ
วี่หานเชียนชำเลืองไปทางวี่หนานเสวียนที่กรีดร้องอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ข้าไม่ใช่พ่อเจ้า และเจ้าก็ไม่ใช่ลูกชายของข้าเช่นกัน ข้ากับพวกเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรต่อกัน!”
“หากท่านไม่ใช่ท่านพ่อ เหตุใดถึงได้อยู่ที่แดนต้องห้ามหลังเขา ท่านแม่เคยบอกไว้ว่าแดนต้องห้ามหลังเขาคือสถานที่ที่ท่านพ่อฝึกตน” วี่รั่วชิงถามกลับ
วี่หานเชียนฮึออกมาอย่างเหยียดหยาม หันหลังจากไป โดยไม่มองพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
“เหตุใดท่านพ่อถึงไม่ยอมรับพวกเรา?” วี่รั่วยีที่ไม่พูดไม่จามาโดยตลอดจู่ๆก็เอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน
ถึงแม้เสียงของนางจะอ่อนแรง แต่กลับแฝงไปด้วยความมั่นใจ
วี่หานเชียนที่เดินออกไปหลายเมตรหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน แต่กลับไม่ได้หันกลับมา และไม่ได้พูดอะไร
วี่รั่วยีก็รู้แล้วว่าตัวเองเดาไม่ผิด “หลายปีมานี้ท่านพ่อไม่เคยสนใจพวกเราสามพี่น้องมาก่อน ยิ่งไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อเลย
ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ข้าเชื่อว่าท่านพ่อจะต้องมีเหตุผลของตัวเองอย่างแน่นอน ตอนนี้เราพบว่าเซียวหลันปลอมตัวเป็นท่านแม่ และท่านแม่ที่แท้จริงถูกนางกักขังอยู่ในห้องลับหกปี ได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัส อยู่เหมือนตายทั้งเป็น ขอท่านพ่อโปรดช่วยท่านแม่ด้วยเถิด!”
นี่เป็นครั้งแรกที่วี่รั่วยีวิงวอนขอร้องคนอื่น
“ท่านพ่อ ขอท่านโปรดช่วยท่านแม่ด้วย!” วี่หนานเสวียนคล้อยตาม
“นางถูกทรมานจนเหมือนตายทั้งเป็น นั่นคือสิ่งที่นางสมควรจะได้รับ นางหาเรื่องใส่ตัวเอง นางตายก็ไม่ควรค่าให้เสียดาย หากไม่ใช่เพราะนางวางแผนคิดร้าย จะมีพวกเจ้าสามคนได้อย่างไร พวกเจ้าไม่คู่ควรจะเป็นลูกของข้า และข้าก็จะไม่ยอมรับพวกเจ้าด้วยเช่นกัน ความเป็นความตายของพวกเจ้าไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!” วี่หานเชียนทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ก็จากไปโดยตรง
ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเซียวหรูซื่อวางแผนทำร้าย จะเกิดเรื่องขึ้นกับกู้เยว่หลัวได้อย่างไร ยิ่งจะไม่ถูกฆ่าล้างเผ่า ตัวเองก็จะไม่ทำร้ายเยว่หลัวเช่นนั้น ดังนั้นวี่หานเชียนจึงเกลียดชังเซียวหรูซื่อมาก ย่อมจะไม่ช่วยนางเป็นธรรมดา แม้แต่เด็กสามคนนี้ เขาก็เกลียดชังอย่างยิ่งเช่นกัน ดังนั้นหลายปีมานี้ถึงได้หลบอยู่ที่หลังเขาไม่ยอมออกมา
เขาไม่สามารถอภัยให้ตนเองในสิ่งที่ทำกับกู้เยว่หลัวในตอนนั้น หลายปีมานี้ก็มีชีวิตอยู่ในความเสียใจและตำหนิตัวเองตลอด
เสียงที่เย็นยะเยือก เต็มไปด้วยความเมินเฉยและตัดขาดไมตรี ทำให้ความหวังของสามพี่น้องวี่รั่วยีดับสลายในชั่วพริบตา
“พี่ใหญ่ คำพูดของท่านพ่อหมายความว่าอย่างไร เหตุใดเขาถึงบอกว่าไม่ยอมรับพวกเราด้วย?” วี่หนานเสวียนเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง
สีหน้าของวี่รั่วชิงก็ไม่น่าดูสุดขีด เพราะหยุนถิงเคยเล่าเรื่องเหตุการณ์ในตอนนั้นให้นางฟัง นางก็รู้แล้วว่าท่านพ่อเกลียดชังท่านแม่เข้ากระดูกดำ เขาไม่มีทางช่วยท่านแม่เด็ดขาด
“ที่ท่านพ่อเป็นเช่นนี้บางทีอาจเป็นเพราะมีเรื่องเข้าใจผิดระหว่างท่านแม่กระมัง เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือเราต้องช่วยตัวเองก่อน” วี่รั่วชิงเบี่ยงประเด็น
นางไม่ได้เล่าเรื่องที่หยุนถิงบอกตัวเอง ว่าตอนนั้นท่านแม่ให้ร้ายกู้เยว่หลัวกับท่านพ่อออกมา นางไม่อยากให้หนานเสวียนกับพี่ใหญ่รู้ว่า ท่านแม่เป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้
“ตอนนี้พวกเราล้วนได้รับบาดเจ็บ และไม่สามารถออกไปได้ จะสู้กับเซียวหลันได้อย่างไร?” ใบหน้าของวี่หนานเสวียนเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
“ข้ามีวิธี” วี่รั่วชิงลุกขึ้นเดินไปทางด้านนอกถ้ำ เด็ดใบไม้หนึ่งใบลงมาเป่า
ฟังไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไร แต่ก็พอฟังได้อยู่
ไม่นานนัก ก็มีนกสีดำตัวหนึ่งบินมา หยุดอยู่บนไหล่ของวี่รั่วชิง
“เจ้าตัวเล็ก เจ้ามาได้สักที ไปแจ้งผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามแทนข้าหน่อย บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับพวกเขา” วี่รั่วชิงเอ่ยปาก
นกสีดำตัวน้อยดูเหมือนจะฟังเข้าใจ พยักหน้าก็บินจากไป
“พี่รอง นกน้อยของท่านดำมากจริงๆ ท่านเลี้ยงนกเช่นนี้เอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” วี่หนานเสวียนมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“วันๆเจ้าเอาแต่กินดื่มเที่ยวเล่นสนุกสนานจะไปรู้อะไร ข้าช่วยมันไว้ที่หลังเขาโดยบังเอิญ ต่อมาพบว่ามันแสนรู้ ก็เลยป้อนอาหารมันบ่อยๆ ปกติไม่ได้อยู่ข้างกายข้า เจ้าย่อมไม่รู้เป็นธรรมดา” วี่รั่วชิงอธิบาย
“น้องรองมีใจแล้วจริงๆ ตอนนี้เราก็ทำได้แค่รอเท่านั้นแล้ว หวังว่าผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามจะไม่ทำให้เราผิดหวัง” วี่รั่วยีกล่าวอย่างอ่อนแรง
เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วยาม ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามก็รีบมาที่แดนต้องห้ามหลังเขา และได้พบกับวี่รั่วชิงและคนอื่นๆสำเร็จ
วี่รั่วชิงเล่าเรื่องที่เซียวหลันปลอมตัวเป็นฮูหยินเจ้าทะเล กักขังหน่วงเหนี่ยวและใส่ร้ายพวกเขาอย่างไรออกมาจนหมด ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามฟังด้วยความตกตะลึง ยิ่งรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่า จะไปเผชิญหน้ากับเซียวหลันทันที