จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 883 ชาตินี้จะแต่งกับเจ้าเพียงคนเดียว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 883 ชาตินี้จะแต่งกับเจ้าเพียงคนเดียว
องครักษ์ลับที่รับผิดชอบคุ้มครองนางตกตะลึง รีบกลับไปรายงานที่จวนซื่อจื่อทันที ตอนนี้จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยออกเดินทางไปแคว้นเป่ยลี่แล้ว องครักษ์ลับทำได้เพียงบอกเรื่องนี้แก่พ่อบ้านของจวนซื่อจื่อ
พ่อบ้านได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว “ข้าจะไปเชิญหมอยมบาล ยังไงเสียนางก็เป็นคนที่คุณชายห้าชอบ เจ้าส่งคนไปบอกคุณชายห้านะ”
“ขอรับ!” องครักษ์ลับมุ่งตรงไปจวนตระกูลหยุนทันที
ตระกูลเก๋อ
พอได้ยินว่าพ่อบ้านจวนซื่อจื่อมา เก๋อฮูหยินตกใจนัก รีบพาคนออกมาทันที
“มิทราบว่าท่านพ่อบ้านมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดรึ?” เก๋อฮูหยินคารวะอย่างนอบน้อม
ถึงจะเป็นพ่อบ้านคนหนึ่ง แต่เป็นพ่อบ้านจวนซื่อจื่อ เขาถือเป็นตัวแทนจวินซื่อจื่อ เก๋อฮูหยินย่อมไม่อาจเพิกเฉยได้อยู่แล้ว
พอเก๋อฉีได้ยินว่าคนของจวนซื่อจื่อมา ในใจก็ยิ่งเคียดแค้นหนักขึ้น นางไม่ได้ไปที่หน้าประตู แต่กลับพุ่งไปที่ห้องหงหลิง
พ่อบ้านเหล่มองเก๋อฮูหยินอย่างเย็นชา “ข้าได้ยินว่าแม่นางหงหลิงไม่ใคร่สบาย เลยตั้งใจพาหมอยมบาลมารักษานาง”
เก๋อฮูหยินตกใจนัก “หงหลิงไม่สบายงั้นรึ ข้าไม่ได้ยินคนรับใช้พูดอะไรเลยนี่นา?”
“แม่นางหงหลิงสบายดีหรือไม่ ฮูหยินรู้ดีแก่ใจที่สุด!” พ่อบ้านแค่นเสียงอย่างเดือดดาล
เก๋อฮูหยินสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ติดที่ฐานะ ได้แต่ตอบอย่างอดทนว่า “ท่านพ่อบ้านพูดเช่นนี้ดูจะ—“
“องครักษ์ เปิดทาง!” พ่อบ้านตะคอกอย่างเดือดดาล เขาไม่มีเวลามาเสแสร้งพูดจาดีกับเก๋อฮูหยิน
“ขอรับ!” องครักษ์ด้านหลังรีบพุ่งเข้ามาทันที และกำราบยามหน้าประตูเสียราบคาบ
เก๋อฮูหยินอยากจะพูดอะไร แต่กระบี่ยาวในมือรั่วจิ่งพาดที่คอหอยนางแล้วพูดว่า “ดาบไม่มีตา เก๋อฮูหยินคิดให้ดีก่อนค่อยพูดดีกว่า!”
เพราะรั่วจิ่งพึ่งแต่งงานไม่นาน ดังนั้นจวินหย่วนโยวเลยไม่ได้ให้เขาตามไปแคว้นเป่ยลี่ด้วย
เก๋อฮูหยินตกใจจนสีหน้าซีดเผือด ไม่กล้าพูดมากอีก
พ่อบ้านรีบนำหมอยมบาลเข้าไป ก่อนหน้านี้องครักษ์ลับที่รับหน้าที่คุ้มครองหงหลิงอย่างลับๆ รีบเข้ามานำทางทันที
เพียงแต่พวกเขายังไม่ทันถึงห้อง ก็ได้ยินเสียงข้าวของแตกกระจายจากในห้อง ผสานกับเสียงร้องโหยหวนออกมา
พ่อบ้านสีหน้าตึงเครียด “รีบเข้าไปดูเร็ว!”
องครักษ์ด้านหลังรีบเตะประตูเปิดออกผ่าง และเห็นหงหลิงล้มอยู่กับพื้น แก้มข้างหนึ่งบวมปูด มีรอยฝ่ามืออย่างเห็นได้ชัด ส่วนเก๋อฉีกำลังเหยียบมือของหงหลิง แกล้งออกแรงเหยียบหนักขึ้น
บางทีอาจเพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคนบุกเข้ามา เท้าของเก๋อฉีเลยยังไม่ทันดึงกลับมา พอเห็นมีคนบุกเข้ามา เก๋อฉีแผดเสียงอย่างเดือดดาล
“พวกเจ้าเป็นใครกัน กล้าบุกรุกตระกูลเก๋อ?”
“หงหลิง!” หยุนห้าร้องเสียงดัง หัวใจบีบรัดขึ้นมา พอได้รับข่าวจากองครักษ์ลับล เขาก็รีบมาทันที
แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอหงหลิงโดนรังแก หยุนห้าปวดใจยิ่งนัก ปราดร่างเข้าไป ตบหน้าเก๋อฉีฉาดใหญ่ทันที
“เพี๊ยะ!”
“อ๊า!” เก๋อฉีตะลึงไปเลย มือกุมแก้ร้องว่า “เจ้ากล้าตบข้ารึ?”
“เจ้ารังแกหงหลิง ข้าก็ตบเจ้า ข้าไม่มีวันยอมให้ผู้ใดรังแกนางเด็ดขาด!” หยุนห้าตะคอกดัง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธขึ้งสตรี และเป็นครั้งแรกที่เขาตบสตรี หยุนห้าโกรธจนสีหน้าซีดเผือด แต่อย่างไรก็เป็นวิญญูชน พูดคำหยาบอะไรออกมาไม่ได้
“หงหลิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ขอโทษนะ ข้ามาช้าไป ข้าไม่ได้คุ้มครองเจ้าให้ดี” หยุนห้ารีบย่อตัวลงมองหงหลิงอย่างสงสาร
หงหลิงส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าท่านต้องมาหาข้าแน่”
ยิ่งนางพูดอย่างนี้ หยุนห้ายิ่งโทษตัวเองและรู้สึกผิดยิ่งนัก
“หงหลิง ขอโทษนะ ทำให้เจ้าลำบากแล้ว ข้าไร้สามารถเอง” หยุนห้ารู้สึกผิดยิ่งนัก
“เอาล่ะ เจ้าห้า เจ้าถอยไป ข้าจะรักษาแม่นางผู้นี้” หมอยมบาลบอก
“ลำบากหมอยมบาลผู้อาวุโสแล้ว” หยุนห้ารีบถอยไปทันที
หมอยมบาลช่วยจับชีพจรให้หงหลิง จากนั้นสีหน้าตึงเครียดทันที “นางโดนวางยาพิษ แต่ว่าพิษไม่ลึกมาก ข้าแก้ได้”
“ขอบคุณหมอยมบาลผู้อาวุโสมาก!” หยุนห้าซาบซึ้งใจนัก
หมอยมบาลรีบให้หงหลิงกินยาถอนพิษลงไป และยังฝังเข็มให้นางอีก
“นางไม่มีทางโดนพิษได้ นางไม่ได้กินอาหารพวกนั้นด้วยซ้ำ” เก๋อฉีโพล่งออกมาเลย
พ่อบ้านสีหน้าเย็นชาทันที “ดังนั้นคือท่านแม่เจ้าวางยาพิษลงในอาหารของแม่นางหงหลิงงั้นรึ?”
เก๋อฉีถึงรู้ตัวว่าตนหลุดปากออกไป “ไม่ใช่ท่านแม่ข้า ข้าไม่รู้เลยว่ามันเรื่องอะไรกัน”
“ต่อกรกับคนโกหกไม่พูดความจริง ข้ามีวิธีการมากมายนัก พวกเจ้าสองคนไปนำตัวเก๋อฮูหยินมา!” รั่วจิ่งยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
เก๋อฉีพลันรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาทันที “เจ้า เจ้าจะทำอะไรกับข้า?”
“แน่นอนว่าสืบสวน!” รั่วจิ่งไม่ให้โอกาสนางร้องเลย จัดการจี้จุดใบ้นางแล้วให้คนพาตัวออกไป
หยุนห้าเห็นรอยฝ่ามือบนแก้มของหงหลิง ยิ่งสงสารนางหนักขึ้น จากนั้นก็ตัดสินใจทันทีว่า “หงหลิง วันนี้ข้าจะพาเจ้าไป จะไม่ยอมให้เจ้าต้องโดนรังแกอยู่ที่ตระกูลเก๋ออีกแน่!”
หงหลิงน้ำตาไหลเป็นสาย “ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง”
“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมหรอก ข้าบอกกับซื่อจื่อเฟยและท่านพ่อแล้ว ชาตินี้จะแต่งงานกับเจ้าเท่านั้น ให้ข้าทนดูเจ้าลำบากอยู่ในตระกูลเก๋อ ข้าทำไม่ได้ดอก” เสียงหยุนห้าเข้มงวดหนักแน่น ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด
หงหลิงซาบซึ้งยิ่งนัก น้ำตาไหลพราก นางพยักหน้าอย่างแรง
พ่อบ้านเห็นหงหลิงเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ก็พูดอะไรไม่ได้มาก ก่อนซื่อจื่อเฟยออกเดินทางก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้หงหลิงไปจากตระกูลเก๋อ
หยุนห้าอุ้มหงหลิงขึ้นมาทันที พลางหมุนตัวจากไป ระหว่างผ่านสวน ก็เห็นเก๋อฉีและเก๋อฮูหยินโดนองครักษ์จับห้อยบนต้นไม้และฟาดแส้ เก๋อฮูหยินร้องราวกับหมูถูกเชือด ดวงตางามของหงหลิงฉายแววสาสมใจ
หมอยมบาลมองตามแผ่นหลังหยุนห้าที่อุ้มหงหลิงออกไปอย่างครุ่นคิด แต่ไม่ได้พูดอะไร
บนรถม้า
“พ่อบ้าน ข้าอยากพาหงหลิงกลับจวนตระกูลหยุนได้หรือไม่?” หยุนห้าเสนอ
ยังไม่รอให้พ่อบ้านตอบ หมอยมบาลรีบพูดทันทีว่า “ไม่ได้ พิษในตัวแม่นางยังกำจัดไม่หมดเลย ให้นางไปจวนตระกูลฟู่ก่อนเถอะ มีฮูหยินเฒ่าฟู่อยู่ ไม่มีใครกล้ารังแกนางดอก”
พอหยุนห้าได้ยินก็เห็นด้วย “เช่นนั้นรบกวนผู้อาวุโสแล้ว”
“มิเป็นไร เจ้าเป็นคนในครอบครัวของนังหนูหยุนถิง ข้าต้องดูแลอยู่แล้ว”
หยุนห้าเลยส่งหงหลิงไปจวนตระกูลฟู่ ก่อนจากไปยังบอกหงหลิงว่า “เจ้ารอก่อนนะ ข้ากลับไปก็จะปรึกษาเรื่องแต่งเจ้าเข้าบ้านกับท่านพ่อ!”
หงหลิงซาบซึ้งใจยิ่งนัก พยักหน้าหงึกๆ “ข้าจะรอท่าน”
หยุนห้ากลับไป ก็รีบไปปรึกษาเรื่องแต่งงานกับหยุนเฉิงเซี่ยงทันที หยุนเฉิงเซี่ยงคิดถึงที่ว่าก่อนหน้านี้หยุนถิงเองก็สืบหาอะไรไม่เจอ และได้ยินว่าหงหลิงโดนรังแกอีกแล้ว เลยเห็นด้วย
“ตอนนี้เจ้าไปเตรียมเรื่องการแต่งงาน รอถิงเอ๋อร์กลับมาแล้วก็จัดพิธีแต่งงานให้พวกเจ้า!” หยุนเฉิงเซี่ยงตอบ
“ขอบคุณท่านพ่อ ขอบคุณมาก!” หยุนห้าตื่นเต้นยิ่งนัก รีบไปเตรียมการทันที
ส่วนทางด้านพวกหยุนถิงและจวินหย่วนโยว เพราะว่าพาลูกสองคนไปด้วย ระหว่างทางเลยไม่ได้เดินทางเร็วมากนัก ดังนั้นเลยออกเดินทางล่วงหน้าครึ่งเดือน ระหว่างทางแวะชมทิวทัศน์ธรรมชาติไปด้วย
คืนนี้พวกหยุนถิงค้างอ้างแรมที่โรงเตี๊ยมในเมืองเล็กแห่งหนึ่ง ทั้งหมดกำลังจะพักผ่อน หลิงเฟิงก็อุ้มนกพิราบสื่อสารสองตัวเข้ามารายงาน
“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย จวนตระกูลฟู่และจวนตระกูลหยุนส่งมาขอรับ”
จวนตระกูลหยุนเป็นจดหมายถึงบ้านปกติ แต่จวนตระกูลฟู่นั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ส่งจดหมายหาพวกเขา
“จวนตระกูลฟู่ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกหมอยมบาล?” หยุนถิงรับจดหมายมาเปิดออก
“เรื่องอะไรรึ?” จวินหย่วนโยวเลิกคิ้วมองมา