จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 889 ถิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นเต้นมากรึ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 889 ถิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นเต้นมากรึ
“หงหลิง หงหลิงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนซูตกใจมาก รีบยื่นมือไปพยุงนางไว้
องครักษ์คนนั้นเองก็ตกใจยิ่งนัก “คุณหนูสาม เหตุใดจู่ๆนางก็กระอักเลือดเล่า จะทำอย่างไรดี จะมาตายที่นี่ไม่ได้นะ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆนางก็เป็นเช่นนี้ เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากหรอก ข้าจะพานางไปหาหมอยมบาลผู้อาวุโส” หยุนซูบอก
“ได้ ข้าช่วยท่านพยุงนางไป” องครักษ์รีบช่วยทันที
พอออกจากวังหลวง หยุนซูรีบพาหงหลิงมุ่งตรงไปจวนตระกูลฟู่ทันที
พอหมอยมบาลได้ยินว่าหงหลิงกระอักเลือด ก็รีบจับชีพจรให้นางทันที “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ผู้อาวุโส คืนนี้ข้าจะพาหงหลิงไปที่คุกหลวง เพียงแต่พึ่งถึงหน้าประตูคุกหลวง นางพลันกระอักเลือดออกมา ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเลยพานางมาที่นี่ ผู้อาวุโส นางเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนซูพูดอย่างเป็นกังวล
หมอยมบาลคิ้วขมวดมุ่น หันมองสีหน้าซีดเผือดของหงหลิง “วางใจเถอะ นางเพียงแค่พิษในร่างกายยังกำจัดไม่หมด ข้าจะรักษาให้นางเดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก” หยุนซูซาบซึ้งยิ่งนัก
หมอยมบาลรีบป้อนยาให้หงหลิง จากนั้นฝังเขาให้นาง ผ่านไปสักพักถึงดึงเข็มเงินกลับ
“วางใจเถอะ พรุ่งนี้นางจะฟื้นขึ้นมาเอง นี่ก็สายมากแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ” หมอยมบาลบอก
“หงหลิงอยู่ที่จวนข้า เจ้าวางใจเถอะ” ฮูหยินเฒ่าฟู่ปลอบ
“เช่นนั้นก็รบกวนฮูหยินเฒ่าและผู้อาวุโสแล้ว”
ฮูหยินเฒ่าฟู่ให้องครักษ์ไปส่งหยุนซูกลับไป
หมอยมบาลออกจากห้อง จากนั้นรีบเรียกฮูหยินเฒ่าฟู่ไปห้องทำงาน
“เจ้าไม่ได้บอกว่านางถอนพิษไปหมดแล้วรึ?” ฮูหยินเฒ่าฟู่ถาม
“ต้องเป็นเพราะฝีมือการแพทย์ของเจ้าแก่นี่ไม่ได้เรื่องแน่” ตาเฒ่าเหอได้ยินว่าหงหลิงพิษกำเริบกลางดึก เดินเข้ามาอย่างหาวหวอดๆ
หมอยมบาลถลึงตาใส่เขาอย่างเดือดดาล “เหลวไหล ฝีมือการแพทย์ของข้าไร้ผู้ใดทัดเทียม นอกจากนังหนูหยุนถิงนั่น่ะ คืนนี้ข้าจะบอกเรื่องแปลกอย่างหนึ่งกับพวกเจ้า
หงหลิงต้องรู้วิชาแพทย์แน่ ก่อนหน้านี้พิษร้ายในกายนางโดนข้าถอนไปหมดแล้ว คืนนี้กลับกำเริบขึ้นมา แถมยังเป็นพิษร้ายของเมื่อหลายวันก่อนอีก
ได้ยินนังหนูหยุนซูบอกว่า นางกระอักเลือดหน้าประตูคุกหลวง ทำไมถึงมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้ ดังนั้นข้าสงสัยว่านางจงใจวางยาพิษตนเอง”
ฮูหยินเฒ่าฟู่สีหน้าตึงเครียดยิ่งนัก “หนูสกปรกตัวหนึ่งคิดจะทำการชั่วร้าย วางใจเถอะ ข้าไม่มีวันยอมให้นางทำร้ายตระกูลหยุนแน่”
ฮูหยินเฒ่าฟู่เขียนจดหมายให้หยุนถิงฉบับหนึ่งทันที ใช้นกพิราบที่จวินหย่วนโยวส่งให้นางก่อนหน้านี้ส่งออกไป
อีกด้านหนึ่ง พวกหยุนถิงที่ใกล้ถึงชายแดนแคว้นเป่ยลี่ ผ่านไปไม่กี่วันก็ได้รับนกพิราบสื่อสารของฮูหยินเฒ่า
หยุนถิงมองดูเนื้อหาบนนั้น ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “นางเป็นเหมือนที่ข้าคิดจริงๆ ทนไม่ไหวแล้ว ต้องไม่อยากโดนเนรเทศไปชายแดนกับพี่ชายห้าแน่ ถึงได้วิ่งหาทางอุตลุด”
จวินหย่วนโยวพึ่งกล่อมลูกสองคนหลับไป “แค่ตัวตลกเท่านั้นเอง จำเป็นต้องให้เจ้าใส่ใจเพียงนี้เชียวรึ คำพูดเดียวเท่านั้นเอง นางไม่คู่ควรให้เจ้าต่อกรด้วยหรอก”
“นางไม่คู่ควรจริงๆ แต่พี่ชายห้าเป็นครอบครัวของข้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีหญิงที่ชอบ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนเช่นนี้ ข้าย่อมไม่อาจให้พี่ชายห้าโดนหลอกได้อยู่แล้ว” หยุนถิงอธิบาย
“เจ้าอยากทำอย่างไรก็ตามใจเจ้าเถอะ เพียงแต่อย่าทำตัวเองเหนื่อยเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราเลย” จวินหย่วนโยวบอกอย่างสงสาร
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร”
“กว่าเด็กสองคนนี้จะหลับได้ไม่ง่ายเลย พวกเราไม่ได้ออกไปเดินเล่นนานแล้วนะ หลิงเฟิงวันนี้บอกว่า ละแวกนี้มีสระน้ำ ได้ยินว่ามีปลาเยอะมาก จะไปดูสักหน่อยไหม?” จวินหย่วนโยวเสนอ
หยุนถิงมองดูลูกชายหญิงที่หลับปุ๋ย หลายวันนี้เพราะว่าลูกสองคนอยู่ข้างกาย นางเลยแทบไม่มีโอกาสอยู่กันต่อสองต่อสองกับจวินหย่วนโยวเลย
“ท่านพี่พูดเช่นนี้ งั้นก็ไปเถอะ” หยุนถิงบอก
ทั้งสองเปลี่ยนชุดและออกไปท่ามกลางความมืด หยุนถิงและจวินหย่วนโยวขี่ม้าตัวเดียวกัน ม้าโจนทะยานออกไป หยุนถิงนั่งด้านหน้าจวินหย่วนโยว แผ่นหลังแนบติดแผงอกจวินหย่วนโยว บัดนี้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว มีเนื้อผ้าบางเบาคั่นกลาง หยุนถิงยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิบนตัวจวินหย่วนโยว
หยุนถิงแก้มร้อนผ่าวฉับพลัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นเต้นมากรึ?” จวินหย่วนโยวแสร้งเย้า
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หยุนถิงร่างแข็งเกร็ง
“ข้าจะตื่นเต้นทำไม แค่ลมคืนนี้เย็นไปหน่อยเท่านั้นเอง” หยุนถิงหาข้ออ้าง
วินาทีต่อมา จวินหย่วนโยวยื่นมือกอดหยุนถิงไว้ กอดรัดนางไว้ในอ้อมกอด แนบชิดร่างกายกับนาง
“แบบนี้ถิงเอ๋อร์ก็ไม่หนาวแล้ว”
หยุนถิงรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดอบอุ่นของจวินหย่วนโยว โดนเขาโอบรัดไว้แบบนี้ อบอุ่นมากจริงๆ เหมือนกับใจของนาง
“ขอบคุณท่านพี่”
“เกรงใจข้าทำไมกัน”
ทั้งสองคนควบม้าทะยาน ประมาณเวลาชั่วสองก้านธูปก็มาหยุดลงที่หุบเขา
จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงลงม้า ผูกม้าพักไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ข้างๆ จากนั้นจูงมือหยุนถิงเดินไปทางสระน้ำ
“ที่นี่ไง!”
หยุนถิงหันมองรอบด้าน แสงจันทร์กระจ่างส่องสว่าง สายน้ำไหลเวียน น้ำในสระใสกระจ่าง จนสามารถเห็นปลาไม่น้อยว่ายอยู่ในน้ำ ป่ารอบด้านชุกชุม แค่ดูก็รู้ว่าเป็นแหล่งทรัพยากรพร้อมสรรพ
“ท่านพี่ ที่แห่งนี้ไม่เลวเลยจริงๆ” หยุนถิงชื่นชม
จวินหย่วนโยวหยิบอุปกรณ์ตกปลาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ “ระหว่างทางต้องคอยดูแลลูกสองคน เจ้าเองไม่ได้พักผ่อนให้ดีเลย คืนนี้ถือซะว่ามาพักผ่อนแล้วกัน”
หยุนถิงยินดียิ่งนัก “ท่านพี่คิดได้รอบคอบนัก” พูดพลางปล่อยเบ็ดลงไปตกปลา ทั้งสองคนหาตำแหน่งที่ดีที่สุด และเริ่มตกปลา
สระน้ำเดิมมีปลาเยอะอยู่แล้ว ไม่นานหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็ตกปลาได้เยอะมาก
“ท่านพี่ ปลานี้อ้วนและสดนัก พวกเราย่างปลากันเถอะ” หยุนถิงเสนอ
“ได้ งั้นข้าไปเก็บกิ่งไม้”
“ไม่ต้อง ท่านลืมไปแล้วรึว่าข้ามีมิติ” หยุนถิงรีบหยิบอุปกรณ์ย่างออกมาจากในมิติ
จวินหย่วนโยวทำความสะอาดไส้ปลาอย่างชำนาญ จากนั้นหยุนถิงก็เริ่มย่างปลา
ปลาย่างคู่กับสุราเลิศรส ทั้งสองคนชนจอกเหล้ากันภายใต้แสงจันทร์ ช่างสบายอารมณ์และอบอุ่นยิ่งนัก
พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังอย่างนี้นานแล้ว ตั้งแต่มีลูก หยุนถิงก็ทุ่มเทใจทั้งหมดไปที่ตัวลูก ตอนนี้มีโอกาสสบายๆแบบนี้หายากนัก
ทั้งสองกำลังดื่มอย่างครึ้มใจ พลันได้ยินเสียงต่อสู้ไม่ไกลนัก และยังมีเสียงร้องขอความช่วยเหลืออีก
สตรีผู้หนึ่งเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ดูอนาถนัก พอเห็นทางนี้มีแสงไฟรีบพุ่งเข้ามาทันที “ช่วยข้า ขอร้องพวกท่านช่วยข้าด้วย!”
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกลับไม่ขยับเลย เพราะคนที่คิดร้ายต่อพวกเขามีมากเกินไป ใครจะรู้ว่าโดนลอบฆ่าจริงๆ หรือแกล้งแสดงละครกันแน่
คนชุดดำสิบกว่าคนด้านหลังไล่ตามมาแล้ว พอเห็นคนสองคนนั่งอยู่ที่พื้น ก็ตะคอกดังอย่างเดือดดาล “พวกเจ้าสองคนทางที่ดีอย่ายุ่งเรื่องผู้อื่น ไม่อย่างนั้นจะฆ่าพวกเจ้าด้วย”
รั่วเฟิงซีรู้ว่า คืนนี้ตนคงหนีไม่รอดแน่ เลยไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย “พวกเจ้าจะฆ่าข้า อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่รู้จักพวกเขาสักนิด แต่ตายก็ต้องตายตาหลับ ใครกันแน่ที่อยากฆ่าข้ารั่วเฟิงซี?”
หยุนถิงได้ยินชื่อนี้ มือที่ถือปลาย่างออกแรงเล็กน้อย “เจ้าคือฮองเฮาของเป่ยหมิงฉี่?”
รั่วเฟิงซีชะงักกึก หันมองนางทันที “ท่านรู้จักฝ่าบาทรึ?”
ยังไม่รอหยุนถิงตอบ กระบี่ยาวของคนชุดดำแทงเข้ามาทันที “เลิกพูดพล่ามเสียเวลาซะ ไปตายซะเถอะ!”