จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 890 ข้าชื่นชมนาง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 890 ข้าชื่นชมนาง
รั่วเฟิงซีตกใจจนหน้าซีดเผือด วิ่งไปด้านข้างฉับพลัน แต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนชุดดำพวกนั้นเลยสักนิด
พอเห็นกระบี่นั้นกำลังจะแทงรั่วเฟิงซี เข็มเงินในมือหยุนถิงลอยออกไปทันที
“ติ๊ง!” ดังขึ้น คนชุดนั้นพลันรู้สึกข้อมือชาด้าน เหมือนมีอาวุธลับอะไรโจมตีกระบี่เขา แต่ไม่เห็นเลยว่าอาวุธลับนั้นยิงออกมาจากไหน
“ถิงเอ๋อร์ พวกเขามิคู่ควรให้เจ้าลงมือ หลงเอ้อร์!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
หลงเอ้อร์ที่ซ่อนอยู่ในที่ลับพุ่งร่างเข้ามาทันที รวดเร็วปราดเปรียว เร็วปานสายฟ้าแลบ รั่วเฟิงซียังไม่ทันเห็นหน้าเขาชัดเจน ก็เห็นเงาดำร่างหนึ่งซัดคนชุดดำพวกนั้นกระเด็นไป
คนชุดดำล้มลงร้องโหยหวน ขยับตัวไม่ได้อีกเลย
รั่วเฟิงซีตกใจนัก คนผู้นี้ฝีมือเก่งกาจนัก สามารถสู้ได้หนึ่งต่อสิบ เมื่อครู่นางได้ยินว่าเขาชื่อหลงเอ้อร์
หลงเอ้อร์ นั่นคือองครักษ์เงามังกรของจวินซื่อจื่อแห่งแคว้นต้าเยียน ชื่อเสียงสั่นสะท้านไปทั้งสี่แคว้น และเขารับหน้าที่คุ้มครองซื่อจื่อเฟยโดยเฉพาะ
รั่วเฟิงซีหันมองหยุนถิงและจวินหย่วนโยว พลันรู้ฐานะของพวกเขาทันที และรีบคารวะ “ขอบคุณจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยนักที่ช่วยชีวิตข้า หากวันหน้ามีสิ่งใดจะใช้ข้อ ทั้งสองโปรดบอกได้เลย ข้าจะไม่อิดออดเลย”
“ในเมื่อเจ้าเป็นฮองเฮาของเป่ยหมิงฉี่ เหตุใดถึงโดนคนไล่ฆ่าได้ หรือว่าเป่ยหมิงฉี่ไม่ได้ส่งคนคอยคุ้มครองเจ้า?” หยุนถิงถามเปิดอก
รั่วเฟิงซียิ้มมุมปากอย่างขมขื่น “ฝ่าบาทภารกิจมากมาย มีหรือจะคิดถึงข้า”
น้ำเสียงเย้ยหยันขั้นสุด ทำให้หยุนถิงยิ่งประหลาดใจ นางยังอยากจะถามอะไรอีก รั่วเฟิงซีก็หน้ามืดสลบไปเสียก่อน
หยุนถิงเดินเข้าหาพลางพยุงนางไว้ รีบช่วยนางจับชีพจรทันที “บาดเจ็บสาหัสนัก เสียเลือดมากเกินไปทำให้หมดสติไป”
หยุนถิงหยิบอุปกรณ์รักษาจากในมิติออกมาช่วยทำความสะอาดบาดแผลให้นาง จากนั้นก็ป้อนยาบำรุงเลือดให้นางสองเม็ด
มาโดนรบกวนอย่างนี้ หยุนถิงหมดอารมณ์ตกปลาและกินปลาอีก “ทานพี่ พวกเรากลับกันเถอะ”
“ได้!”
พอหยุนถิงและจวินหย่วนโยวกลับถึงห้อง ก็เห็นจวินเสี่ยวเทียนเดินสะลึมสะลือออกมา “ท่านพ่อท่านแม่พวกท่านไปไหนกันมาน่ะ?”
จวินหย่วนโยวได้แต่หาข้ออ้างว่า “ข้ากับท่านแม่เจ้าออกไปปลดทุกข์น่ะ”
“โกหก เมื่อครู่ข้าพึ่งไปมา ทำไมไม่เห็นพวกท่านล่ะ” จวินเสี่ยวเทียนย้อนทันควัน
จวินหย่วนโยวโดนลูกชายเปิดโปงต่อหน้า ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “พ่อแค่ไปอีกที่หนึ่ง”
“บุรุษไม่อาจไปห้องปลดทุกข์ของสตรีได้ ท่านพ่อท่านทำเช่นนี้น่ะลามกนะ!” จวินหย่วนโยวมองอย่างดูถูก
“ลามก ใครสอนเจ้าคำนี้กัน?” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น นี่มิใช่จงใจสอนลูกเขาผิดๆรึ
“ท่านแม่สอนข้าเอง นางบอกว่าชายหญิงนั้นแตกต่างกัน”
หยุนถิงพยักหน้าเห็นด้วย “คำพูดนี้ข้าสอนเขากับเสี่ยวเหยียนจริงๆ ความตั้งใจของข้าคือให้พวกเขารู้ว่าชายหญิงนั้นแตกต่างกัน จะได้รู้จักปกป้องตัวเอง”
จวินหย่วนโยวดึงมือลูกชายเข้าหาตัวเอง “เสี่ยวเทียน อีกที่หนึ่งที่พ่อไปไม่ใช่ห้องปลดทุกข์ของสตรี แต่เป็นด้านนอกน่ะ”
“ที่ไหนกัน ท่านพาข้าไปได้ไหม?” จวินเสี่ยวเทียนถามต่ออย่างไม่ลดละ
หยุนถิงเริ่มไม่รู้จะตอบยังไงดีแล้ว ฝีมือในการรุกไล่ถามใหจนมุมของเจ้าหนูนี่เหมือนพ่อเขาจริงๆ
“ท่านพี่ เช่นนั้นท่านพาเสี่ยวเทียนไปนะ ข้าไปนอนเป็นเพื่อนลูกสาวละ” หยุนถิงโดนปัญหาปวดขมองอันนี้ให้เขาทันที
จวินหย่วนโยวยิ้มหน่ายใจ ถิงเอ๋อร์นี่เจ้าเล่ห์จริงๆนะ
“พรุ่งนี้พ่อพาเจ้าไปนะ ตอนนี้ด้านนอกมืดเกินไป มีหมาป่าดำด้วย ไม่ปลอดภัย” จวินหย่วนโยวแกล้งหาข้ออ้างอีก
“ท่านพ่อ หมาป่าดำเป็นเรื่องเล่าของท่านแม่ ไม่มีอยู่จริงดอก ท่านอย่ามาหลอกข้านะ” จวินเสี่ยวเทียนเปิดโปงเขา
จวินหย่วนโยวกุมขมับ “อันที่จริงพ่อไปตกปลามา อยากจะตุ๋นน้ำแกงปลาให้เจ้ากับเสี่ยวเหยียนพรุ่งนี้น่ะ”
หลงเอ้อร์รีบยื่นถังน้ำในมือมาให้ดู “ซื่อจื่อน้อย ท่านดูสิ”
จวินเสี่ยวเทียนเห็นปลาตัวใหญ่หลายตัวในถังน้ำ ถึงได้รามือ “ว้าว ปลาตัวใหญ่จังเลย แบบนี้พรุ่งนี้คงได้กินน้ำแกงปลาสดๆอร่อยๆแล้วสิ”
จวินหย่วนโยวถึงถอนหายใจโล่งอก พลางอุ้มลูกชายกลับห้องไปนอน
เช้าวันต่อมา น้ำแกงปลาสดๆก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ เสี่ยวเทียนและเสี่ยวเหยียนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
รั่วเฟิงซีเองก็ฟื้นแล้วเดินเข้ามา จากนั้นก็ขอบคุณจวินหย่วนโยวและหยุนถิงทันที พอเห็นเด็กน้อยสองคนอย่างจวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียนกำลังถือชามกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ก็อิจฉายิ่งนัก
“ลูกชายหญิงของจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย เฉลียวฉลาดว่านอนสอนง่าย น่าอิจฉายิ่งนัก” รั่วเฟิงซีโพล่งออกมาทันที
หยุนถิงกลับเห็นแววเจ็บปวดและเหงาหงอยจากใบหน้านาง “ต่อไปยามเจ้าแต่งงานมีลูก ก็จะเป็นเช่นนี้แหละ”
รั่วเฟิงซียิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน “ไม่ปิดบังซื่อจื่อเฟย ฝ่าบาทเลือกข้าเป็นฮองเฮา ก็เพียงแค่สนใจอำนาจของตระกูลรั่วในแคว้นเป่ยลี่เท่านั้น ราชสำนักและวังหลัง บุตรสาวภรรยาเอกแห่งตระกูลรั่วอย่างข้าสามารถช่วยเขากุมอำนาจราชบัลลังก์เท่านั้นเอง ข้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ฝ่าบาทใช้ควบคุมตระกูลรั่วเท่านั้นเอง”
หยุนถิงไม่คิดเลยว่า รั่วเฟิงซีคนนี้จะมองเรื่องทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งและเข้าใจอย่างนี้
“เจ้าไม่อยากแต่งงานกับเป่ยหมิงฉี่รึ?”
“ฝ่าบาททรงเป็นฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยลี่ ควบคุมดูแลทุกสิ่งในแคว้นเป่ยลี่ตระกูลรั่วเป็นขุนนางมาสามรัชกาลแล้ว และข้าในฐานะบุตรสาวภรรยาเอกของตระกูลรั่ว นับจากวินาทีแรกที่ถือกำเนิดมาก็ได้รับการบอกแจ้งชะตาชีวิตข้าไว้แล้วว่า ต้องเข้าวังเป็นฮองเฮา อยากไม่อยากแล้วเป็นอย่างไรเล่า” รั่วเฟิงซีถอนหายใจบอก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไป!” หยุนถิงบอก
“ข้าไปกับพวกท่านด้วยได้หรือไม่ ถึงข้าจะรู้ว่าทำเช่นนี้เป็นการละลาบละล้วง แต่นักฆ่าพวกนั้นไม่รู้ว่าจะมาอีกเมื่อไหร่ ข้ายังไม่อยากตาย ขอซื่อจื่อเฟยโปรดกรุณาด้วย!” รั่วเฟิงซีอ้อนวอน
“ในเมื่อเจ้าเป็นฮองเฮาของเป่ยหมิงฉี่ และครั้งนี้ข้ามาเพื่อร่วมงานแต่งงานของเป่ยหมิงฉี่ เช่นนั้นเจ้าก็ร่วมเดินทางไปกับพวกเราเถอะ!” หยุนถิงตอบ
“ขอบคุณซื่อจื่อเฟย ขอบคุณมาก!” รั่วเฟิงซีซาบซึ้งยิ่งนัก รีบกลับห้องไปอย่างรู้งานทันที
“ซื่อจื่อเฟย รั่วเฟิงซีผู้นี้เป็นฮองเฮาแต่กลับโดนนักฆ่าตามฆ่า น่าสงสัยนัก เหตุใดให้นางอยู่ต่อเล่า?” ซูหลินเอ่ยถาม
“สตรีผู้หนึ่งยอมละทิ้งการแต่งงานของตน เพียงเพื่อภาระหน้าที่ต่อตระกูล ข้าชื่นชมนาง” หยุนถิงตอบ
“เช่นนั้นนี่เอง”
พระราชวังเป่ยหมิง
เป่ยหมิงได้ยินองครักษ์ลับกลับมารายงาน บอกว่ารั่วเฟิงซีโดนไล่ฆ่า และถูกหยุนถิงช่วยไว้โดยบังเอิญ หัวใจที่หวาดหวั่นก็พลันผ่อนคลายลง
การที่เขาเลือกรั่วเฟิงซี เป็นเพราะฐานะของตระกูลรั่วในราชสำนักแคว้นเป่ยลี่จริงๆ แต่ก็มีใจส่วนตัวอยู่หน่อยคือ ในที่สุดเด็กหญิงที่คอยร้องไห้ขี้มูกโป่งวิ่งไล่ตามเขาอยู่เมื่อสมัยเด็กนั้นโตเสียที
เดิมเขาอยากรอให้ราชสำนักสงบหน่อยค่อยแต่งตั้งฮองเฮา แต่ไม่คิดว่าในงานเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อน ฮูหยินรองของตระกูลรั่วจะกล้าวางแผนกับตน
ถึงจะเป็นฮูหยินตราตั้งชั้นสาม กลับใฝ่สูงอยากให้บุตรสาวภรรยารองเข้าวังเป็นสนม ดังนั้นเป่ยหมิงฉี่จึงมีราชโองการแต่งตั้งรั่วเฟิงซีเป็นฮองเฮา
เป่ยหมิงฉี่ย่อมรู้ดีว่าฮูหยินรองเกลียดรั่วเฟิงซีเข้าไส้ และพยายามหาทางลงมือกับนาง กระทั่งลอบฆ่า แต่เป่ยหมิงฉี่กลับไม่ได้ส่งคนไปยับยั้ง
ที่เขาต้องการไม่ใช่ฮองเฮาที่อ่อนแอปวกเปียก ไม่รู้จักโต้ตอบ ได้แต่พึ่งพาเขา แต่เป็นคนที่สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้
ครั้งนี้ถือว่าเป็นการทดสอบของเป่ยหมิงฉี่ที่มีต่อรั่วเฟิงซี