จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 893 เจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้อีกรึ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 893 เจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้อีกรึ
“เพราะจื่ออวิ้นหาว่าจวินซื่อจื่อเป็นชายบำเรอ! หลายวันก่อนลูกไปขอพรให้ไท่จื่อที่วัดหยุนไห่ ซึ่งลูกไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับใครเลย มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้
แต่ระหว่างทางกลับมา ลูกกลับเจอนักฆ่า พวกเขาฆ่าคนควบรถม้าและสาวใช้ ทั้งยังจะฆ่าลูก โชคดีที่ลูกเจอกับจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย ถึงรอดมาได้
ดังนั้นลูกเลยตามพวกเขากลับมา แต่ไม่คิดว่า พอถึงถนนในเมืองหลวง ก็เจอกับจื่ออวิ้น นางหาว่าลูกยั่วยวนบุรุษ ทำให้ตระกูลรั่วขายหน้า และยังหาว่าจวินซื่อจื่อเป็นชายที่ดีแค่รูปงามเท่านั้นต่อหน้าสาธารณชนอีกด้วย
ปกติอี๋เหนียงชอบบอกว่าจื่ออวิ้นเชี่ยวชาญหนังสืและมารยาท อ่อนโยนเอาใจใส่ ขอถามหน่อยว่า คนที่รู้มารยาทจริงๆจะกล้าลบหลู่พี่สาวตนเองต่อหน้าทุกคน ประกาศเรื่องมดเท็จ นำความขายหน้ามาสู่ตระกูลรั่วรึ
ตอนนั้นชาวบ้านที่มาห้อมล้อมมีมากนัก ทุกคนล้วนได้ยินกันชัดเจน ถึงจวินซื่อจื่อจะโหดเหี้ยม เย็นชาอำมหิต หากไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์มาก่อน
เพราะจื่ออวิ้นปากไม่มีหูรูด ลบหลู่เหยียดหยามจวินซื่อจื่อต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นจวินซื่อจื่อถึงตัดลิ้นนาง คำที่ลูกพูดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น หากท่านพ่อไม่เชื่อส่งคนไปถามชาวบ้านที่ถนนนั้นได้เลย!
อันที่จริง จวินซื่อจื่อได้ยั้งมือไว้แล้ว หากมิใช่อย่างนั้น ตอนนี้จื่ออวิ้นคงกลายเป็นศพไปแล้ว” รั่วเฟิงซีตอบอย่างเปิดเผย
น้ำเสียงอ่อนโยน แต่ประหนึ่งท่อนไม้ใหญ่ทุบลงกลางใจรั่วเฉิงเซี่ยง
เขาที่เดิมตกตะลึง พลันเดือดดาลทะลุฟ้า หันไปหานางโค่ว พลางยกมือขึ้นตบหน้านางฉาดใหญ่ทันที
“อ๊า!” นางโค่วร้องเสียงหลง หันมองรั่วเฉิงเซี่ยงอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง “นายท่าน นี่ท่านตบข้ารึ?”
นางอยู่กับรั่วเฉิงเซี่ยงมาหลายปี รั่วเฉิงเซี่ยงรักใคร่โปรดปรานนางยิ่งนัก ต่อให้หลังจากที่แม่ของรั่วเฟิงซีตายไปแล้ว ตนจงใจรังแกนาง นายท่านก็แค่ทำทีปิดตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งเท่านั้น เขาไม่เคยลงมือกับนางมาก่อน
“นี่คือลูกสาวที่เจ้าอบรมสั่งสอนมาอย่างดร กล้าเหยียดหยามพี่สาวแท้ๆของตนต่อหน้าสาธารณชน ทำลายชื่อเสียงเฟิงซี ยังด่าว่าจวินซื่อจื่อ เสียแรงที่ข้ารู้สึกว่านางน่าสงสาร นางน่ะหาเรื่องตายเองชัดๆ!
หากว่าใครกล้าแอบไปช่วยจื่ออวิ้นลับหลังข้า ข้าจะไล่คนผู้นั้นออกจากจวน พ่อบ้านตอนนี้เจ้าส่งคนไปตะโกนตามท้องถนนซะว่า ข้ากับรั่วจื่ออวิ้นตัดขาดสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกกันแล้ว นางจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลรั่วอีก!” รั่วเฉิงเซี่ยงตะคอกดังอย่างเดือดดาล
“ขอรับ!” พ่อบ้านตกใจรีบไปจัดการทันที
พอนางโค่วได้ยินอย่างนั้นก็สีหน้าซีดเผือด รีบคุกเข่าลงทันที “นายท่าน ขอร้องท่านช่วยจื่ออวิ้นด้วยเถอะ นางเป็นลูกสาวแท้ๆของท่านนะ ท่านจะใจร้ายเยี่ยงนี้ได้อย่างไร นางเป็นลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนกว่าจะคลอด ข้ามีลูกสาวคนนี้คนเดียวนะ!”
เสียงร้องไห้โหยหวนนัก
รั่วเฉิงเซี่ยงเห็นนางโค่วคุกเข่าร้องไห้โหยหวนที่พื้น สีหน้าเคียดแค้นเริ่มไหวหวั่น
เพียงแต่เขายังไม่ทันเอ่ยปาก รั่วเฟิงซีก็พูดต่อว่า “โค่วอี๋เหนียงพูดเช่นนี้ ท่านจะทำให้ท่านพ่อต้องผิดต่อตระกูลนะ
ท่านพ่อทำเช่นนี้มิใช่เขาใจร้าย แต่กำลังปกป้องตระกูลรั่วต่างหาก หากมิใช่เพราะจื่ออวิ้นลบหลู่จวินซื่อจื่อ ก็ไม่มีทางมีจุดจบเช่นนี้
จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยรักใคร่ ปรองดองต่อกันยิ่งนัก นี่แค่จวินซื่อจื่อให้คนลงมือนะ ซื่อจื่อเฟยยังมิได้ทำอะไรเลย
ดังนั้นท่านพ่อควรจะตรึกตรองให้ดีก่อนทำอะไรลงไป เพราะอำนาจของจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยไร้ผู้ใดทัดเทียมได้ทั่วทั้งสี่แคว้น อย่าว่าแต่ตระกูลรั่วของเราเลย ต่อให้เป็นทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่ พวกเขาก็ไม่เกรงกลัวดอก
ลูกก็สงสารจื่ออวิ้น แต่หากต้องแลกตระกูลรั่วทั้งหมดเพื่อนาง ท่านพ่อก็จะกลายเป็นคนผิดของตระกูลรั่ว ข้าว่าท่านพ่อก็คงไม่อยากให้ประวัติร้อยปีของตระกูลรั่วมาถูกทำลายลงในมือท่านกระมัง!”
พูดจาสวยหรูชัดเจน บอกเล่าข้อได้ข้อเสียไว้ในนั้นทั้งหมด
รั่วเฉิงเซี่ยงเข้าใจทั้งหมด สีหน้าเย็นชาลงฉับพลัน “เจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้อีกรึ หากมิใช่เพราะปกติเจ้าคอยตามใจนาง จื่ออวิ้นมีหรือจะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ ใครก็ได้ พานางโค่วกลับเรือนนางซะ และหากไม่มีคำสั่งข้า ห้ามมิให้นางออกจากเรือนแม้เพียงครึ่งก้าว!”
นางโค่วอึ้งบื้อไปเลย นางถลึงตาใส่รั่วเฟิงซีอย่างเคียดแค้น หากสายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้รั่วเฟิงซีคงตายไปแปดร้อยครั้งแล้ว
“นายท่าน ท่านจะทำอย่างนี้กับข้าไม่ได้นะ จื่ออวิ้นเป็นลูกสาวของข้า ต่อให้ข้าต้องเสี่ยงชีวิตก็จะช่วยนางให้ได้ ท่านไม่ช่วย ข้าจะไปเอง!” นางโค่วไม่สนใจอะไรแล้ว คลานขึ้นจากพื้นจะพุ่งออกทางประตู
“วันนี้หากเจ้าก้าวออกไป ก็อย่าหวังจะได้กลับมาตระกูลรั่วอีก!” รั่วเฉิงเซี่ยงตะคอกดังอย่างเดือดดาล
นางโค่วตกใจ เท้าที่ยกขึ้นค้างกลางอากาศ ไม่กล้าขยับอีก
นางอยู่กับรั่วเฉิงเซี่ยงมาหลายปี ย่อมรู้นิสัยเขาดีอยู่แล้ว หากตนออกไปจริงๆ ต่อไปเขาคงไม่ต้องการตนอีกแน่
พอคิดว่าต่อไปนางจะมิใช่ฮูหยินรองจวนตระกูลรั่ว เหล่าขุนนางในเมืองหลวงต้องซ้ำเติม เหยียดหยามเสียดสีนางแน่ โดยเฉพาะนังแพศยารั่วเฟิงซีนั่น—
นางโค่วไม่มีวันยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นแน่ แค้นครั้งนี้อีกสิบปีล้างแค้นก็ไม่สาย จื่ออวิ้นเลินเล่อจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว นางจะสูญเสียฐานะฮูหยินรองไปไม่ได้เด็ดขาด
แต่นางพึ่งจะประกาศไป หากตอนนี้หมุนตัวกลับไป ต้องโดนรั่วเฟิงซีดูถูกแน่ และจะโดนคนรับใช้หาว่าคนเป็นแม่อย่างนางนั้นใจไม้ไส้ระกำนัก
พอคิดถึงตรงนี้ นางโค่วแสร้งทำท่าตีอกชกตัว หลับตาสลบไปดื้อๆเลย
“ฮูหยินรอง!” สาวใช้รีบเข้ามาทันที และยื่นมือมาพยุงนาง “นายท่าน ฮูหยินรองสลบไปแล้ว!”
รั่วเฉิงเซี่ยงเห็นนางโค่วเป็นอย่างนี้ ก็ยิ่งเดือดดาลหนักกว่าเดิม “พานางกลับเรือนซะ!”
“เจ้าค่ะ!”
รั่วเฟิงซีเหล่มองนางโค่วที่แกล้งสลบ พลางยิ้มมุมปากเย้ยหยัน ไม้นี้นางโค่วใช้ได้ใช้ดีไม่เบื่อจริงๆ นางฉลาดกว่ารั่วจื่ออวิ้นมากนัก
“เฟิงซี ในเมื่อเจ้ากลับมาด้วยกันกับพวกจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย เช่นนั้นจะ—“ รั่วเฉิงเซี่ยงยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นรั่วเฟิงซีหน้ามืดสลบลงไป
นางแกล้งทำให้บาดแผลเลือดออกเมื่อครู่ ก็เพื่อให้รั่วเฉิงเซี่ยงเห็นว่าตนนั้นลำบากน่าสงสารหนักหนา บวกกับตรากตรำมาระหว่างทาง นางไม่ได้พักผ่อนให้ดี ตอนนี้เลยอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ใครก็ได้ ไปเชิญท่านหมอมา เร็ว!” รั่วเฉิงเซี่ยงรีบรับร่างลูกสาวไว้
พอช่วยพยุง เขาถึงพบว่า แท้จริงแล้วเฟิงซีผอมบางเพียงนี้ แขนเล็กมาก พอเห็นสีหน้าซีดเผือดของนาง ดวงตาปิดสนิท รวมถึงรอยเลือดที่ไหล่ รั่วเฉิงเซี่ยงพลันโทษตัวเองและรู้สึกผิดยิ่งนัก
นับตั้งแต่แม่ของเฟิงซีตายไป และแต่งงานกับนางโค่ว รั่วเฉิงเซี่ยงก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเฟิงซีแล้ว
มองดูรั่วเฟิงซีที่สลบไสล รั่วเฉิงเซี่ยงพลันนึกถึงท่านแม่ของนาง ตอนนั้นตนรับปากนางจิ่นว่าจะปกป้องเฟิงซีให้ดี แต่กลับทำให้นางเป็นแบบนี้ รั่วเฉิงเซี่ยงอดโทษตนเองไม่ได้
“หมิงเซวียน!” รั่วเฉิงเซี่ยงแค่นเสียงเย็น
องครักษ์ลับชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น “นายท่าน มีสิ่งใดจะสั่งการรึขอรับ?”
“เจ้าไปสืบเรื่องเฟิงซีโดนลอบฆ่าด้วยตัวเอง เรื่องนางไปขอพรที่วัดมีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ เหตุใดจู่ๆก็เจอนักฆ่าเข้า ไม่ว่าเป็นผู้ใดกล้าแตะต้องลูกสาวข้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยมันไว้แน่!” รั่วเฉิงเซี่ยงบอกอย่างเคียดแค้น
หากมีใครกล้าแตะต้องเฟิงซีภายใต้สายตาเขา เขาจะไม่มีวันละเว้นแน่
“ขอรับ!”
………………………
แคว้นต้าเยียน
หงหลิงสลบไปหนึ่งคืน และฟื้นในเช้าวันต่อมา พอลืมตาขึ้นก็เห็นห้องที่คุ้นเคย เลยรู้ว่าอยู่ที่จวนตระกูลฟู่
พอคิดถึงภาพนั้นที่เห็นในพระราชวัง หงหลิงคิ้วขมวดมุ่น นางต้องหาหนทางไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
จากนั้นหงหลิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้า นางรีบหลับตาลงแกล้งสลบต่อทันที
ฮูหยินเฒ่าฟู่เดินเข้ามา มองดูหงหลิงที่อยู่บนเตียง “หมอยมบาล เหตุใดนังหนูนี่ยังไม่ฟื้นอีกเล่า?”