จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 898 เทียบกับหยุนถิงของข้าแล้ว ยังห่างชั้นอีกไกลนัก
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 898 เทียบกับหยุนถิงของข้าแล้ว ยังห่างชั้นอีกไกลนัก
“เหตุใดถึงคันขนาดนี้ หรือว่าผงยาที่ข้าใส่เสด็จพี่โดนตัวข้าเอง” กู้สวิ๋นอวี่บ่น และไม่ได้คิดมากอะไร ตอนเดินออกไปก็เจอเข้ากับโค่วซ่างซูที่คุกเข่าอยู่ด้านนอกพอดี
กู้สวิ๋นอวี่เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเห็นใจ “โค่วซ่างซู ท่านมาคุกเข่าอยู่ที่นี่ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้ท่านคุกเข่าจนตายอยู่ที่นี่ เสด็จพี่ก็ไม่พบท่านหรอก เขากำลังดื่มชาคุยเล่นกับจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยอยู่น่ะ ไม่มีเวลาสนใจท่านหรอก แทนที่จะเสียเวลาอยู่ที่นี่ สู้ไปครุ่นคิดหาทางที่สำนักบำเรอดีกว่า”
พูดจบ กู้สวิ๋นอวี่เดินจากไปทันที
โค่วซ่างซูคุกเข่าจนขาชาแล้ว พอได้ยินกู้สวิ๋นอวี่พูดเช่นนี้ ก็โกรธนัก ฝ่าบาทไม่ยอมพบตนหากคุยเล่นกับจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย ต่อให้เขาเป็นแค่ซ่างซู แต่ฝ่าบาททำเช่นนี้มันช่างหนาวเหน็บหัวใจนัก
โค่วซ่างซูมองตามแผ่นหลังกู้สวิ๋นอวี่ พลางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณองค์หญิงที่เตือน” พูดจบ ก็ลุกขึ้นจากไป
ตระกูลโค่วบอก
โค่วซ่างซูพึ่งเข้าไป ก็รีบให้คนไปเรียกโค่วเหลิงที่เป็นลูกชายมา
โค่วเหลิงกับนางเฉียนลูกสะใภ้พากันรีบเร่งมา พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของท่านพ่อ โค่วเหลิงกระซิบถามเสียงเบาว่า “ท่านพ่อ เรื่องจื่ออวิ้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“จะอย่างไรได้เล่า ฝ่าบาทยอมดื่มชาเป็นเพื่อนจวินหย่วนโยวสองผัวเมียก็ไม่ยอมพบข้า เจ้าส่งคนไปสำนักบำเรอตอนนี้เลย ไปคุยดูแลสักหน่อย ต่อให้จะไม่สามารถช่วยจื่ออวิ้นออกมาได้ แต่จะให้นางโดนรังแกหรือลำบากไม่ได้เด็ดขาด!”
“ขอรับท่านพ่อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” โค่วเหลิงหมุนตัวออกไป
“ข้าขอตัวด้วย!” นางเฉียนรีบตามออกไปทันที
พอออกจากเรือน นางเฉียนรีบเรียกโค่วเหลิงไว้ “ท่านพี่ รอก่อน สถานที่เช่นสำนักบำเรอนั้นหากบุรุษเช่นท่านไปคนเดียว มิเท่ากับทำลายชื่อเสียงตระกูลโค่วรึ ข้าไปดีกว่า สตรีเช่นข้าคนอื่นก็พูดอะไรไม่ได้”
โค่วเหลิงคิดๆดูก็มีเหตุผล “ฮูหยินพูดถูกต้องแล้ว เช่นนั้นลำบากเจ้าแล้วนะ”
“มีอะไรลำบากกัน จื่ออวิ้นเป็นหลานตาที่ท่านพ่อรักใคร่ที่สุด ข้าในฐานะป้าก็ต้องดูแลอยู่แล้ว” นางเฉียนพูดพลางออกไปทันที
บนรถม้า
หลิวมามาคนสนิทกระซิบถาม “ฮูหยิน ท่านจะไปดูแลคุณหนูจื่ออวิ้นจริงรึ?”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน จื่ออวิ้นถือตนว่าเป็นลูกสาวของนางโค่ว เป็นหลานตาของท่านพ่อ ไม่เคยเห็นป้าอย่างข้าอยู่ในสายตามาตลอด กลับมาตระกูลโค่วทีก็แสดงท่าทีหยิ่งจองหอง ทำให้ใครดูกันล่ะ
ลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วก็เท่ากับน้ำที่สาดออกไปนอกบ้าน ท่านพ่อนี่เหลวไหลจริงๆ ตอนนี้จื่ออวิ้นเกิดเรื่องขึ้นก็สมน้ำหน้าแล้ว นางโค่วน่ะตามใจนางมากเกินไป
นางคอยฟูมฟักลูกสาวให้เกี่ยวดองกับชนชั้นสูง สุดท้ายกลับโดนตัดลิ้นและส่งตัวไปสำนักบำเรอ ชาตินี้ก็เป็นได้แค่นังแพศยาชั้นต่ำ ข้าย่อมต้องไปดูสภาพอนาถของนางสิ
จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยนี่ทำเรื่องดีนัก ช่วยข้าแก้แค้นไป หัวใจที่หนักอึ้งมาหลายปีนี้พลันสบายใจขึ้นนัก” นางเฉียนบอกอย่างสาแก่ใจ
“ฮูหยินพูดถูกแล้ว ต้องขอบคุณพวกจวินซื่อจื่อ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องหลานสาวของซ่างซูได้จริงๆ!” หลิวมามาบอกอย่างนอบน้อม
สำนักบำเรอ
รั่วจื่ออวิ้นโกรธจนสลัดเสื้อผ้าเหม็นเน่านั่นทิ้งลงพื้น ด่ากราดไม่หยุด แต่ลิ้นโดนตัดไปแล้ว ยังเจ็บจนเลือดออก นางได้แต่ส่งเสียงอื้อๆ
“ยังคิดว่าตนเป็นคุณหนูรองของจวนเฉิงเซี่ยงรึ ไม่ดูตนเองเลยว่าเป็นอย่างไร หญิงใบ้ผู้หนึ่งกล้ารังเกียจเสื้อผ้าของสำนักบำเรอ
หากเป็นเมื่อก่อน ข้าต้องนอบน้อมต่อเจ้าแน่ แต่บัดนี้เจ้าเป็นศัตรูกับจวินซื่อจื่อ นั่นน่ะจวินซื่อจื่อแห่งแคว้นต้าเยียนเชียวนะ เขาพูดแค่คำเดียวก็สามารถทำล้ายล้างทั้งตระกูลรั่วได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุตรสาวภรรยารองตัวเล็กๆอย่างเจ้า
หากว่าง่ายก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงาน ไม่เช่นนั้นข้ามีวิธีทรมานเจ้ามากมายนัก ข้าน่ะถนัดในการอบรมพวกไม่เชื่อฟังที่สุดแล้ว” โจวมามาที่เป็นหัวหน้าควบคุมบอกอย่างเย้ยหยัน
นางไม่ชอบหน้าพวกคุณหนูคุณชายตระกูลสูงที่สุด แต่ละคนอ่อนแอบอบบางยิ่งนัก มายังถิ่นของนางแล้ว นางไม่มีทางอ่อนข้อให้แน่
รั่วจื่ออวิ้นเคยโดนทำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด นางยกมือขึ้นจะตบหน้าโจวมามาอย่างโกรธจัด เพียงแต่มือยังไม่ทันได้แตะหน้าอีกฝ่าย โจวมามา ก็พลิกมือซัดฝ่ามือตบหน้านางสองฉาดรวด
“นังแพศยานี่ กล้าคิดสั่งสอนข้า ตอนข้ามาควบคุมที่นี่ เจ้ายังแบเบาะอยู่เลย ใครก็ได้ อัดนางให้ตายเลย!” โจวมามาบอกอย่างเคียดแค้น
แม่เฒ่าสองคนเข้ามาจากด้านนอกทันที เตะต่อยใส่รั่วจื่ออวิ้นไปยกใหญ่ ทำเอานางร้องโหยหวน เพียงแต่พูดไม่ออก ได้แต่ร้องไห้อื้อๆ ทำท่าอ้อนวอนขอร้อง
นางเฉียนมาเจอภาพนี้เข้าพอดี นางไม่ได้เข้าไป แต่กลับยืนมองอย่างเย็นชา
โจวมามาพอเห็นคนมา ก็ตกใจยิ่งนัก นี่น่ะฮูหยินน้อยของจวนซ่างซู ให้อีกฝ่ายมาเห็นตนทรมานรั่วจื่ออวิ้นเช่นนี้ คงไม่รอดแล้วสิเรา
โจวมามากำลังจะหาข้ออ้างอธิบาย ก็ได้ยินนางเฉียนบอกว่า “โจวมามาทำได้ไม่เลว ให้รางวัล!”
หลิวมามารีบยื่นถุงเงินมาให้ โจวมามาอึ้งไป จากนั้นก็หันมองถุงผ้าใส่เงินนั้น รีบกระลิ้มกระเหลี่ยบอก “ขอบคุณฮูหยินน้อย”
“ต่อไปลำบากโจวมามาแล้วนะ” นางเฉียนบอก
“ฮูหยินน้อยวางใจเถอะ ข้าจะดูแลนางให้ดีแน่”
รั่วจื่ออวิ้นที่โดนอัดอยู่ในห้อง เหมือนได้ยินเสียงของป้า นางอยากจะอ้อนวอนขอให้ช่วย แต่กลับโดนแม่เฒ่าสองคนจับกดและตบสั่งสอน หนีออกมาไม่ได้เลย ได้แต่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บ
โจวมามากะปริมาณเงินในมือ ยิ้มอย่างได้ใจนัก ฮูหยินน้อยมาสั่งสอนรั่วจื่ออวิ้นนี่เอง ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่นางมักเย่อหยิ่งจองหองอยู่เสมอ สมน้ำหน้าโดนซ้ำเติมเข้าให้
ห่างไปไม่ไกลมีคนรับใช้คนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และจากไปทันที จากนั้นก็ส่งข่าวนี้ให้ขอทานด้านนอกทางประตูหลัง ขอทานรีบมุ่งไปจวนตระกูลรั่วทันที และบอกข่าวนี้แก่รั่วเฟิงซี
พอรั่วเฟิงซีได้ยิน พลันหัวเราะเสียงดัง เพียงแต่หัวเราะไปหัวเราะมาน้ำตากลับไหลออกมา
“คุณหนูใหญ่ ท่านเป็นอะไรรึ?” ซีเอ๋อร์ถามอย่างเป็นห่วง
“ตอนนั้นหากมิใช่น้ำแกงหวานของนางชามนั้น ท่านแม่ก็ไม่โดนพิษจนตาย ใครจะสงสัยกันว่าเด็กห้าขวบจะวางยาพิษคน แต่นางกลับชั่วร้ายอย่างนี้เอง
หลายปีมานี้รั่วจื่ออวิ้นคิดทำร้ายข้ามาตลอด ทั้งที่แจ้งที่ลับมาทุกรูปแบบ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลย บัดนี้มีจุดจบเช่นนี้ถือว่าสมควรกับนางแล้ว” รั่วเฟิงซีบอกอย่างเคียดแค้น
ซีเอ๋อร์อยู่กับรั่วเฟิงซีมาหลายปี รักกันเหมือนพี่น้อง ย่อมต้องรู้เรื่องราวตอนนั้นดี
“ฮูหยินที่อยู่ปรโลกรู้เข้า ต้องวางใจแน่ หลายปีมานี้ลำบากคุณหนูใหญ่แล้ว” ซีเอ๋อร์บอกอย่างสงสาร
“ตอนนั้นพวกนางให้ร้ายท่านแม่ข้า ข้าจะเอาคืนมันทั้งหมด ซีเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าไปหาเหิงจิ่ว ให้เขาบอกข่าวนี้แก่ฮูหยินรอง” รั่วเฟิงซีบอก
“เจ้าค่ะ!”
นั่นไง ฮูหยินรองที่กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก พอได้ยินว่าลูกสาวตนได้รับการทรมานอย่างมากที่สำนักบำเรอ นางรีบไปร้องไห้อ้อนวอนรั่วเฉิงเซี่ยงทันที สุดท้ายโดนรั่วเฉิงเซี่ยงตบหน้าหัน แถมยังโดนกักบริเวณอีก
ส่วนที่พระราชวังแคว้นเป่ยลี่
หยุนถิงได้ยินคำรายงานเรื่องพวกนี้จากองครักษ์ลับ ก็อดมองรั่วเฟิงซีใหม่ไม่ได้
“สมเป็นฮองเฮาที่เป่ยหมิงฉี่เลือก ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“เทียบกับหยุนถิงของข้าแล้ว ยังห่างชั้นอีกไกลนัก” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงหึ
“เป่ยหมิงฉี่ไม่ได้เลือกผิดจริงๆ เชื่อว่างานมงคลครั้งนี้ต้องสนุกมากแน่ๆ”
ทั้งสองคนกำลังพูดกัน สุดท้ายเห็นเป่ยหมิงฉี่ลากคนหนึ่งเข้ามา “หยุนถิง เจ้ารีบดูอาการให้สวิ๋นอวี่ที นางบอกว่า ตั้งแต่กลับไปก็คันคะเยอไปทั้งตัว ใบหน้าบวมปูดราวกับหัวหมู ตอนนี้มองหน้าเดิมไม่เห็นแล้ว”
หยุนถิงหันมองคนข้างๆทันที กู้สวิ๋นอวี่รีบเอาหมวกคลุมหน้าลงทันที พอเห็นใบหน้านั้นของนาง หยุนถิงขมวดคิ้วทันที
“ซื่อจื่อเฟย ขอร้องท่านช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากเป็นหัวหมู!”