จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 899 ในใจและดวงตาข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 899 ในใจและดวงตาข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น
กู้สวิ๋นอวี่หน้าบวมปูดอย่างมาก แถมยังมีรอยปานดำ เพราะบวมหนักมาก ปากก็เลยบิดเบี้ยวไปด้วย พูดจาเลยฟังไม่ค่อยชัด
“สภาพท่านนี่อัปลักษณ์นัก น่าเกลียดจัง!” จวินเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างๆเดินเข้ามา บอกอย่างรังเกียจ
“น่าเกลียดกว่าขอทานหน้าบ้านข้าเสียอีก!” จวินเสี่ยวเทียนเสริม
พอได้ยินคำพูดของเด็กสองคน กู้สวิ๋นอวี่สีหน้ายิ่งไม่น่าดูหนักขึ้น ไม่พอใจอย่างมาก แต่พวกเขาพูดความจริงทั้งนั้น
“ขอร้องซื่อจื่อเฟยช่วยข้าด้วย หากไม่อาจฟื้นฟูรูปโฉมได้ ข้ายอมตายดีกว่า” กู้สวิ๋นอวี่อ้อนวอน
หยุนถิงมองดูใบหน้ากู้สวิ๋นอวี่อย่างละเอียด อาการแบบนี้นางคุ้นเคยอยู่ คล้ายกับว่า—
จวินเสี่ยวเหยียนรับรู้ได้ถึงสายตาที่ท่านแม่มองนาง พลันร้อนตัวขึ้นมาทันใด “ท่านพ่อ ข้าอยากกินของว่าง ท่านไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยเถอะ”
“ได้!” จวินหย่วนโยวไม่สงสัยเลย หายากนักที่ลูกสาวจะขอร้องเขา เลยรีบรับปากแน่นอนอยู่แล้ว
“ท่านพ่อ ข้าไปด้วย”
จวินหย่วนโยวมือซ้ายจูงมือจวินเสี่ยวเหยียน มือขวาจูงมือจวินเสี่ยวเทียนจากไป
หยุนถิงเห็นยัยหนูทำอย่างนี้ แน่ใจในการคาดเดาของตนทันที แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยพูดว่า “ข้าจับชีพจรให้เจ้าก่อนแล้วกัน”
กู้สวิ๋นอวี่รีบยื่นมือให้ทันที หยุนถิงจับชีพจรให้นาง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นว่า “เจ้าโดนพิษแล้ว พิษนี้ไม่ถึงกับชีวิต แต่จะทำให้เจ้าคันคะเยอยิ่งนัก ใบหน้าบวมปูดอย่างหนัก ข้าจะจ่ายยาให้เจ้า เจ้าอดทนกินต่อเนื่องทุกวันนะ ไม่เกินเจ็ดวันก็หาย”
“ดียิ่งนัก ขอบคุณซื่อจื่อเฟย ขอบคุณมาก!” กู้สวิ๋นอวี่บอกอย่างตื่นเต้น
หยุนถิงออกใบสั่งยาให้นาง กู้สวิ๋นอวี่รีบไปให้สำนักหมอหลวงจัดยาให้ทันที
“หยุนถิง ขอบคุณเจ้ามาก!” เป่ยหมิงฉี่บอกอย่างซาบซึ้ง
“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องแค่นี้เอง”
“งั้นเจ้าพักผ่อนนะ ข้าไม่รบกวนละ” เป่ยหมิงฉี่ลุกขึ้นจากไป
หยุนถิงรีบไปหาจวินเสี่ยวเหยียนทันที “ยัยหนู เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่?”
จวินเสี่ยวเหยียนใบหน้าแข็งเกร็งตื่นเต้นพลางก้มหน้าลงต่ำ “ท่านแม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ ข้าแค่ให้เจ้าดินน้อยสั่งสอนนางเท่านั้น ใครให้นางบอกว่าจะแย่งท่านพ่อไปล่ะ”
“ท่านแม่ ท่านพ่อเป็นของข้ากับเสี่ยวเหยียน จะให้นางแย่งไปไม่ได้เด็ดขาด” จวินเสี่ยวเทียนเสริม
หยุนถิงเห็นสีหน้าขึงขังบึ้งตึงของเด็กสองคน พลันนึกถึงการล้อเล่นของกู้สวิ๋นอวี่ก่อนหน้านี้ ดูท่าเด็กสองคนคงคิดว่าเป็นเรื่องจริง
หยุนถิงยกมือขึ้นดึงจวินเสี่ยวเหยียนและจวินเสี่ยวเทียนเข้าในอ้อมกอด “พวกเจ้าวางใจเถอะ ท่านพ่อเป็นพ่อของพวกเจ้า และเป็นสามีของแม่ตลอดไป ใครก็แย่งไปไม่ได้”
หากมีใครกล้าคิดแย่ง ข้าจะต้องไม่ปล่อยนางเอาไว้แน่ ดังนั้นพวกเจ้าวางใจได้ ท่านพ่อจะเป็นพ่อของพวกเจ้าเท่านั้น หากเขากล้าไปหาคนอื่น ข้าจะหักขาเขาเสีย!”
เดิมจวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆกำลังซาบซึ้ง ได้ยินประโยคสุดท้าย สีหน้าบึ้งตึงทันที
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าใจร้ายไปหรือไม่?”
“หากท่านกล้าไปกับหญิงอื่นจริงๆ ก็ไม่ใช่สามีข้าแล้ว ข้าย่อมไม่มีทางยั้งมือแน่” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร ในโลกนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ต้องตาข้า ทั้งหัวใจและดวงตาข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น ข้าชอบเพียงแค่เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเทียน ใครก็แย่งข้าไปไม่ได้ และข้าก็ไม่มีทางไปกับใครหน้าไหนทั้งนั้น
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเทียนวางใจได้ พ่อรักพวกเจ้าที่สุด หากใครกล้ามารังแกพวกเจ้า พ่อจะสั่งสอนนางอย่างสาสมเลย ต่อไปไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไรก็ไม่ต้องสนใจ พ่อจะเป็นพ่อของพวกเจ้าตลอดไป” จวินหย่วนโยวรับประกัน
จวินเสี่ยวเหยียนยื่นมือกอดจวินหย่วนโยว “ท่านพ่อดีที่สุดเลย ข้าชอบท่านพ่อ”
รับรู้ได้ถึงร่างกายอ่อนนุ่มของนังหนู ทั้งๆที่แขนเล็กขนาดนี้ แต่กลับกอดตนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด หัวใจของจวินหย่วนโยวก็ละลายหมดแล้ว
ที่แท้การที่ลูกสาวต้องการตนเป็นความรู้สึกเช่นนี้เอง ดีจริง
“พ่อก็ชอบเจ้า” จวินหย่วนโยวตอบอย่างตื้นตัน
“ข้าก็ต้องการท่านพ่อ” จวินเสี่ยวเทียนเองก็มากอดจวินหย่วนโยวเหมือนกัน
หยุนถิงเห็นภาพนี้เข้าแล้วปลาบปลื้มนัก หายากนะที่เด็กสองคนจะสนิทสนิทกับจวินหย่วนโยวขนาดนี้
หลังจากเป่ยหมิงฉี่ออกมา ก็พุ่งไปห้องของตำหนักข้างทันที พอได้เห็นชุดเจ้าสาวชุดนั้น ก็พอใจยิ่งนัก
“ทหาร!”
ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ถวายบังคมอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาท มีสิ่งใดจะสั่งการรึขอรับ?”
“เจ้าส่งชุดเจ้าสาวชุดนี้ไปตระกูลรั่วด้วยตัวเอง ส่งให้ถึงมือรั่วเฟิงซี!” เป่ยหมิงฉี่ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ตระกูลรั่ว
รั่วเฉิงเซี่ยงได้ยินว่าฝ่าบาทพระราชทาน ก็พาทุกคนมารอรับ ถวายบังคมอย่างนอบน้อม
“ฝ่าบาทให้กระหม่อมนำชุดเจ้าสาวมามอบให้คุณหนูใหญ่รั่ว และของพระราชทานพวกนี้ด้วย!” ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงเอ่ยบอก
รั่วเฟิงซีมองของหลายสิบกล่องแวบหนึ่ง “ขอบพระทัยของพระราชทานของฝ่าบาท!”
พอเห็นองครักษ์หลวงหลายสิบคนหามกล่องหลายสิบกล่องเข้าไปในเรือนรั่วเฟิงซี คนรับใช้คนหนึ่งก็รีบไปรายงานฮูหยินรองทันที
พอได้ยินว่ารั่วเฟิงซีได้รับของพระราชทานมากมายเช่นนี้ แถมยังมีชุดเจ้าสาว ฮูหยินรองริษยาแทบบ้า ปัดกวาดของตกแต่งบนโต๊ะตกพื้นหมดอย่างเคียดแค้น
“ถือดีอะไร ถือดีอะไรรั่วเฟิงซีกลายเป็นฮองเฮา ส่วนจื่ออวิ้นของข้ากลับถูกส่งไปสำนักบำเรอ ข้าไม่มีวันยอมให้นางทำสำเร็จแน่นอน!” แววตาฮูหยินรองทอประกายเหี้ยมเกรียมและเคียดแค้น
กลางดึกคืนนั้นฮูหยินรองเปลี่ยนเป็นชุดดำ แอบพาหลิวมามาหนีจากเรือนออกมา มุ่งตรงไปยังห้องหนังสือของรั่วเฟิงซีทันที
ตอนกลางวันนางให้สาวใช้ไปสืบมาแล้วว่า รั่วเฟิงซีวางชุดเจ้าสาวไว้ในห้องหนังสือ
ห้องหนังสือกลางดึกไม่มีคนคอยเฝ้า ฮูหยินรองเข้าไปได้อย่างราบรื่น ในนี้ไม่มีแสงตะเกียงเลยแม้แต่เพียงนิด แต่แสงจันทร์ในคืนนี้ใสกระจ่างนัก อาศัยแสงจันทร์ ฮูหยินรองก็สามารถมองเห็นชุดแต่งงานสีแดงที่แขวนไว้ที่ข้างหน้าต่างแล้ว
นางริษยาจนตาแดงก่ำทันที “เดิมมันควรเป็นของจื่ออวิ้น กลับเสร็จนังแพศยารั่วเฟิงซีเสียได้ น่าตายนัก” พูดพลางควักมีดสั้นที่เตรียมมาก่อนแล้วในแขนเสื้อออกมาจะทำลาย
แต่มีดยังไม่ทันโดนชุดแต่งงานนั้น ฮูหยินรองก็เปลี่ยนความคิด นี่เป็นชุดแต่งงานของฮองเฮา เนื้อผ้าและวัตถุดิบที่ใช้ล้วนเป็นของชั้นดีนัก
ถึงนางจะเป็นฮูหยินรองของจวนเฉิงเซี่ยง แต่กลับไม่เคยเห็นชุดแต่งงานดีขนาดนี้มาก่อน และยิ่งไม่เคยสวมใส่มาก่อน พลันเกิดความคิดบังอาจมากอันหนึ่งออกมา
ฮูหยินรองถอดเสื้อนอกที่ใส่อยู่ออกทันที และเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานสีแดงชุดนี้ พลางมองดูตนเองในชุดแดง ทั้งยินดีและตื่นเต้นยิ่งนัก
“นับแต่นี้เป็นต้นไปข้าคือฮองเฮาแห่งแคว้นเป่ยลี่ อยู่ใต้คนเพียงคนเดียวแต่เหนือคนนับหมื่น ฮะฮะ!” ฮูหยินรองพูดอย่างเย่อหยิ่ง ประหนึ่งว่าตอนนี้นางเป็นฮองเฮาแล้วก็ไม่ปาน
หลิวมามาที่รออยู่ด้านนอกได้ยินเสียงนี้ ชะโงกหน้าเข้ามาดู พลันตกใจยิ่งนัก “ฮูหยินไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นชุดของฮองเฮานะ”
“แล้วอย่างไรเล่า นังแพศยารั่วเฟิงซีนั่นไม่คู่ควรเป็นฮองเฮาเลยสักนิด คืนนี้ข้าจะใส่ให้สาสมใจเลย” ฮูหยินรองสาแก่ใจนัก และหมุนคว้างอีกหลายครั้ง
“ฮูหยิน ท่านถอดออกมาเถอะ หากให้ใครมาเห็นเข้า นายท่านต้องลงโทษท่านอีกแน่!” หลิวมามาเตือน
พอได้ยินว่ารั่วเฉิงเซี่ยง ฮูหยินรองยิ่งโกรธจนแทบลมจับ ตาเฒ่านี่ ตนอยู่กับเขามาหลายปีขนาดนี้ จื่ออวิ้นเกิดเรื่องขึ้น เขาไม่เพียงไม่ช่วยคน ยังตัดขาดสัมพันธ์กับจื่ออวิ้น กักบริเวณตน เหตุใดเขาถึงใจดำเพียงนี้
สุดท้ายฮูหยินรองก็ถอดชุดแต่งงานนั้นออกมา และใช้มีดตัดเสียเละตุ้มเป๊ะ ถึงได้จากไปอย่างพอใจ
นางไม่ได้กลับเรือน แต่กลับพุ่งตรงไปห้องหนังสือของนายท่าน และเปลี่ยนหินหมึกที่รั่วเฉิงเซี่ยงใช้เป็นประจำเป็นอีกอันที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนแล้วถึงจากไป