จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 911 เจ้ามาเปิดโปงข้าสินะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 911 เจ้ามาเปิดโปงข้าสินะ
พวกเขาไม่เคยเห็นหนอนสีดำที่ตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ตัวใหญ่เท่าฝ่ามือของชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเต็มๆ บนตัวมีขามากมาย เพียงแค่มองก็รู้สึกน่ากลัวแล้ว
“นี่เป็นหนอนบ้าอะไรกัน หลีกไป หลีกไปให้หมด! แมลงชนิดนี้คืออะไร ไปให้พ้น ไปให้พ้นทั้งหมด!” หยู่อ๋องตกใจและตะโกนเสียงดังทันที
เขาคิดต้องการจะหนี แต่ร่างกายไม่สามารถขยับได้โดยสิ้นเชิง มองดูหนอนสีดำตัวใหญ่คลานเข้ามาทางตัวเอง ก็ตกใจจนสีหน้าซีดเผือด ตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที
และหนอนสีดำนั่นก็มีความเร็วที่รวดเร็วมาก แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ไต่ขึ้นไปบนตัวของหยู่อ๋องแล้ว จากนั้นก็แทะเนื้อหนังของเขา หยู่อ๋องเจ็บปวดจนร้องโอดครวญ ผู้คนหวาดกลัวขวัญผวา
หยุนถิงมองดูหยู่อ๋องเจ็บปวดด้วยความเย็นชา บนใบหน้าไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ
ไม่กี่วันก่อนจ้าวกงกงพาเด็กทั้งสองไปเล่นว่าวในอุทยาน วันรุ่งขึ้นจ้าวกงกงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ เขาเคยเห็นสาวใช้ในวังมาหมดแล้ว มีเพียงสาวใช้ที่ส่งว่าวผู้นั้นที่ไม่คุ้นตา
อย่างเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซื่อจื่อน้อยและจวิ้นจู่น้อย ก็เป็นธรรมดาที่จ้าวกงกงจะไม่ปล่อยปละละเลย เพื่อความปลอดภัยจึงให้คนไปเรียกสาวใช้ทุกคนมารวมตัวกัน ซึ่งก็หาสาวใช้ผู้นั้นไม่พบดังคาด
จ้าวกงกงรู้สึกผิดปกติทันที ไปรายงานต่อหยุนถิง หยุนถิงรีบจับชีพจรให้เด็กทั้งสองอย่างฉับพลัน ตรวจสุขภาพให้พวกเขา พบว่าที่แขนของพวกเขาทั้งสองมีรอยประทับเหมือนเส้นผมรอยหนึ่งจริงๆ ซึ่งนั่นก็คือสารพิษ
จวินหย่วนโยวโกรธมาก จึงส่งคนออกค้นหาทั่วทั้งพระราชวังทันที และพบที่ซ่อนของสาวใช้คนนั้นจริงๆ แต่ หยุนถิงกลับห้ามไว้ไม่ให้จวินหย่วนโยวลงมือ
สาวใช้ผู้หนึ่งยังไงก็ไม่มีความกล้าเช่นนี้ ดังนั้นเบื้องหลังของนางจะต้องมีคนบงการ ฉะนั้นสองสามวันมานี้หยุนถิงจึงได้รั้งทัพไว้เพื่อรอจังหวะบุกมาโดยตลอด ก็เพื่อล่อคนเบื้องหลังออกมา
เวลานี้เมื่อเห็นว่าทั้งตัวของหยู่อ๋องถูกหนอนพิษกู่กัดแทะจนเลือดเนื้อเปรอะเปื้อน ลึกจนมองเห็นกระดูก สีหน้าความเย็นชาทั้งใบหน้าของหยุนถิง ก็เหมือนดั่งมองคนตายเช่นนั้น
“ปึง!” เสียงหนึ่ง หลงเอ้อโยนคนๆหนึ่งเข้าไปโดยตรง ซึ่งก็คือสาวใช้ที่ส่งว่าวให้กับจวินเสี่ยวเหยียนและจวินเสี่ยวเทียนก่อนหน้านี้ “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย จับสาวใช้ผู้นี้มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยโปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ บ่าวผิดไปแล้ว หยู่อ๋องเป็นคนสั่งให้บ่าวทุกอย่าง บ่าวไม่มีทางเลือกเพคะ!” สาวใช้รีบร้องขอชีวิตทันที เมื่อเห็นหนอนตัวใหญ่ดำทะมึนรอบๆตัว ก็ตกใจจนสั่นไปทั้งตัวขึ้นมา
“ตั้งแต่วินาทีนั้นที่เจ้าวางยาพิษโอรสและธิดาของข้า ก็ควรจะรู้ผลที่ตามมาแล้ว!” จวินหย่วนโยวคำรามด้วยความเดือดดาล พลังฝ่ามือฟาดเข้าไปอย่างรุนแรงฝ่ามือหนึ่ง
เสียงร้องอันน่าสังเวชดังมาสองครั้ง สาวใช้ถูกหักแขนไปข้างหนึ่ง และหยู่อ๋องที่อยู่ด้านหลังนางก็ถูกพลังฝ่ามือนั่นทำให้ได้รับบาดเจ็บ ขาหักไปข้างหนึ่ง
เลือดพ่นกระเซ็นออกมา เสียงร้องอันน่าเวทนาดังสนั่นลั่นฟ้า
หนอนพิษกู่สีดำเหล่านั้นได้กลิ่นคาวเลือด ก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษ ไต่เข้าไปหาสาวใช้และหยู่อ๋องด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงแค่พริบตาเดียวหนอนสีดำทะมึนก็คลานไปทั่วร่างของทั้งสองแล้ว สามารถมองเห็นเสื้อผ้าได้รางๆ ทั้งร่างกายและศีรษะล้วนถูกหนอนพิษกู่บุกโจมตีทั้งหมด
“อ้าก เจ็บปวดชะมัด ออกไป เจ้าพวกหนอนเฮงซวยพวกนี้ ออกไปให้หมด ฝ่าบาทช่วยข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทช่วยชีวิตข้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หยู่อ๋องโอดครวญร้องขอชีวิต
เป่ยหมิงฉี่มองไปยังหยู่อ๋องที่ถูกหนอนพิษกู่โจมตีด้วยสายตาอันเย็นชา เฉยเมยและเหยียดหยาม แต่ก็ไม่ได้เปล่งเสียงหยุดยั้ง
เป่ยหมิงฉี่ได้ให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่เขาแล้ว เป็นเขาที่รนหาที่ตาย ที่เป็นเหมือนดั่งวันนี้ทั้งหมดก็เพราะเขาแส่หาเรื่องเอง
สาวใช้ยังไม่ทันได้ร้องโอดโอยสักเสียง ทั้งคนก็เหลือเพียงกองกระดูกสีขาวในพริบตาแล้ว เนื้อหนังทั้งหมดล้วนถูกหนอนพิษกู่กลืนกิน บรรดาขุนนางทั้งหมดตกใจกลัวจนแทบตาย รีบคุกเข่าร้องขอความเมตตาทันที
“ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยทั้งหมดล้วนถูกหยู่อ๋องข่มขู่ ขอฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!” ขุนนางผู้หนึ่งเป็นผู้นำในการร้องขอความเมตตา ขุนนางคนอื่นๆก็ต่างทยอยกันคุกเข่าลงพื้น
แต่เป่ยหมิงฉี่กลับไม่ไหวติง “ข้าเคยบอกไว้ว่า ไม่ต้องการคนทรยศเด็ดขาด วันนี้เป็นสิ่งที่พวกเจ้าเลือกเอง หากวันนี้ข้าตกเป็นคนที่ถูกทำร้าย คนอกตัญญูเช่นพวกเจ้าเหล่านี้จะต้องซ้ำเติมตามอีกหลายมีดเป็นแน่สินะ!”
“ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงงานหนัก พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อประเทศ แต่พวกเจ้ากลับทำได้ดี ไม่เพียงแค่ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณแต่ยังก่อกบฏตามหยู่อ๋องอีก สมควร!” รั่วเฉิงเซี่ยงตำหนิด้วยความโมโห พูดจบคำนี้ก็รีบหลบไปอยู่ด้านหลังเป่ยหมิงฉี่อีกครั้งทันที
เป็นดังคาดติดตามฝ่าบาท ปลอดภัยที่สุด
และขุนนางที่ยืนอยู่ข้างเป่ยหมิงฉี่ในก่อนหน้านี้ เวลานี้ทุกคนก็ล้วนรู้สึกแอบโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เพราะว่ายืนอยู่ข้างฝ่าบาท ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ถูกโจมตี มองดูพวกคนทรยศล้มกลิ้งร้องครวญครางอยู่ที่พื้นเหล่านั้น ขุนนางเหล่านี้ก็ต่างพากันดีใจที่ตัวเองยืนถูกข้างแล้ว
ขุนนางทรยศเหล่านั้นรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด ไม่สนใจที่จะร้องขอชีวิตแล้ว รีบวิ่งหนีพรวดออก เป่ยหมิงฉี่มองดูพวกเขาถูกหนอนพิษกู่โจมตี กัดกลืนด้วยความเย็นชา สุดท้ายก็หมดลม ตั้นแต่จนท้ายที่สุดก็ไม่ได้หยุดยั้ง
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นพวกเขารนหาที่เอง
หยุนถิงและจวินหย่วนโยวจูงมือจวินเสี่ยวเหยียนและจวินเสี่ยวเทียนเดินออกมาจากท้องพระโรง ปล่อยให้ด้านหลังร้องครวญครางโหยหวน กรีดร้องด้วยความอนาถ ทั้งสามสี่คนล้วนไม่มีความแยแสใด
“เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเทียนจะต้องจำไว้ สำหรับคนทรยศแล้วจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นปล่อยเสือกลับภูเขาก็รังแต่จะทำให้เกิดหายนะในภายหลังเท่านั้น!” หยุนถิงเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา
“ท่านแม่ ข้าจดจำไว้แล้ว คนทรยศชั่วร้ายที่สุด” จวินเสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง
“ท่านพี่ ข้าอยากไปเยี่ยมรั่วเฟิงซีหน่อย มีเรื่องบางอย่างที่ข้าอยากทำให้กระจ่างเพคะ” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ได้ ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”
และในท้องพระโรงด้านหลังพวกเขา เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ ศพนอนระเกะระกะอยู่เต็มพื้น กระดูกสีขาวเป็นกอง บรรยากาศในท้องพระโรงล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอันรุนแรง ผ่านไปเป็นเวลานานก็ไม่เคยจางหายไป
ดวงตาดำอันเฉียบเย็นของเป่ยหมิงฉี่กวาดมองไปทางหยู่อ๋องที่กลายเป็นกระดูกขาว “แคว้นเป่ยลี่เป็นกำลังแรงกายเลือดเนื้อจิตใจของเสด็จพ่อ ข้ายิ่งต้องปกป้องด้วยชีวิต ข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดมีความคิดทรยศก่อกบฏเป็นอันขาด ยิ่งจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดก็ตามทำให้แคว้นเป่ยลี่เกิดสงครามภายในขึ้นด้วย
วันนี้หยู่อ๋องร่วมมือกับบรรดาขุนนางก่อกบฏบีบบังคับให้สละราชบัลลังก์ พวกเขาสมควรได้รับโทษ เพียงแค่เป็นขุนนางที่มีส่วนร่วมให้ค้นบ้านและยึดทรัพย์ เนรเทศคนในครอบครัวไปชายแดน ห้ามกลับเมืองหลวงอีกชั่วนิรันดร์
และขุนนางที่เชื่อใจสนับสนุนข้า ข้าก็จะให้รางวัลเป็นธรรมดา ทุกคนเลื่อนขั้นตำแหน่งขุนนางติดกันสองขึ้น เงินเดือนเพิ่มขึ้นเท่าตัว ต่อจากนี้ไปพวกเจ้าก็คือขุนนางที่ข้าสนิทและไว้วางใจ!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระปรีชา อายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!” รั่วเฉิงเซี่ยงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
เขาไม่ได้มองคนผิดไปจริงๆ หยู่อ๋องคนต่ำช้าเช่นนั้นจะต่อกรกับฝ่าบาทได้อย่างไร
ขุนนางคนอื่นต่างก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นที่สุด ต่างพากันคุกเข่าลงโขกศีรษะแสดงความซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณ ไม่เพียงแค่รักษาชีวิตได้ชีวิตหนึ่งทั้งยังได้เลื่อนตำแหน่งอีก เทียบกับคนตายที่กลายเป็นกระดูกขาวบนพื้นเหล่านั้น พวกเขาก็โชคดีเป็นอย่างยิ่งจริงๆ
มุมปากของเป่ยหมิงฉี่ยกขึ้นด้วยความพอใจ ให้คนจัดการทำความสะอาดทันที จากนั้นก็สนับสนุนขุนนางใหม่
ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ว่าจะกำจัดพวกมอดในราชสำนักเหล่านี้ออกไปได้อย่างไร โดยเฉพาะการที่ขุนนางในราชสำนักถูกเปลี่ยนไปมากกว่าครึ่งในคราวเดียวจะต้องก่อเกิดความวุ่นวายระลอกใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ตอนนี้การที่พวกเขาติดตามหยู่อ๋องก่อกบฏกลับกลายเป็นเหตุผลที่ดีที่สุด
ทางนี้ หยุนถิงและคนอื่นๆไปที่ตำหนักของรั่วเฟิงซี รั่วเฟิงซีเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เห็นหยุนถิงเข้ามา สีหน้าของนางก็ไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
“ท่านพี่ ท่านพาเด็กๆออกไปเล่นข้างนอกก่อนเถอะเพคะ” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ได้!”
สำหรับการร้องขอของหยุนถิง จวินหย่วนโยวล้วนเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์มาโดยตลอด จูงเด็กๆเดินออกไป
รั่วเฟิงซีที่มีสีหน้าซีดเผือด อดทนต่อความเจ็บปวดอันมหาศาลในร่างกายลุกขึ้นจากเตียง “ซื่อจื่อเฟย ท่านมาเปิดโปงข้าสินะเพคะ ข้ารู้ด้วยฝีมือของข้าแล้วไม่สามารถปิดบังท่านได้อย่างแน่นอน!”
หยุนถิงมองไปทางนางด้วยสีหน้าเฉยเมย “ทำเช่นนี้ทำไม?”