จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 915 ตั้งใจถอยออกมาตั้งหลักเพื่อรอจังหวะบุกใหม่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 915 ตั้งใจถอยออกมาตั้งหลักเพื่อรอจังหวะบุกใหม่
“ทูลซื่อจื่อ เหยียนซู่เสวี่ยถูกนำตัวไปห้องด้านข้าง คนของพวกเราดูนางไว้อยู่น่ะพ่ะย่ะค่ะ ในระหว่างนั้นนางฟื้นแล้ว แล้วก็โดนตีจนสลบไปอีกครั้ง กลัวว่าจะรบกวนซื่อจื่อเฟยและจวิ้นจู่น้อยพ่ะย่ะค่ะ!” หลงยีตอบด้วยความเคารพ
นำตัวนางเข้ามา!” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความไม่พอใจคำหนึ่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”
องครักษ์เงามังกรสองคนนำตัวเหยียนซู่เสวี่ยเข้ามา เมื่อเห็นผิวพรรณดำคล้ำของนาง ร่างกายก็บวมพองจนไร้ที่เปรียบ เหมือนกับหมูเช่นนั้น อีกทั้งบนผิวหนังก็ยังมีรอยกระสีดำอีก เพียงแค่มองก็ทำให้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว
แค่แวบเดียวจวินหย่วนโยวก็มองออกได้ เหยียนซู่เสวี่ยเป็นเช่นนี้เพราะโดนยาพิษแล้ว และเขาก็ไม่ได้ใช้พิษกับนางโดยสิ้นเชิง หยุนถิงก็ถอนพิษให้ลูกอยู่ตลอด ไม่มีเวลาลงโทษนาง
“ซื่อจื่อ นี่น่าจะเป็นหนอนพิษกู่ของจวิ้นจู่น้อยพ่ะย่ะค่ะ!” หลงยีรีบเอ่ยปากทันที
ก่อนหน้านี้จวิ้นจู่น้อยเคยบอกเขา บอกว่าเพียงแค่ถูกหนอนพิษกู่กัดก็จะอัปลักษณ์อย่างไร้ที่เปรียบ ผิวพรรณจะกลายเป็นสีดำ ทั้งยังจะมีรอยกระอีกด้วย ก็คือคนอัปลักษณ์โดยแท้จริง ดังนั้นหลงยีจึงได้สันนิษฐานเช่นนี้
“สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของข้า ภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนี้ยังคิดที่จะปล่อยหนอนพิษกู่ออกมาได้อีก!” มุมปากของจวินหย่วนโยวยกขึ้นด้วยความพอใจ
“ซื่อจื่อ จะจัดการนางยังไงพ่ะย่ะค่ะ?” หลงยีถามขึ้นทันที
“กล้าทำร้ายเสี่ยวเหยียน ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆเด็ดขาด! ในเมื่อนางห่วงใยเจว๋กู่เพียงนี้ ให้คนส่งนางเข้าไปที่ค่ายทหารของเป่ยหมิงฉี่ไปเป็นหญิงบำเรอของกองทัพ หากว่านางกล้าเล่นตุกติกหรือว่ารนหาที่ตาย ก็ขุดศพของเจว๋กู่ออกมา ทำลายกระดูกให้เป็นเถ้าถ่าน ถึงตายแล้วก็อย่าให้สงบสุข!” จวินหย่วนโยวกล่าวคำรามด้วยความเดือดดาล
“พ่ะย่ะค่ะ!” หลงยีรีบไปสั่งการทันที
โม่เหลิ่งเหยียนได้ยินการลงโทษของเขา ยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ หมุนตัวแล้วเดินจากไป
“รอเดี๋ยว สามวันนี้ขอบใจเจ้ามากที่เฝ้าอยู่นอกประตู ข้าเชิญเจ้าไปดื่มชา!” จวินหย่วนโยวเปิดปากกล่าว
โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยกมุมปากแสดงความพอใจ “ได้ แต่ข้าต้องการดื่มชาหลงจิ่งที่เก็บได้ก่อนฝนแรกของปีของเจ้า”
“ได้!” จวินหย่วนโยวรีบให้คนไปชงชาทันที
นี่คือชาที่จวินหย่วนโยวโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง หาได้ยากและพบได้น้อยเป็นที่สุด ทุกครั้งที่จวินหย่วนโยวออกเดินทางจะให้คนรับใช้ที่ติดตามพกติดตัว เห็นแก่ครั้งนี้ที่เขาเสี่ยงบุกเข้ามาช่วยทั้งยังเฝ้าประตูให้อีกสามวัน จวินหย่วนโยวจึงรับปากเป็นธรรมดา
ทั้งสองคนตรงไปที่โต๊ะหินในลาน ผู้ใต้บังคับบัญชารีบชงชาทันที
จวินหย่วนโยวยกกาน้ำชานั่นขึ้นด้วยตัวเอง เทชาให้โม่เหลิ่งเหยียนแก้วหนึ่ง “ขอบใจมากที่เจ้ายื่นมือเข้าช่วย! เสี่ยวเหยียนเป็นลูกสาวของข้า หากว่านางเกิดเรื่อง ข้าจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต!”
“ก็เพราะจุดนี้ เจ้าเหมาะสมกับการเป็นพ่อ ข้ารู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมาก!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวชื่นชมขึ้นอย่างหาได้ยาก
“พูดมาเถอะ ครั้งนี้เจ้ามาสืบอะไรที่แคว้นเป่ยลี่?” จวินหย่วนโยวพูดอย่างตรงไปตรงมา
โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้ว ก็รู้ว่าเจ้าหมอนี่มาดื่มชากับตัวเอง จะต้องมีความคิดอยู่เป็นแน่ “ข้าสืบได้ถึงกองกำลังอันแปลกประหลาดได้จริงๆ นอกจากสำนักหิมะแล้วยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง เพียงแต่ร่องรอยการเดินทางของพวกเขานั้นลึกลับไม่มีที่อยู่แน่นอน แต่สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่”
สีหน้าของจวินหย่วนโยวตึงเครียดขึ้นเล็กน้อยแล้วเช่นกัน “ขนาดคนของเจ้ายังสืบไม่ได้ ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา!”
“ในเมื่อการแต่งงานครั้งใหญ่ของเป่ยหมิงฉี่สิ้นสุดลงแล้ว ก็รีบพาพวกเขากลับแคว้นต้าเยียนให้เร็วหน่อย”
“ได้!”
ทั้งสองล้วนไตร่ตรองทำเพื่อหยุนถิง จวินเสี่ยวเหยียนและจวินเสี่ยวเทียน ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความคิดเห็นตรงกัน
“โอ้โห คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าทั้งสองจะนั่งดื่มชาอย่างสงบจิตสงบใจที่นี่ได้ กลับทำให้ข้ารู้สึกเหนือความคาดหมายยิ่งนัก ข้ามาลิ้มรสชานี่ด้วยละกัน!” เป่ยหมิงฉี่เดินเข้ามาและนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ หยิบกาน้ำชาขึ้นแล้วรินชา
แต่กลับถูกจวินหย่วนโยวยื่นมือมาขวางไว้ “อยากจะดื่มชาก็ไปดื่มชาในวังของเจ้า หรือจะบอกว่าเจ้าที่เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยลี่ผู้สูงศักดิ์จะไม่มีแม้ชาสักกาเดียว!”
“จวินหย่วนโยวเจ้ายังจะขี้เหนียวอีก แค่ชากาเดียวต้องขนาดนี้ด้วยเหรอ ซวนอ๋องดื่มได้ ข้าดื่มไม่ได้หรือไง?” เป่ยหมิงฉี่ย้อนถามด้วยความขุ่นเคือง
“ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า ปล่อยให้คนของสำนักหิมะปะปนเข้าวัง ทำร้ายลูกสาวของข้า เป่ยหมิงฉี่เจ้าควรจะให้คำอธิบายกับข้าหน่อยหรือไม่!” เสียงอันเย็นยะเยือกของจวินหย่วนโยวดังมา
เป่ยหมิงฉี่ตัวสั่นทันที เขารู้อยู่แล้วว่าจวินหย่วนโยวจะต้องคิดบัญชีกับตัวเองทีหลัง บนใบหน้าเต็มไปด้วยการตำหนิตัวเองทันที
“เรื่องนี้เป็นความประมาทของข้าจริงๆ เป็นความผิดของข้า ข้าสั่งให้คนตรวจสอบพระราชวังโดยถี่ถ้วนแล้ว จะไม่ปล่อยให้อุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด ข้าเพิ่งจะนึกได้ว่าเมื่อครู่ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงต้องการจะรายงานสถานการณ์กับข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนการดื่มชาของท่านทั้งสองแล้ว” เป่ยหมิงฉี่พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที
โม่เหลิ่งเหยียนเหลือบฝีเท้าอันรวดเร็วของเป่ยหมิงฉี่ “เข้าตั้งใจถอยออกไปตั้งหลักเพื่อรอจังหวะเข้ามาใหม่ คิดจะไม่ให้เจ้าไต่ถามเอาความ คนของสำนักหิมะมากมายเพียงนั้น จะปะปนเข้ามาอย่างง่ายดายได้ยังไง ฉะนั้นเป่ยหมิงฉี่จึงไม่ได้ธรรมดาแบบที่เห็นได้โดยผิวเผินเช่นนี้แน่!”
มือที่ถือแก้วชาของจวินหย่วนโยวออกแรงเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำเข้มเหมือนดั่งยามค่ำคืนมีแววความเฉียบคมวาดผ่าน เขารู้ถึงความทะเยอทะยานของเป่ยหมิงฉี่เป็นธรรมดา การแต่งงานครั้งใหญ่ของเขาสำนักหิมะเข้ามาลอบสังหาร จะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร
“ข้าจะสั่งให้คนสืบเรื่องสำนักหิมะให้กระจ่าง หากว่าเป็นการกระทำของเขาจริงก็จะไม่ปรานีอย่างเด็ดขาด!” จวินหย่วนโยวแสดงความไม่พอใจประโยคหนึ่ง รีบให้หลงซานไปสืบทันที
จนกระทั่งฟ้ามืด หยุนถิงและจวินเสี่ยวเหยียนจึงได้ฟื้นขึ้นมา
จวินเสี่ยวเหยียนฟื้นขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดขาว มีความอ่อนแออยู่เล็กน้อย “ท่านแม่ ข้าต้องตายแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”
“ห้ามพูดเพ้อเจ้อ แม่จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไร เจ้าแค่โดนยาพิษ แม่ช่วยเจ้าถอนพิษแล้ว ร่างกายยังอ่อนแออยู่เท่านั้น พักผ่อนสองสามวันก็หายแล้ว” หยุนถิงกล่าวปลอบโยน
จวินหย่วนโยวเห็นลูกสาวฟื้นแล้ว รู้สึกปีติยินดีเป็นที่สุด รีบยกข้าวต้มที่ให้คนเตรียมไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วเข้ามาทันที “เสี่ยวเหยียนเพิ่งจะฟื้น กินข้าวต้มหน่อย รออีกไม่กี่วันหายดีแล้วพ่อจะทำเนื้อย่างให้เจ้ากิน”
“ข้าชอบกินเนื้อย่างที่สุดเลยเพคะ” จวินเสี่ยวเหยียนพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“น้องสาว รอเจ้าหายดีแล้วพวกเรามาเล่นด้วยกันนะ” จวินเสี่ยวเทียนก็วางใจแล้ว
จวินหย่วนโยวป้อนข้าวต้มให้ลูกสาวกินชามหนึ่งด้วยตัวเอง แล้วเล่นกับนางอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจวินเสี่ยวเหยียนก็ง่วงนอนและหลับไป
หยุนถิงมองไปยังจวินเสี่ยวเหยียนที่หลับสนิท รวมทั้งจวินเสี่ยวเทียนที่นอนเป็นเพื่อนอยู่ข้างนาง บนใบหน้าก็เป็นความอ่อนโยนเล็กน้อย จิตใจที่ตึงเครียดจึงได้ผ่อนคลายลง
สำหรับหยุนถิงแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพความแข็งแรงของเด็กทั้งสอง
“ท่านพี่ ท่านก็พักผ่อนเถอะเพคะ ไม่กี่วันนี้ลำบากท่านแล้ว” หยุนถิงมองดูหน้าตาอันเหนื่อยล้าของจวินหย่วนโยว เอ่ยขึ้นด้วยความสงสาร
“ไม่ลำบาก เพียงแค่เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเทียนปลอดภัย เหนื่อยมากเพียงใดก็ไม่ลำบาก ล้วนเป็นเพราะความประมาทของข้า ทำให้เสี่ยวเหยียนเกิดเรื่องขึ้น” จวินหย่วนโยวโทษตัวเองเป็นที่สุด
“นี่โทษท่านไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายมาด้วยความเตรียมพร้อมพวกเราก็ยากที่จะป้องกันได้ โชคดีที่เสี่ยวเหยียนไม่ได้เป็นอะไร แต่ว่าคนมากมายขนาดนี้ปะปนเข้าวังมาได้ยังไงกัน” หยุนถิงพูดความสงสัยในใจออกมา
“ข้าให้คนไปสืบแล้ว!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลงซานเดินเข้ามารายงาน “ทุกอย่างเป็นดั่งที่ซื่อจื่อสงสัยพ่ะย่ะค่ะ เป่ยหมิงฉี่สั่งให้คนตรวจสอบทั้งพระราชวังอย่างละเอียดจริงๆ ทั้งยังประหารชีวิตทหารที่รับผิดชอบเฝ้ารักษาความปลอดภัยที่ประตูทั้งหมด รวมทั้งคนที่ถูกสำนักหิมะซื้อตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
นัยน์ตาของจวินหย่วนโยวอบอวลไปด้วยน้ำค้างแข็งอันเย็นยะเยือกชั้นหนึ่ง “ฆ่าคนปิดปาก คนตายเป็นพยานไม่ได้!”