จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 916 เพราะข้าคิดถึงเจ้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 916 เพราะข้าคิดถึงเจ้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
สีหน้าของหยุนถิงไม่น่าดูเป็นที่สุด มีคนแอบปะปนเข้าวังมาก็สามารถเข้าใจได้ แต่คนจำนวนมากมายขนาดนั้นก็แอบปะปนเข้ามาได้ หากไม่มีหนอนบ่อนไส้คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เป่ยหมิงฉี่เป็นกษัตริย์ของแคว้นเป่ยลี่มีสายตากระจายอยู่ทั่วแคว้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้
“ท่านพี่ รอให้สุขภาพของเสี่ยวเหยียนหายดีแล้ว พวกเขาก็กลับแคว้นต้าเยียนกัน!” หยุนถิงเอ่ยปาก
เวลานี้พวกเขายังอยู่ในวังของแคว้นเป่ยลี่ ทั้งยังพาลูกมาอีกสองคน จึงไม่เป็นการดีที่จะหักหน้าแตกคอกับเขา รอพวกเขากลับแคว้นต้าเยียน แล้วค่อยๆคิดบัญชีนี้
“ได้!” จวินหย่วนโยวพยักหน้า
ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วัน ร่างกายของจวินเสี่ยวเหยียนก็ฟื้นตัวได้ดีมาก เป่ยหมิงฉี่ก็ให้คนส่งของบำรุงชั้นดี อาหารเลิศรสล้ำค่าแต่ละชนิดมาให้ทุกวัน เรียกได้ว่าเอาอกเอาใจเป็นอย่างมาก
สิบวันผ่านไป สุขภาพของจวินเสี่ยวเหยียนหายดีแล้ว หยุนถิงและจวินหย่วนโยวหารือกันว่าจะออกเดินทางกลับไปในสองวันนี้ จากนั้นก็เริ่มเก็บสัมภาระเดินทาง
นางกำนัลผู้หนึ่งยกขนมเข้ามา “ซื่อจื่อเฟย นี่เป็นขนมที่ฝ่าบาทให้บ่าวส่งมาให้ เชิญซื่อจื่อเฟยเสวยเพคะ”
“วางไว้บนโต๊ะเถอะ”
“เพคะ!” นางกำนัลวางขนมลง คำนับแล้วจากไป
หยุนถิงเก็บของได้อีกพอประมาณ รู้สึกปากแห้งเล็กน้อย เดินไปถึงข้างโต๊ะรินชาแก้วหนึ่งดื่มไปสองสามอึก เห็นว่าบนโต๊ะมีขนมวางไว้อยู่พอดี
หยุนถิงเพ่งมองขนมจานนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เอื้อมมือไปหยิบขนมชิ้นหนึ่งในนั้นมาแบะออก จากนั้นก็เห็นว่าด้านในขนมมีกระดาษข้อความเล็กๆแผ่นหนึ่ง หยุนถิงรีบเปิดออกทันที
เมื่อเห็นเนื้อหาด้านใน หยุนถิงก็รู้สึกตกใจอย่างที่สุด เพราะว่าตราสัญลักษณ์ด้านบนรูปนั้น หยุนถิงเคยเห็นอยู่บนภาพเหมือนของท่านแม่ ในห้องหนังสือของหยุนเฉิงเซี่ยงมาก่อนหน้านี้
ตอนนั้นในมือของท่านแม่ถือกระบี่ และบนพู่ห้อยกระบี่สลักตราสัญลักษณ์นี้ไว้
ก่อนหน้านี้เซียวหลันแขวนคอคนในเผ่าทั้งหมดของท่านแม่ หลังจากที่หยุนถิงรู้ความจริง จึงตั้งใจส่งคนสอดแนมของตัวเองที่อยู่ในทั้งสี่แคว้นออกไปสืบหา รวมทั้งเขตทะเลนิรนามทางนั้นก็หาด้วยเช่นกัน ถึงที่สุดก็ไม่มีเบาะแส
หรือว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังอยู่ที่แคว้นเป่ยลี่ด้วยงั้นหรือ?
หยุนถิงมองดูที่อยู่ที่ได้เขียนไว้ด้านบนแวบหนึ่ง เปลี่ยนชุดเป็นชุดผู้ชายแล้วออกไป
ในเรือน จวินหย่วนโยวกำลังเล่นเป็นเพื่อนกับเด็กทั้งสองอยู่ เห็นหยุนถิงเดินออกไปในชุดเสื้อคลุมสีขาวยาว ก็ประหลาดใจเล็กน้อย “ถิงเอ๋อร์ นี่เจ้า?”
“ท่านพี่ ข้าจะออกจากวังรอบหนึ่ง มีเรื่องสำคัญ รอข้ากลับมาแล้วค่อยบอกท่าน” หยุนถิงกล่าว
“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า” จวินหย่วนโยวเอ่ยปากด้วยสัญชาตญาณ
สำนักหิมะเพิ่งจะลอบสังหาร เขาไม่วางใจที่จะหยุนถิงออกไปด้วยตนเอง
“ได้ แต่สถานที่ที่ข้าไปไม่สะดวกที่จะพาพวกเด็กๆไปด้วย” หยุนถิงมีความลำบากใจเล็กน้อย อย่างไรเสียเอาเด็กทั้งสองไว้ในวัง นางก็ไม่วางใจ
“ข้าช่วยพวกเจ้าดูแลเด็กๆ!” โม่เหลิ่งเหยียนที่เดินเข้ามาเอ่ยปากขึ้น
หยุนถิงโล่งใจในพริบตา “ลำบากแล้ว”
“ไม่หรอก ข้าชอบเล่นกับเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเทียน” โม่เหลิ่งเหยียนพยักหน้า
“ขอบใจมาก!” จู่ๆจวินหย่วนโยวก็รู้สึกได้ว่า โม่เหลิ่งเหยียนเป็นฝนที่ตกได้ทันกาลพอดีเชียวล่ะ เขามาได้ถูกต้องจริงๆ
จากนั้นจวินหย่วนโยวและหยุนถิงก็ออกจากวัง หลงเอ้อและคนอื่นๆก็ติดตามไป หลงยีและองครักษ์เงามังกรอยู่คุ้มกันเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเทียน
รถม้าวิ่งมุ่งตรงไปยังถนนที่พลุกพล่านที่สุดในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ สุดท้ายก็หยุดที่หน้าหอหัวเซียง
หยุนถิงและจวินหย่วนโยวลงจากรถม้า แต่เมื่อพวกเขาเห็นหอหัวเซียง สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็เย็นยะเยือกลง
“เป็นผู้ใด ที่ต้องการนัดให้มาสถานที่พรรคนี้ให้ได้?”
หอหัวเซียงเป็นซ่องโสเภณีที่ใหญ่อันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยลี่ และเป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ ไม่เหมือนซ่องโสเภณีทั่วไป คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นบุคคลใหญ่โตที่มีฐานะตำแหน่ง ร่ำรวยและสูงศักดิ์เป็นพิเศษ แผ่นป้ายประตูล้วนใช้ทองคำหลอมเขียนเป็นอักษร เห็นได้ว่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นที่สุด
หยุนถิงมองเข้าไปอย่างคนที่ไม่มีความผิด “ท่านพี่ ไม่ใช่ข้าที่ต้องการนัดที่นี่ เป็นคนอื่นที่ส่งจดหมายให้ข้ามาที่นี่”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เข้าไปเถอะ” จวินหย่วนโยวกล่าว ยกเท้าแล้วเดินเข้าไป
เขารู้สึกโชคดีจริงๆที่ตัวเองตามมาด้วย ไม่งั้นให้หยุนถิงมาสถานที่แบบนี้ เขาจะวางใจได้ยังไง
“ได้!” หยุนถิงตามอยู่ด้านหลังของจวินหย่วนโยว
คนเฝ้าประตูเห็นคนทั้งสองแต่งกายงดงาม ท่าทางไม่ธรรมดา จึงรีบทำความเคารพให้พวกเขาเข้าไปทันที
“ลูกค้าทั้งสองท่านดูไม่คุ้นตาเลย ลูกค้าทั้งสองท่านมาถูกที่แล้วจริงๆ แม่นางและคุณชายที่หอหัวเซียงของพวกเราเป็นคนชั้นยอดอย่างแน่นอน ทั้งแคว้นเป่ยลี่ก็หาที่สองไม่ได้แล้ว รับประกันว่าท่านทั้งสองจะพอใจเจ้าค่ะ!” แม่เล้าแนะนำด้วยความกระตือรือร้น
“คุณชาย?” หยุนถิงมองเข้ามา
“น้องชายท่านนี้ คุณชายคนนี้คือหนึ่งในจุดเด่นใหญ่ๆของหอหัวเซียงของพวกเราเชียวนะ หออื่นมีเพียงแค่ผู้หญิง แต่พวกเรามีผู้ชายด้วย หญิงสาวมากมายหรือว่าคนที่อายุมากหน่อยล้วนชื่นชอบแบบนี้ คุณชายซิงที่อยู่ในรายชื่ออันดับหนึ่งของพวกเรา นั่นก็เป็นคนที่สง่างามผ่าเผย รูปโฉมงดงามเป็นที่สุดอย่างแน่นอน
เพียงแค่หญิงสาวที่เคยได้พบเจอเขามาก่อน ก็เหมือนดั่งถูกเขาดึงวิญญาณไปทั้งหมดเช่นนั้น หลังจากนั้นจะมองคนอื่นก็รู้สึกว่าไม่ถูกตาต้องใจอีก หากว่าทั้งสองท่านมีความประสงค์ ข้าสามารถให้พวกท่านพบได้!” แม่เล้าชื่นชมไปจนขึ้นสวรรค์แล้ว
“โอ้โห ข้ายังไม่เคยพบเห็นผู้ชายที่หล่อเหล่ากว่าใครบางคนมาก่อนเลย พบสักหน่อยก็ไม่เป็นไร!” หยุนถิงกลับแปลกใจในโฉมหน้าของคุณชายซิงผู้นี้ว่าเป็นอย่างไร
กลิ่นอายรอบตัวของจวินหย่วนโยวที่อยู่ด้านข้างเย็นลง เห็นหยุนถิงมีความสนใจ สีหน้าก็บึ้งตึงเหมือนดั่งก้นหม้อในพริบตา
“ไม่อนุญาตให้พบ ทำเรื่องสำคัญก่อน!” เสียงอันเด็ดขาดของจวินหย่วนโยว ดังขึ้นพร้อมด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
หยุนถิงฟังออกทันทีว่าเขาไม่พอใจ รีบกล่าวเอาอกเอาใจว่า “พี่ใหญ่พูดถูก เรื่องสำคัญเร่งด่วนกว่า ข้าก็แค่ถามไปงั้นๆ มามา รบกวนเจ้าพาพวกเราไปห้องส่วนตัวอักษรตี้เครื่องหมายดาวด้วย”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป สายตาของแม่เล้าก็เบิกกว้าง มองดูจวินหย่วนโยวและหยุนถิงด้วยความตกใจแวบหนึ่ง “ทั้งสองท่านแน่ใจหรือว่าไปที่ห้องส่วนตัวอักษรตี้เครื่องหมายดาว?”
“ใช่!” หยุนถิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เช่นนั้นทั้งสองท่านก็ตามข้ามาเถอะเจ้าคะ” พริบตานั้นแม่เล้าก็ไม่ได้มีการหยอกล้อเหมือนเมื่อครู่อีก สีหน้ากลับเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย พาพวกเขาเดินไปห้องที่อยู่ด้านในสุดของระเบียงทางเดินชั้นสาม
“ก็คือที่นี่ พวกท่านเข้าไปเองเถอะเจ้าค่ะ”
“ขอบใจมามามาก” หยุนถิงเคาะประตู มีสองคำดังออกมาจากด้านใน หยุนถิงผลักประตูเข้าไป
เมื่อเห็นว่าทั้งสองเข้าไปแล้ว แม่เล้าจึงได้จากไป ก่อนหน้านี้คุณชายซิงได้สั่งการไว้ว่าวันนี้มีแขกคนสำคัญมา ให้นางพาคนขึ้นมาโดยตรง ดูเหมือนว่าจะเป็นสองท่านนี้แล้ว
ในห้อง
ธูปหอมลอยอบอวล จัดวางของอย่างงดงาม โต๊ะเก้าอี้ล้วนทำมาจากไม้จินซือหนานชั้นดี ม่านลูกปัดก็ใช้หินหยกมาร้อย ภาพวาดบนผนังล้วนเป็นสิ่งที่ล้ำเลิศโดดเด่น หรูหราและสง่างาม แค่ดูก็รู้ว่าเจ้าของเป็นคนที่รู้จักการเสพสุขเป็นที่สุด
ฉากกั้นขนาดใหญ่กั้นระหว่างประตูและด้านในไว้ มองโฉมหน้าของคนด้านในไม่ชัดเจน สามารถเห็นได้รางๆว่าเป็นคุณชายท่านหนึ่ง
เสียงพิณอันไพเราะดังมาเหมือนอยู่ห่างไกลเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนใกล้ชิด วนเวียนอยู่ข้างหู เหมือนดั่งลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้าทำให้คนรู้สึกสบายใจ ทั้งยังแฝงไปด้วยความเศร้าระทมที่ซาบซึ้งกินใจอยู่เล็กน้อย ราวกับว่ากำลังระบายความใจในของตัวเองอยู่เช่นนั้น
สีหน้าของจวินหย่วนโยวไม่น่าดูอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเสียงพิณนี้คือการที่ชายหนุ่มบอกความในใจต่อหญิงสาว และห้องนี้ก็มีเพียงหยุนถิงผู้เดียวที่เป็นผู้หญิง
“ไม่รู้ว่าเจ้าไปตามให้ซื่อจื่อเฟยของข้ามาด้วยเหตุอันใด?” เสียงของจวินหย่วนโยวเย็นชา แฝงไปด้วยความโมโหเล็กน้อย
หยุนถิงมองความไม่สบอารมณ์ของจวินหย่วนโยวออกเป็นธรรมดา รีบกล่าวเสริมว่า “คุณชาย เจ้าให้คนส่งจดหมายมาให้ข้า มีเรื่องอันใด?”
“บทเพลงของข้ามีทองเป็นหมื่นตำลึงก็ซื้อได้ยาก พวกท่านไม่รู้จักการเสพสุขจริงๆ ถิงเอ๋อร์คนงาม ข้าให้คนส่งจดหมายไปให้เจ้าก็เพราะคิดถึงเจ้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว!” คุณชายซิงกล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้าน ลุกขึ้นเดินมาด้านข้างของฉากกั้น