จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 923 ถ้ายอมแพ้ ภายหลังจะเสียใจไหม
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 923 ถ้ายอมแพ้ ภายหลังจะเสียใจไหม
“เซ่อเจิ้งอ๋องเคยถูกพิษกู่ กู่นั้นกาฝากอยู่ในร่างของท่านมาหลายปี จนทำให้อวัยวะและเส้นเลือดหัวใจของท่านถูกทำร้ายไปหมดตั้งนานแล้วแม้ว่าพิษกู่นั้นถูกถอนออกมาแล้ว แต่ความเสียหายร้ายแรงเกินไป ต่อให้กินยาสำหรับการพักฟื้น สุดท้ายก็ไม่สามารถกลับมาเป็นคนปกติได้” หยุนถิงพูดตามความจริงโดยไม่ปิดบัง
ทั้งๆที่กู้จิ่วเยวียนรู้ว่าความจริงจะเป็นแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินหยุนถิงพูดอย่างนี้ด้วยหูของตนเอง ยังคงทำเขารู้สึกหมดหวังเป็นอย่างมาก เขาไม่ควรตั้งความหวังไว้ตั้งแต่แรก
หยุนถิงมองเห็นอารมณ์ที่บนใบหน้าของเขาจนหมด “เซ่อเจิ้งอ๋อง เรื่องที่ท่านมาหาข้า เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้ไหม”
กู้จิ่วเยวียนส่ายหัว “นางไม่รู้ ข้าแค่อยากพนันสักครั้ง ข้ารู้อยู่ดีว่าข้ากับนางไม่อาจอยู่ด้วยกันได้ ข้าเป็นแค่ภาวะสำหรับนาง แต่เมื่อเห็นว่านางจะเลือกพระสนมชาย ข้าก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จึงมาหาซื่อจื่อเฟย”
“เลือกพระสนมชาย?” หยุนถิงถามอย่างประหลาดใจ
กู้จิ่วเยวียนถึงได้เล่าเรื่องที่เริ่นเซวียนเอ๋อร์จะเลือกพระสนมชายออกมา หยุนถิงฟังแล้วก็หัวเราะ “ยัยนั้นกลายเป็นฮ่องเต้แล้ว ยังชอบเที่ยวก่อกวนไปทั่วอยู่ดี”
“ถ้าซื่อจื่อเฟยก็ไม่สามารถช่วยข้าได้ ก็ถือว่าเป็นข้ารบกวนเวลาของท่านแล้ว ขอตัวก่อน!” กู้จิ่วเยวียนพูดพลางลุกขึ้น และคิดจะเดินออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวก่อน!” หยุนถิงเรียกเขาให้หยุด “ท่านยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเริ่นเซวียนเอ๋อร์จริงๆหรือ”
ฝีเท้าของกู้จิ่วเยวียนหยุดลง และหันกลับมามอง “ข้ายอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเริ่นเซวียนเอ๋อร์ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม!”
“ถ้าอย่างนั้น เพราะเห็นแก่ความจริงใจที่ท่านมีต่อเริ่นเซวียนเอ๋อร์ ครั้งนี้ข้ายอมช่วยท่าน แต่ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่า ท่านจะอยู่กับนางตลอดไปจนแก่จนเฒ่า แต่การให้ชีวิตของท่านยืนยาวขึ้นอีกสิบปีน่าจะไม่มีปัญหา
แต่สภาพร่างกายของท่านแย่จนถึงขีดสุดแล้ว ถ้าท่านอยากมีชีวิตต่อไปอีกสักสองสามปี มันเหลือแค่ทางเดียว นั่นก็คือการเปลี่ยนอวัยวะ ฟังแล้วอาจจะรู้สึกน่าตกใจจนเหลือเชื่อ แต่ข้าทำได้จริงๆ
มันเป็นการผ่าตัดใหญ่ ข้าต้องการผู้ช่วย ดังนั้นท่านจำเป็นต้องไปแคว้นต้าเยียนกับข้า ข้าจะไปหาหมอยมบาลและตาเฒ่าเหอมาช่วยงาน เพราะการผ่าตัดนี้มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงด้วย
ถ้าเกิดว่ามันล้มเหลว ท่านอาจจะตายก็ได้ ท่านจึงต้องคิดให้ดีๆก่อน ข้าคิดว่าท่านควรไปบอกเรื่องนี้ให้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ล่วงหน้าด้วย ถ้ามันล้มเหลวจริงๆ ข้าไม่อยากถูกเริ่นเซวียนเอ๋อร์ไล่ล่าตลอดชีวิต”
หยุนถิงกล่าวความสำคัญของเรื่องนี้ออกมาก็ไม่ได้แปลว่านางกลัวเริ่นเซวียนเอ๋อร์ นางแค่ไม่อยากถูกเริ่นเซวียนเอ๋อร์เกลียดตลาดชาติเท่านั้น
สีหน้าของกู้จิ่วเยวียนเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก สำหรับเขาแล้วมันเป็นข่าวดีจริงๆ ถ้าทำสำเร็จเขาก็จะสามารถอยู่กับเริ่นเซวียนเอ๋อร์ได้อีกสิบปี แต่ถ้ามันล้มเหลว ขนาดเวลาสามปีที่ตอนนี้เขาเหลืออยู่ก็คงจะสูญเสียไปหมด
นี่ก็เป็นการพนันนั่นเอง ซึ่งต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ที่แท้แล้ว กู้จิ่วเยวียนและหยุนถิงก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ เขารู้จักหยุนถิงก็เป็นเพราะการแนะนำของเริ่นเซวียนเอ๋อร์ เรื่องที่เกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของหยุนถิงเข้าก็ได้ยินมามากมาย ลือกันว่าทักษะทางการแพทย์ของนางสุดยอดเทียมฟ้า และเยี่ยมที่สุดในทั่วสีแคว้นด้วย
แต่ตอนนี้ เรื่องมันเกี่ยวโยงถึงชีวิตของเขา
“เซ่อเจิ้งอ๋องกลับไปพิจารณาให้ดีๆก่อนก็ได้ ข้าไม่รีบ ข้าตัดสินใจจนได้แล้วค่อยมาหาข้าที่แคว้นต้าเยียน” หยุนถิงเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณ ข้าควรพิจารณาให้ดีๆจริงๆ”
“ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เซ่อเจิ้งอ๋องค้างคืนที่นี่เถอะ” หยุนถิงพูด
“ได้!” กู้จิ่วเยวียนเดินจากไป
ทหารรีบไปสั่งให้จัดห้องพัก เหล่าหวางก็รีบจัดห้องให้พวกเขาแล้ว
แต่วันนี้ กู้จิ่วเยวียนรู้สึกหดหู่ใจทั้งวัน แม้อาหารเย็นก็ไม่อยากทาน และเดินวนอยู่ในลานบ้านโดยคนเดียว
พอดีก็เห็นจวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียนเล่นอยู่ที่มุมกำแพงอย่าสนุก มีเด็กอ้วนคนหนึ่งกำลังเตะอะไรที่มีรูปแบบกลมๆกับพวกเขา เหมือนเป็นลูกบอล เสียงหัวเราะของเด็กๆทำให้ความรู้สึกของกู้จิ่วเยวียนผ่อนคลายมากขึ้น
ทีหลังเซวียนเอ๋อร์และเขาก็สามารถมีลูกได้ และลูกของพวกเขาก็สามารถเหมือนเด็กเหล่านี้ได้ใช่ไหม
จู่ๆลูกบอลลูกนั้นก็กลิ้งมาทางกู้จิ่วเยวียน กู้จิ่วเยวียนยื่นมือไปหยิบลูกบอลลูกนั้นขึ้นมา มันไม่เหมือนกับลูกบอลของชู่จวีทั่วไป ลูกบอลนี้กลมและนุ่มมาก มีน้ำหนักที่เบากว่า เป็นลูกบอลที่กู้จิ่วเยวียนไม่เคยเห็นมาก่อน
จวินเสี่ยวเหยียนวิ่งเหยาะๆตามเข้ามา “ท่านลุง นี่คือลูกบอลของข้า”
“ลูกบอลของเจ้าพิเศษมาก เอาไปสิ” กู้จิ่วเยวียนยื่นไปให้
“ใช่นะสิ นี่เป็นลูกบอลที่ท่านแม่ของข้าให้ข้าและท่านพี่ ท่านแม่ของข้ายังสามารถทำสิ่งที่น่าวิเศษมากมายได้ มีหลายอย่างท่านแม้แต่พ่อก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” จวินเสี่ยวเหยียนพูดอย่างภาคภูมิใจ
กู้จิ่วเยวียนเลิกคิ้วเล็กน้อย จวินหย่วนโยวผู้ที่ทรงมีความสามารถเพียงใด ในทั่วสีแคว้นนี้ยังมีอะไรบ้างที่เขาไม่เคยเห็น
“แล้วทักษะทางการแพทย์ของแม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” กู้จิ่วเยวียนถาม
แต่เมื่อพูดออกมา เขาก็รู้สึกว่าตนเองน่าขำเลย ไปถามเด็กที่มีอายุประมาณสี่ขวบเรื่องนี้ทำไมกัน
“แน่นอนแล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของท่านแม่เยี่ยมมาก ท่านแม่ได้รักษาคนไข้มากมาย แม้แต่ท่านปู่หมอยมบาลยังบอกว่า มีเพียงท่านแม่คนเดียวที่มีฝีมือเก่งกว่าเขา ท่านปู่เหอก็บอกว่าทักษะทางการแพทย์ของท่านแม่เป็นสิ่งที่คนโบราณ โบราณอะไรสักอย่าง ข้าลืม” จวินเสี่ยวเหยียนตอบ
“เป็นสิ่งที่คนโบราณไม่เคยมีมาก่อน ท่านลุงกำลังป่วยด้วยโรคร้ายแรงบางอย่าง จึงต้องการการรักษาจากท่านแม่ใช่หรือไม่” จวินเสี่ยวเทียนเดินเข้ามาและถาม
กู้จิ่วเยวียนมองไปที่ใบหน้าเล็กๆที่เย็นชาและหล่อเหลาของจวินเสี่ยวเทียน หน้าตาเหมือนจวินหย่วนโยวมากๆ ไม่รู้เหตุใด อยู่ๆกู้จิ่วเยวียนก็พูดออกมาแล้ว
“ลุงป่วยหนักจริงๆ ถ้าการผ่าตัดสำเร็จ ลุงก็สามารถยืดยาวชีวิตอีกสิบปีได้ แต่ถ้าล้มเหลวก็ต้องตาย พวกเจ้าคิดว่าลุงควรทำอย่างไรดี”
“ก็ต้องเลือกให้ท่านแม่รักษาสิ ทักษะทางการแพทย์ของท่านแม่มีเพียงหนึ่งในใต้หล้า” จวินเสี่ยวเหยียนตอบ
“ถ้าลุงยอมแพ้ ภายหลังจะเสียใจไหม” จวินเสี่ยวเทียนย้อนถาม
คำเดียวก็ทำให้กู้จิ่วเยวียนรู้สำนึกในชั่วพริบตาเดียว
ใช่สิ มันมีความเสี่ยงก็จริง แต่ถ้าไม่ลองทำ กู้จิ่วเยวียนแน่ใจว่าภายหลังเขาจะต้องเสียใจแน่
“ขอบคุณมากเลยนะ เสี่ยวเทียน”
“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านควรเชื่อใจท่านแม้ของข้า” จวินเสี่ยวเทียนอุ้มลูกบอลไว้ในอ้อมแขนก็ไปเล่นกับจวินเสี่ยวเหยียนแล้ว
จวินหย่วนโยวที่ยืนอยู่ในไม่ไกลได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตาของเขา แต่เขาไม่ได้พูดอะไรและหมุนตัวกลับไปที่ห้องแล้ว
เขารู้ว่า กู้จิ่วเยวียนได้ตัดสินใจแล้ว
วันรุ่งขึ้น กู้จิ่วเยวียนก็เดินทางไปที่แคว้นต้าเยียนตามพวกหยุนถิงแล้ว
………………………
ณ พระราชวังของแคว้นชางเยว่
ตั้งแต่รั่วชูได้กลายเป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของชางหลันเย่ ฐานะที่อยู่ในวังของนางก็สูงขึ้นตามไปด้วย ตอนนี้แม้แต่หัวหน้าอู๋ผู้ที่เป็นหัวหน้าขันทีก็ต้องไว้หน้าให้นางบ้าง
ตอนนี้ชางหลันเย่กำลังแช่ตัวในน้ำพุร้อน และรั่วชูก็เฝ้าอยู่ที่นอกสระน้ำพุร้อน
“ฝ่าบาทอยู่ไหน ข้าต้องการพบฝ่าบาท!” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดแดงและได้แต่งตัวงามหยาดเยิ้มเดินเข้ามาอย่างอวดดี
เมื่อรั่วชูมองเห็นก็รีบทำความเคารพทันที “ถวายคำนับจื่อยีจวิ้้นจู่ ฝ่าบาทกำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน!”
“ถอยไปเลย พอดีข้ามีธุระที่ต้องคุยกับฝ่าบาท” ในขณะที่จื่อยีพูดก็ทำท่าที่จะเดินเข้าไปข้างใน
“เพคะ!” รั่วชูถอยออกไปด้วยความเคารพ
เมื่อเห็นจื่อยีจวิ้้นจู่เดินเข้าไปข้างในแล้ว สาวใช้น้อยที่อยู่ด้านข้างรีบถามขึ้น “พี่รั่วชู ฝ่าบาทไม่ชอบถูกรบกวนในเวลานี้เป็นที่สุด ทำไมพี่ยังปล่อยให้จวิ้นจู่เข้าไปนะ”
“เจ้าก็บอกแล้วว่านางเป็นจวิ้นจู่ แม้ว่าพวกเราอยากจะห้ามก็ห้ามไม่ได้หรอก” รั่วชูพูดด้วยเสียงเบาๆ และช้อนตามองไปยังสระน้ำพุร้อนด้วยสีหน้าสงบ
“พี่รั่วชูพูดถูก” สาวใช้น้อยเห็นด้วย
ในสระน้ำพุร้อน เมื่อจื่อยีจวิ้้นจู่เดินเข้าไปก็เห็นชางหลันเย่หันหลังให้นางในสระ ร่างกายท่อนบนของเขาถูกเผยออก กล้ามเนื้อแข็งแรง มีเส้นสายที่คมชัด แค่มองดูเฉยๆก็ทำให้ผู้คนต้องตื่นเต้นและหวั่นไหว
จื่อยีหายใจเข้าลึกๆ ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกและก้าวเท้าเดินไปยังสระน้ำพุร้อน