จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 932 ข้าชอบท่านมาหลายปีแล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 932 ข้าชอบท่านมาหลายปีแล้ว
ใบหน้าของเริ่นเซวียนเอ๋อร์แดงก่ำในชั่วพริบตา รู้สึกเขินอายอย่างมาก แต่กลับกล่าวอย่างกล้าหาญ “สิ่งนี้สามารถมีได้ ต่อไปเราก็ให้กำเนิดหลายๆคน จะให้น้อยกว่าจวินหย่วนโยวและหยุนถิงไม่ได้เด็ดขาด”
มุมปากของกู้จิ่วเยวียนกระตุกขึ้นมา “เรื่องนี้สามารถแข่งได้ด้วยหรือ?”
“ทำไมจะไม่ได้ ขอเพียงเสด็จอาเก้าท่านพยายามมากพอ เราต้องไม่แพ้ให้กับจวินหย่วนโยวแน่นอน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์โต้กลับ
กู้จิ่วเยวียนยิ้มออกมาอย่างจนใจ “ตกลง ฟังคำของเจ้า เจ้าอยากมีลูกกี่คนก็ได้ตามที่เจ้าต้องการเลย”
“ค่อยยังชั่วหน่อย ดังนั้นเสด็จอาเก้าท่านต้องพักฟื้นให้ดีๆ ว่ากันว่ามีแต่เรี่ยวแรงของผู้ชายเท่านั้นที่รับไม่ไหว ไม่มีผู้หญิงคนไหนมีปัญหาเรื่องร่วมหอมากเกินไป!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าวเย้าแหย่
ใบหน้าของกู้จิ่วเยวียนแดงก่ำมาถึงลำคอในชั่วพริบตา นังหนูคนนี้ไม่พูดให้คนตกตะลึงถึงตายก็ไม่คิดจะหยุดพักจริงๆ
“เซวียนเอ๋อร ต่อไปคำพูดแบบนี้ห้ามพูดส่งเดชอีก โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น” กู้จิ่วเยวียนกล่าวกำชับ
“ข้ารู้ ข้าแค่พูดต่อหน้าเสด็จอาเก้าเท่านั้น”
“เจ้ารีบเดินทางมาที่แคว้นต้าเยียน เช่นนั้นแคว้นเทียนจิ่วจะทำอย่างไร?” กู้จิ่วเยวียนถามถึงเรื่องจริงจัง
“วางใจเถอะ ข้าให้ป๋อจิ้งช่วยข้าดูแลราชกิจชั่วคราว เขาเป็นคนมากความสามารถ แถมยังเป็นคนที่ท่านแนะนำ ต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ข้าอยู่ดูแลท่านให้หายดีแล้วค่อยกลับไปพร้อมกัน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตอบ
กู้จิ่วเยวียนพยักหน้าเบาๆ “เช่นนี้ย่อมดีที่สุด”
“พูดตามตรงข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้เลยแม้แต่นิดเดียวเสด็จอาเก้า เดิมทีคิดเอาไว้ว่าจะลักพาตัวท่านไปอยู่อย่างสันโดษในป่าลึก หมักสุราอยู่กระท่อมมุงหญ้าคา อยู่อย่างอิสระกลางภูเขาและแม่น้ำ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ทอดถอนใจ
“วันเวลาเช่นนั้นทำให้คนอิจฉาจริงๆ และมันก็เป็นสิ่งที่ข้าต้องการเช่นกัน แต่ว่าในตอนนั้นเจ้าก็เฝ้าแต่คิดถึงข้าแล้วหรือ?” กู้จิ่วเยวียนเลิกคิ้วมองมา
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าชอบท่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่กล้าสารภาพรักกับท่าน กลัวท่านรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย ดังนั้นข้าก็เลยตระเวนไปทั่วทั้งสี่แคว้นเพื่อค้นหายาที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า คิดเอาไว้ว่ารักษาท่านให้หายดีแล้วค่อยทำให้ท่านเป็นของข้า ถึงเวลานั้นท่านก็ปฏิเสธข้าไม่ได้แล้ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์หัวเราะแฮะๆ
ในใจของกู้จิ่วเยวียนเต็มไปด้วยความประทับใจและความอบอุ่น ถึงแม้คำพูดของนังหนูคนนี้จะหยาบมาก แต่สิ่งที่นางทำเพื่อตัวเองในหลายปีมานี้ กู้จิ่วเยวียนเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด
“สิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะทำให้เจ้าสมความปรารถนา”
“ตกลง ข้าจะรอ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าวด้วยความพอใจ
ด้านนอก หยุนถิงกำลังเล่นกับลูกๆทั้งสอง
จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา “ถิงเอ๋อร์ วัวที่เจ้าให้คนเลี้ยงก่อนหน้านี้มีหลายตัวให้กำเนิดลูกวัวน้อยแล้ว ตอนนี้พวกมันก็เติบโตแล้ว จะพาลูกๆไปดูหน่อยไหม?”
“ให้กำเนิดลูกวัวน้อยแล้วหรือ ข้าเกือบจะลืมไปแล้ว วันนี้อากาศดีพอดีเลย เราไปเที่ยวฟาร์มวัวในหนึ่งวันกันเถอะ” หยุนถิงกล่าวอย่างมีความสุข
เมื่อจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนได้ยินว่าจะไปดูวัว ก็ดีใจอย่างมาก รีบจูงมือท่านพ่อท่านแม่ก็จะไปทันที
หนึ่งชั่วยามให้หลัง รถม้าก็จอดที่ด้านหน้าฟาร์มวัว
“ที่นี่ก็คือฟาร์มวัวที่ท่านแม่พูดถึงหรือ ดูใหญ่โตและน่าสนุกมากเลย” จวินเสี่ยวเหยียนกล่าวด้วยความดีใจ
“น้องสาว เราไปดูลูกวัวน้อยกันเถอะ” จวินเสี่ยวเทียนเสนอแนะ
“ตกลง” เจ้าเด็กน้อยสองคนจูงมือกันเดินเข้าไป
เมื่อผู้ดูแลเห็นจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยมา ก็คำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที “ข้าน้อยคำนับจวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย”
“ลุงจางไม่ต้องเกรงใจ ได้ยินซื่อจื่อบอกว่าวัวคลอดลูกวัวแล้ว บังเอิญวันนี้มีเวลาว่างพอดี ข้ากับซื่อจื่อจึงพาเด็กๆมาเที่ยวเล่น” หยุนถิงตอบ
“เรียนซื่อจื่อเฟย ตอนนี้มีลูกวัวสิบกว่าตัวแล้ว โปรดตามข้ามา เวลานี้พวกมันกำลังกินหญ้าอยู่ในฟารม์ด้านหลัง” พ่อบ้านจางรีบนำทางทันที
“ขอบคุณท่านปู่มาก!” จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนกล่าวอย่างมีมารยาท
พ่อบ้านจางตกใจจนเท้าพลิก เกือบจะล้มลงไปกับพื้น ดีที่ได้หลิงเฟิงประคองเข้าเอาไว้ “ระวังหน่อย”
ซื่อจื่อน้อยจวิ้นจู่น้อยทำให้ข้าน้อยอายุสั้นแล้วจริงๆ ข้าน้อยรับคำว่าท่านปู่คำนี้ไม่ไหวหรอก” พ่อบ้านจางตกใจแทบตาย เขาไม่กล้าอาจเอื้อมหรอกนะ
“พ่อบ้านจางท่านไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ ตามอายุแล้วพวกเขาเรียกท่านว่าท่านปู่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้เพราะมีท่านอยู่ ฟาร์มถึงได้รับการดูแลจัดการเป็นอย่างดีขนาดนี้ คำว่าท่านปู่ท่านสามารถเป็นได้” หยุนถิงตอบ
“ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้เด็ดขาด” พ่อบ้านจางปฏิเสธซ้ำๆ
“ท่านปู่ ท่านไม่ชอบพวกเรางั้นหรือ?” จวินเสี่ยวเทียนเงยใบหน้าเล็กขึ้นมาถาม
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าชอบซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อยมาก” พ่อบ้านจางอธิบายทันที
“เช่นนั้นท่านปู่พาเราไปดูลูกวัวน้อยเถอะ” จวินเสี่ยวเทียนยื่นมือไปจูงมือของพ่อบ้านจาง
พ่อบ้านจางมองไปทางจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยโดยสัญชาตญาณ เห็นพวกเขาพยักหน้าให้กับตัวเอง ได้แต่กัดฟันเป็นปู่แล้ว
“ตกลง ข้าจะพาพวกเจ้าไปเดี๋ยวนี้”
“ช่างดีจริงๆ ข้าก็จะไปด้วย” จวินเสี่ยวเหยียนก็ยื่นมือเข้ามาเช่นกัน
พ่อบ้านจางจับมือข้างละคนเดินอยู่ด้านหน้า รู้สึกถึงมือเล็กๆสองข้างนั้น หัวใจทั้งดวงละลายไปหมดแล้ว
จวินหย่วนโยวก็จูงมือของหยุนถิงเอาไว้เช่นกัน ทั้งสองคนเดินอยู่ด้านหลัง “ไม่ได้ออกมาเดินเล่นนานมากแล้ว ถิงเอ๋อร์หากว่าเจ้าชอบ เราสามารถอยู่ที่นี่หลายๆวัน”
“ข้าก็อยากอยู่ แต่กู้จิ่วเยวียนเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ ข้าต้องกลับไปดูแล หมอยมบาลพวกเขาไม่เข้าใจการผ่าตัดของข้า กลัวว่าจะรับมือไม่ไหว” หยุนถิงตอบ
“เช่นนั้นก็รอให้เขาหายแล้วอีกหน่อยค่อยมา”
“ตกลง”
ไม่ไกลออกไป จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนติดตามพ่อบ้านจางเดินเข้าไปในทุ่งหญ้า เจ้าเด็กน้อยสองคนมองดูวัวอย่างมีความสุขมาก จับตรงนั้นตรงนี้ของวัว แถมยังหยิบหญ้าที่ตัดเสร็จแล้วมาป้อนให้ลูกวัวน้อยกิน
จวินเสี่ยวเหยียนเห็นด้านข้างมีคนกำลังรีดนมวัวอยู่ “ท่านพ่อ ข้าก็อยากลองดูบ้าง”
“ตกลง พ่อพาเจ้าทำด้วย” จวินหย่วนโยวจับมือจวินเสี่ยวเหยียนเดินเข้าไป
บ่าวรับใช้ไปยืนด้านข้างทันที คำนับด้วยความเคารพนบนอบ “คำนับจวินซื่อจื่อ”
“จวิ้นจู่น้อยอยากเรียนรู้วิธีรีดนมวัว” จวินหย่วนโยวกล่าว
“เจ้าค่ะ!” หญิงวัยกลางคนหนึ่งเข้ามาทันที สอนจวินเสี่ยวเหยียนแบบจับมือทำ เพียงแต่ว่าจวินเสี่ยวเหยียนแรงน้อย ลองหลายครั้งก็ทำไม่ได้ แถมยังไม่ระวังทำเลอะใส่ชุดอีก
“ไม่เป็นไร อยากเล่นก็ไปเล่นให้เต็มที่ พ่อจะเล่นกับเจ้าเอง” จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาทำพร้อมกับจวินเสี่ยวเหยียนทันที
“ว้าว ท่านพ่อเก่งจังเลย รีดนมวัวได้มากมายขนาดนี้ ท่านยอดเยี่ยมมากเลย!” จวินเสี่ยวเหยียนปรบมืออย่างมีความสุข
จวินหย่วนโยวรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาเป็นถึงซื่อจื่อแต่มารีดนมวัว แถมยังจับตรงนั้นของวัวอีกมันดูไม่สง่างามจริงๆ แต่ว่าเห็นลูกสาวดีใจมีความสุขเช่นนี้ เขาก็ไม่สนใจแล้ว
หยุนถิงฟังเสียงลูกสาวหัวเราะอย่างต่อเนื่อง รู้สึกปลื้มใจอย่างมาก หาได้ยากที่นังหนูคนนี้จะใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อของนางเช่นนี้
เด็กสองคนเล่นจนเหนื่อย หลังจากที่เล่นไปหนึ่งชั่วยามกว่าหยุนถิงพาพวกเขาไปทำความสะอาดทันที
“ซื่อจื่อเฟย นี่คือเรือนที่จวินซื่อจื่อให้คนสร้างเมื่อสามปีก่อน สร้างตามความชอบของท่านทั้งนั้น บอกว่าวันไหนท่านรู้สึกเบื่อหน่ายสามารถมาผ่อนคลายอารมณ์ได้” หญิงที่แต่งงานแล้วนางหนึ่งพาพวกเขาเข้าไป
หยุนถิงมองดูการตกแต่งภายในเรือน ล้วนเป็นรูปแบบที่ตัวเองชอบทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าท่านพี่จะเอาใจใส่เช่นนี้
ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ช่วยเด็กสองคนเช็ดทำความสะอาด แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบขนมอบที่นำมาด้วยออกมา เด็กสองคนกินได้เยอะและมีความสุขมาก
กลุ่มคนของหยุนถิงอยู่กันตลอดบ่ายจนกระทั่งฟ้ามืดถึงได้กลับไป เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงหน้าประตูของจวนซื่อจื่อก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้
คนที่มาคือโม่ฉือหาน เขาหยุดรถม้าเอาไว้ด้วยสีหน้าเย็นชา “หยุนถิง ข้ามีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วย”
หยุนถิงที่อยู่ในรถม้าขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไรออกมาก็ได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้ หยุนถิงเปิดม่านรถม้าออกโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้น?”