จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 943 หรือว่าอยากจะร่วมหอสุขสันต์กับข้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 943 หรือว่าอยากจะร่วมหอสุขสันต์กับข้า
ดวงตาปิดเล็กน้อยของเวินฉิงพลันโบกโพลงขึ้น แต่ก็เพียงแค่ตะลึงไม่กี่วินาที จากนั้นก็บอกอย่างเรียบเฉยไม่ลนลานว่า “ซวนอ๋องนี่ช่างกล้าจริงนะ มาบุกรุกจวนเจ้าเมืองของข้ากลางดึก แล้วยังเข้าใกล้ข้าขนาดนี้ หรือว่าซวนอ๋องอยากจะร่วมหอสุขสันต์กับข้ารึ?”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอด ทั้งหยอกล้อ และยั่วยวน
โม่เหลิ่งเหยียนพลันสีหน้าเย็นชาลงทันที พลางสะบัดนางออกอย่างรังเกียจ
เวินฉิงเองก็ไม่โกรธ จังโต๊ะข้างๆพยุงตัวยืนขึ้น พลางเอนกายยืนพิง เอี้ยวคอมองโม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ด้านหลัง
ใบหน้าเย็นชาทุ้มลึก ประหนึ่งรูปแกะสลักเทพสรรค์สร้าง งดงามเยี่ยมยอดอย่างไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด ดวงตาสีดำคู่นั้นประหนึ่งน้ำแข็งเย็นหมื่นปี เย็นอย่างไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด เฉียบขาดและอันตราย ประหนึ่งว่ามองแวบเดียวก็อ่านใจคนได้ทะลุปรุโปร่งทันที
ถึงชุดจะเป็นสีดำธรรมดา แต่กลับไม่กระทบความเย็นยะเยือกหล่อเหลาของซวนอ๋องเลย
เวินฉิงพลันมองโม่เหลิ่งเหยียนอย่างเคลิบเคลิ้ม “ที่แท้ก็เป็นซวนอ๋องที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่แคว้นนี่เอง หน้าตาดีไม่น้อยเลยนี่”
โม่เหลิ่งเหยียนตะคอกดังอย่างเดือดดาล “หากจะพล่ามเหลวไหลอีก ข้าไม่รังเกียจที่จะส่งเจ้าไปพบเจ้าเมืองคนก่อน!”
น้ำเสียงเย็นเยียบเฉียบขาด อย่างห้ามบิดพลิ้วโดยเด็ดขาด
เวินฉิงแสร้งทำท่าหวาดกลัว และยังเอามือไปลูบเส้นผมที่หน้าอก “ข้ากลัวนัก แต่พวกท่านบุกรุกห้องข้ากลางดึก ไม่กลัวข้าร้องเรียกคนรึ?”
“ในใต้หล้านี้ยังไม่มีใครห้ามข้าไว้ได้ ทำไมเจ้าต้องฆ่าเจ้าเมืองของเมืองชิ่งหรวน และยังขโมยเสบียงด้วย?” โม่เหลิ่งเหยียนถามอย่างตรงประเด็น
“รู้สึกว่าสนุกน่ะสิ”
“เจ้าฆ่าเจ้าเมืองและยังแย่งชิงเสบียง เพียงเพราะว่าสนุกรึ?” โม่จิ่วที่ตามเข้ามาจากด้านนอกก็ใบ้กินไปเลย
“เบื่อไม่มีอะไรทำดังนั้นเลยหาทางเป็นเจ้าเมืองดูน่ะ เดิมก็รู้สึกไมมีอะไร แต่วันนี้ซวนอ๋องยังมาหาข้าเลย รู้สึกว่าเป็นเจ้าเมืองนี่ก็ไม่เลวนะ” เวินฉิงพูดยิ้มๆ พลางชม้ายชายตาให้โม่เหลิ่งเหยียน
โม่เหลิ่งเหยียนยังอยากพูดอะไร จู่ๆก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมา ร่างกายเริ่มร้อน เรี่ยวแรงค่อยๆหายไป เขาพลันเงยหน้าขึ้นมองสตรีตรงหน้าทันที
นางที่อยู่ในชุดบางเบาสีแดงอันห่อหุ้มผิวขาวราวหิมะเอาไว้ ใบหน้างดงาม ไม่เหมือนกับความเย็นชาเย่อหยิ่งแบบหยุนถิง สตรีตรงหน้าคิ้วตางดงามเย้ายวนยิ่งนัก ดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นเล็กน้อย อรชรแน่งน้อยนัก การยกมือย่างเท้ายิ่งดูเย้ายวนยิ่งนัก ประหนึ่งนางปีศาจที่กำลังยั่วยวนคน
โม่เหลิ่งเหยียนพยายามสะกดกลั้นความตื่นเต้นที่แทบจะกลั้นไว้ในกายไม่อยู่ สีหน้าบูดบึ้งไม่น่าดู “เจ้าทำอะไร?”
“ท่านอ๋อง เป็นกระไรรึ?” โม่จิ่วพึ่งพูดจบ ก็ตัวอ่อนยวบลงพี้นอย่างไร้เรี่ยวแรงทันที
เวินฉิงหัวเราะออกมา “ซวนอ๋องที่หล่อเหลาสง่างาม น่าเกรงขามมาหาถึงที่ทั้งที เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ?”
น้ำเสียงเย้ายวน ล่อลวง ทำให้โม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกร้อนรุ่มทั่วร่างฉับพลัน อสูรร้ายที่หลับลึกอยู่ในใจพลันโดนปลุกให้ตื่นขึ้น
เขาได้รับการฝึกฝนนานาชนิดตั้งแต่เล็ก รวมถึงยาปลุกกำหนัดและยาพิษต่างๆด้วย ของพวกนั้นปกติแล้วใช้ไม่ได้ผลกับเขา แต่สตรีตรงหน้านี้กลับทำให้เขาไม่อาจควบคุมตนเองได้ เห็นชัดว่าเป็นยาที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก
มือที่อยู่ในแขนเสื้อของโม่เหลิ่งเหยียนกำแน่น “ดังนั้น เจ้าวางหลุมพรางดักข้ารึ?”
“ใช่ ข้าได้ยินว่า ในใต้หล้านี้นอกจากหยุนถิงแล้ว ซวนอ๋องก็มิมีสายตาแลสตรีนางใดอีกเลย ดังนั้นข้าเลยวางแผนการใหญ่ขนาดนี้ เพื่อล่อให้ท่านมา คืนนี้ท่านหนีไม่รอดแน่ ท่านวางใจเถอะ หลังจากคืนนี้ไปท่านก็จะเป็นคนของข้าแล้ว” เวินฉิงบอก พลางยื่นมือไปดึงสายรัดเอวของโม่เหลิ่งเหยียนออก
เพียงแต่มือยังไม่ทันโดน ก็โดนโม่เหลิ่งเหยียนคว้าจับข้อมือไว้หมับ “เจ้าคู่ควรรึ!”
เวินฉิงยังไม่ทันรู้ตัว ก็โดนโม่เหลิ่งเหยียน ซัดฝ่ามือใส่จนสลบ โม่เหลิ่งเหยียนที่เดิมทรมานนักพลันกลับเป็นปกติทันที
โชคดีที่มียาของหยุนถิงที่ให้ไว้ก่อนออกเดินทางมา ก่อนเข้าจวนเจ้าเมือง โม่เหลิ่งเหยียนก็บอกให้ทุกคนกินคนละเม็ดก่อนเลย ถึงจะเรี่ยวแรงหายไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็กลับเป็นปกติแล้ว
“ท่านอ๋อง สตรีผู้นี้จะทำเช่นไรดี?” โม่จิ่วลุกขึ้นจากพื้นเช่นกัน
“พาตัวไป!” โม่เหลิ่งเหยียนแค่นเสียงบอก
“ขอรับ!”
………………………………………….
แคว้นต้าเยียน จวนซื่อจื่อ
กู้จิ่วเยวียนพักผ่อนมายี่สิบกว่าวันแล้ว ร่างกายฟื้นฟูขึ้นมาก ตอนนี้ลงพื้นมาเดินได้แล้ว
หยุนถิงช่วยตรวจร่างกายให้เขา “ฟื้นฟูได้ไม่เลว อีกครึ่งเดือนก็จะหายดีแล้ว”
“ดียิ่งนัก งั้นตอนนี้ข้าจะเขียนจดหมายกลับแคว้นเทียนจิ่ว ให้พวกป๋อจิ้งกับเฉิงเซี่ยงเตรียมเรื่องงานแต่งงานของเราไว้ รอกลับไปพวกเราก็จัดพิธีแต่งงานได้เลย จากนั้นก็มีลูกกัน!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดอย่างรอคอย
“ถึงเสด็จอาเก้าของเจ้าจะหายดีแล้ว แต่ก็เคลื่อนไหวรุนแรงไม่ได้ และยิ่งไม่อาจขี่ม้าล่าสัตว์ได้ด้วย เรื่องมีลูก เจ้ารอไปอีกสักครึ่งปีเถิด ยามมีสัมพันธ์กันก็อย่าได้หักโหมรุนแรงเกินไปนัก ต้องระวังพักฟื้นร่างกายด้วย ด้านหลังจวนซื่อจื่อปลูกตัวยาไว้มากมาย เจ้าพากู้จิ่วเยวียนไปเดินเล่นได้” หยุนถิงพูดจบ ก็หมุนตัวจากไป
เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบลากแขนกู้จิ่วเยวียนทันที “เสด็จอาเก้า พวกเราไปดูกันเถอะ”
“ได้สิ!” กู้จิ่วเยวียนพยักหน้า
เริ่นเซวียนเอ๋อร์พยุงแขนเขาเดินไปข้างนอก ระหว่างทางเห็นคนรับใช้มากมายกำลังหยิบของประเภทกระดาษและไม้ไผ่ และยังเห็นคนรับใช้ในเรือนทำอะไรบางอย่างอยู่
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันรึ?”
“เรียนแม่นางเริ่น เดือนหน้าจะเป็นวันเกิดของจวินซื่อจื่อของเรา นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ซื่อจื่อเตรียมไว้ให้จวินซื่อจื่อ” คนรับใช้ตอบ
“เสด็จอาเก้า เดือนหน้าเป็นวันเกิดของจวินหย่วนโยว พวกเรารอฉลองวันเกิดให้เขาแล้วค่อยกลับดีหรือไม่ ข้าเองก็อยากดูว่าหยุนถิงจะให้ของขวัญอะไรกับเขา” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอก พลางเดินเข้ามา
“เจ้าตัดสินใจเถิด”
ทั้งสองคนเดินช้ามาก รอจนพวกเขามาถึงเรือนหลัง เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็ตกใจตะลึงตาค้างไปเลย
“นี่มันช่างเหมือนสวนชาวบ้านจริงๆ เรือนหลังของบ้านคนอื่นมักเป็นต้นไม้ใบหญ้า แต่เรือนหลังของจวนซื่อจื่อกลับปลูกผลหมากรากไม้มากมายขนาดนี้ และยังมีต้นออกผลอีกมากมาย
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง บนต้นไม้มีผลไม้เต็มไปหมด ดูแล้วชวนหิวยิ่งนัก
“พี่ชาย ข้าเด็ดแอปเปิ้ลใหญ่มากมาได้ลูกหนึ่ง” ห่างไปไม่ไกล มีเสียงหัวเราะของเด็กลอยมา
เริ่นเซวียนเอ๋อร์และกู้จิ่วเยวียนหันไปมองตามเสียง และได้เห็นจวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียนปีนขึ้นต้นไม้ไปเก็บผลไม้ โดยมีพวกหลิงเฟิงคอยคุ้มครองอยู่ด้านล่าง
“ได้” จวินเสี่ยวเทียนยื่นมือรับมา จากนั้นเอาเช็ดกับเสื้อตน และยื่นกลับไปให้จวินเสี่ยวเหยียนอีกครั้ง
จวินเสี่ยวเหยียนกัดจากมือเขาหนึ่งคำ “ว้าว หวานมากเลย อร่อยมากจริงๆ พี่ชาย ท่านลองสิ”
“อืม” จวินเสี่ยวเทียนกัดอีกด้านของแอปเปิ้ล กินลงไป “หวานจริงๆ”
พอเห็นภาพอบอุ่นของเด็กสองคน กู้จิ่วเยวียนยิ้มอย่างพอใจ “เด็กสองคนนี้รักกันดีจริง”
จุดสนใจของเริ่นเซวียนเอ๋อร์อยู่ที่แอปเปิ้ลในมือเด็กสองคนต่างหาก “เสด็จอาเก้า ข้าก็อยากกินผลไม้ด้วย ข้าจะเอาลูกใหญ่ที่สุดอันนั้น” พูดพลาง ชี้ไปที่ต้นไม้อีกต้นข้างๆ