จอมนางข้ามพิภพ - บทที่22 ข้านอนดิ้น ท่านผลักข้าออกได้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่22 ข้านอนดิ้น ท่านผลักข้าออกได้
หยุนถิงเห็นจวินหย่วนโยวนอนนิ่งๆ ก็รู้สึกว่า ถ้าตัวเองพูดอะไรอีกก็คงจะดูไม่ดีเท่าไหร่ นางเป็นคนในโลกปัจจุบันจะกลัวอะไร ก็แค่นอนเตียงเดียวกันก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นหยุนถิงจึงนอนลงบนเตียงด้านใน แล้วหลับตาลง
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนดูแลจวินหย่วนโยวทั้งคืนจนไม่ค่อยได้พักผ่อนดีๆ ตอนกลางวันก็เหนื่อยมาทั้งวัน หยุนถิงเหนื่อยมากจริงๆ ดังนั้นพอหัวถึงหมอนก็นอนหลับทันที
ได้ยินเสียงลมหายใจเบาๆของนาง จวินหย่วนโยวที่นอนข้างๆก็ลืมตาขึ้นมา
เหลือบมองใบหน้าดำคล้ำของหยุนถิง จวินหย่วนโยวก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
เรื่องในงานแต่งวันนี้ เขามองเห็นชัดเจน ถึงแม้ตอนแรกโม่ฉือชิงพูดจาเหยียดหยามได้เปรียบ แต่ต่อมาเขากลับร้องเต้นระบำเปลื้องผ้า ช่างน่าแปลกมาก เมื่อกี้เขาลืมถามไป
เขาถามไปแล้ว นางอาจจะไม่บอกก็ได้
สามารถลงโทษโม่ฉือชิงต่อหน้าสาธารณะได้ นางเก่งมากจริงๆ แตกต่างกับข่าวที่ได้ยินมามาก นางมีความลับเก็บไว้มากเท่าไหร่กันนะ
จวินหย่วนโยวเองก็ไม่ทันสังเกตว่า เขาเริ่มสงสัยในตัวหยุนถิงมากขึ้นแล้ว
ทันใดนั้นก็มีแขนข้างหนึ่งยื่นเข้ามา ทาบอยู่บนอกของเขา
จวินหย่วนโยวชะงัก ก้มลงมองหยุนถิงที่นอนตะแคงข้าง นางเอามือข้างหนึ่งทาบเขาแล้วนอนหลับ นางใจกล้ามากจริงๆเลยนะ
แต่นางไว้ใจเขาขนาดนี้เชียวเหรอ ถ้าเขาพูดแล้วทำไม่ได้ขึ้นมาจริงๆล่ะ
เหลือบไปมองใบหน้าที่ดำคล้ำ จวินหย่วนโยวก็รู้สึกว่านางไม่ได้ขี้เหร่อะไรมาก แต่เมื่อก่อนใบหน้านางดำแค่ครึ่งเดียว ทำไมวันนี้ถึงดำทั้งหน้าเลยล่ะ
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าของหยุนถิง ก็ถึงเห็นว่าบนใบหน้าของนางมีของเหนียวๆติดอยู่ เหมือนจะเป็นโคลน
นางทำอะไรกันแน่นะ แต่จวินหย่วนโยวเห็นนางกำลังหลับสบาย เหมือนกำลังฝันดี ยังทำปากขมุบขมิบอีก จวินหย่วนโยวก็ยิ้มกว้างเข้าไปอีก
เขาไม่ได้เอามือของหยุนถิงออก แค่นอนเงียบๆแล้วหลับตาลงช้าๆ
……
ทางนี้ หลงยีพาโม่ฉือชิงไปยังถนนใหญ่ ให้คนเตรียมรถม้าไว้ มัดตัวโม่ฉือชิงไว้ข้างบน จากนั้นก็ให้คนขับรถม้าขับรถม้าตะลอนทั่วพระนคร
ตอนนี้เป็นตอนกลางวัน บนถนนมีชาวบ้านเยอะมาก เห็นคนร่างกายเปลือยเปล่าใส่แค่กางเกงในตัวเดียว พวกชาวบ้านก็ต่างพากันมาดูกัน
พวกผู้หญิงก็อายไม่กล้าไปดู ต่างก็ด่าทอว่าเขาทำการอนาจาร
หนึ่งในชาวบ้านจำได้ว่าเขาเป็นโม่ฉือชิงองค์ชายสี่ ต่างก็ตกตะลึงกันใหญ่
“นั่นเป็นองค์ชายสี่เหรอ กลับถูกคนถอดเสื้อผ้าแล้วเอาออกมาตะลอนทั่วพระนคร เกรงว่าจะไปทำอะไรไม่ดีเข้า”
“คนคนนั้นเป็นใครกัน กลับกล้าทำกับองค์ชายสี่แบบนี้ ไม่กลัวว่าฝ่าบาทจะลงโทษเหรอ?”
“วันนี้พวกเจ้าไม่ได้ไปจวนซื่อจื่อเหรอ องค์ชายสี่เหยียดหยามคุณหนูหยุนต่อหน้าทุกคน ซื่อจื่อปกป้องคุณหนูหยุน สั่งให้องครักษ์เงามังกรลงโทษองค์ชายสี่ นี่เป็นความคิดของจวินซื่อจื่อ”
พวกชาวบ้านต่างก็เล่าลือกันปากต่อปาก ต่างก็มององค์ชายสี่อย่างสงสาร แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปพูดอะไร
ไม่นาน คนในวังก็ได้ทราบข่าวนี้ แล้วไปถึงหูของฮ่องเต้
ฮ่องเต้โม่ฉือแหยได้รู้เรื่องที่องค์ชายสี่ถูกจวินหย่วนโยวถอดเสื้อผ้าแล้วจับโยนไปกลางถนน ก็โกรธจนโยนหนังสือลงบนพื้นแรงๆ
“โม่ฉือชิงมันโง่หรือไง อยู่ดีไม่ว่าดี จะไปหาเรื่องจวินหย่วนโยวทำไม!”
ฮ่องเต้ไม่ชอบน้องสี่อยู่แล้ว วันๆไม่ทำงานทำการเอาแต่เที่ยวเล่น จีบหญิงไม่ซ้ำหน้า เสเพลไปทั่ว ไม่มีอะไรดี เรียนก็ไม่เก่ง แต่เรื่องเลวๆกลับเก่งกว่าใคร
เจ้าหมอนี่หาเรื่องคนอื่นก็แล้วไป แต่ตอนนี้กลับล่วงเกินจวินหย่วนโยว กลับให้เขาใช้องครักษ์เงามังกรได้ โม่ฉือชิงคงจะทำเรื่องที่ร้ายแรงมากแน่ๆ
ตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ไปแล้ว จวินหย่วนโยวก็ควบคุมองครักษ์เงามังกรตลอด แต่ก็ไม่เคยใช้เลย ตอนนี้จวินหย่วนโยวกลับทำเพื่อหยนถิง ทำเอาฮ่องเต่รู้สึกประหลาดใจมาก
“ดูแล้วต่อไป จวินหย่วนโยวก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อนเลย” สายตาของฮ่องเต้ประกายไปด้วยความดุร้าย
“ฝ่าบาทหมายความว่า?” กงกงที่คอยรับใช้ข้างก็ถามขึ้น
“เพราะยังไงองค์ชายสี่ก็เป็นน้องชายของข้า ข้าจะเห็นถูกเหยียดหยามได้ยังไง องครักษ์เงามังกรลงโทษเขา โดยการพาตะลอนรอบเมืองก็มากพอแล้ว ตอนนี้เจ้านำไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่ เลือกผ้าไหมชั้นดีและเพชรนิลจินดาไปส่งที่จวนซื่อจื่อ บอกว่าให้พวกเขาเป็นของขวัญงานแต่งงาน” ฮ่องเต้พูดอย่างเชื่องช้า
“พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” ซูกงกงรีบพาคนไปเลือกของขวัญ จากนั้นก็นำขบวนคนไปที่จวนซื่อจื่อ
สุดท้ายพอพวกเขาไปถึงจวนซื่อจื่อ ก็ไม่เจอจวินหย่วนโยวเลย พ่อบ้านบอกว่าซื่อจื่อกับฮูหยินกำลังอยู่ในเรือนหอ
คนอื่นเขากำลังเข้าเรือนหอกัน ถึงจะเป็นเรื่องด่วนสำคัญแค่ไหน ก็คงเข้าไปรบกวนไม่ได้ อย่าว่าแต่มาเพราะเรื่องขององค์ชายสี่เลย
ดังนั้นซูกงกงก็เข้าใจ บอกแค่ว่าฮ่องเต้ประทานของขวัญแต่งงานให้ซื่อจื่อ และไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็นำขบวนคนกลับวังไป
“ฝ่าบาทมาส่งของขวัญทำไมถึงไม่มาให้ก่อนแต่งงาน ซื่อจื่อเข้าเรือนหอแล้วถึงส่งมา?” รั่วจิ่งเบะปาก
“ฝ่าบาทไม่ได้มาส่งของขวัญหรอก แต่จะมาบอกเรื่องที่เขารู้แล้วว่าองค์ชายสี่ถูกลงโทษ ฝ่าบาทอยากให้ซื่อจื่อหยุดได้แล้ว” พ่อบ้านพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า
รั่วจิ่งเหลือบตามองเขา: “ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าเสมอ จิ้งจอกอย่างท่านเดาใจของฝ่าบาทออกด้วยเหรอ?”
“ข้าจะคิดเสียว่าเจ้าชมข้าแล้วกัน เจ้าไปตามหลงยีกลับมาแล้วกัน ยังไงก็ต้องไว้หน้าฝ่าบาทอยู่แล้ว ยังไงองค์ชายสี่ก็ถูกลงโทษแล้ว อับอายขายขี้หน้าพอแล้วล่ะ” พ่อบ้านพูด
“ได้เลย” รั่วจิ่งรีบไปจัดการทันที
พ่อบ้านลั่วรับใช้จวนซื่อจื่อมาเป็นสิบปี เฝ้าดูจวินหย่วนโยวเติบโตมาตั้งแต่เด็ก พ่อของจวินหย่วนโยวให้เขามาดูแลตั้งแต่เด็ก และเขายังเลี้ยงรั่วจิ่งกับหลิงเฟิงจนโต ดังนั้นถึงแม้เขาจะเป็นแค่พ่อบ้าน แต่กลับมีตำแหน่งที่สำคัญในจวนนี้
นอกจากจวินหย่วนโยวแล้ว เรื่องทั่วไปก็ตัดสินใจแทนได้หมด
พ่อบ้านเหลือบมองไปยังเรือนหอของซื่อจื่อ เห็นประตูปิดแน่น ก็ดีใจมาก ซื่อจื่อไม่ได้ออกมา คงจะพึงพอใจในตัวคุณหนูหยุน ไม่งั้นด้วยนิสัยของซื่อจื่อ ถึงแม้จะเป็นแค่การร่วมงาน แต่ไม่มีทางยอมเสียตัวแน่ นอกเสียจากว่าเขาจะยอมเอง
พ่อบ้านคิดแล้วก็รีบสั่งให้หลิงเฟิงเฝ้าหน้าประตูให้ดี อย่าให้คนอื่นมารบกวนการพักผ่อนของซื่อจื่อกับฮูหยินเด็ดขาด
หลิงเฟิงทึ่งในตัวหยุนถิงมาก เขารีบไปยืนเฝ้าหน้าประตูทันที
เช้าวันที่สอง หยุนถิงนอนหลับถึงเที่ยง ลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลานอนอยู่ข้างๆ นางตกตะลึง จากที่งัวเงียอยู่ก็หายไปเป็นปลิดทิ้งทันที
“ซื่อจื่อมาอยู่นี่ได้ยังไง?” หยุนถิงก็ถึงจำเรื่องเมื่อคืนได้
เพื่อให้คนนอกเห็นว่านางได้รับความรัก ดังนั้นหยุนถิงถิงถึงให้จวินหย่วนโยวนอนกับตัวเอง
“เจ้าตื่นแล้วเหรอ ลุกขึ้นมาได้หรือยัง?” จวินหย่วนโยวสีหน้าแข็งทื่อ ดูหน้าเสียมาก
หยุนถิงก็รู้ตัว เงยหน้าขึ้นกลับเห็นนางเหมือนโคอาลา แขนขาทาบอยู่บนตัวของจวินหย่วนโยว หยุนถิงใบหน้าแดงระเรื่อ รีบลุกขึ้นจากตัวจวินหย่วนโยว
“ขอโทษด้วยนะซื่อจื่อ ข้านอนดิ้น ท่านผลักข้าออกได้นะ” หยุนถิงอยากจะขุดหลุมแล้วหมุดหนีไปมาก น่าขายหน้าเสียจริง
จวินหย่วนโยวกลับเหนื่อยใจ: “ข้าผลักแล้ว แต่ผลักไม่ออก”