จอมนางข้ามพิภพ - บทที่23 ใครจะคิดว่าเจ้าจะกอดข้าทั้งคืน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่23 ใครจะคิดว่าเจ้าจะกอดข้าทั้งคืน
เขาอธิบายแบบนี้ ทำเอาหยุนถิงเขินยิ่งขึ้นไปอีก นางรีบกระโดดลุกขึ้นจากเตียง: “คือว่า ตอนนี้ก็เช้าแล้ว พวกเรารีบลุกขึ้นกันเถอะ”
จวินหย่วนโยวกลับนอนกับที่ไม่ขยับ: “ข้าก็อยากนะ แต่เจ้ากอดข้าทั้งคืน ตอนนี้ตัวข้าชาไปหมดแล้ว”
หยุนถิงหน้าแดงไปถึงคอ เหลือบตามองจวินหย่วนโยวที่นอนนิ่งอย่างกับศพ ก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมา
“งั้นทำไมเจ้าไม่ปลุกข้าล่ะ” หยุนถิงว่าแล้วก็ไม่ได้เดินไป นางยื่นมือลากจวินหย่วนโยวไว้
จวินหย่วนโยวจับมือนางไว้ แล้วให้นางช่วยดึงเขาขึ้น: “คืนก่อนเจ้าดูแลข้าทั้งคืน ไม่ได้พักผ่อนดีๆ ข้าเห็นเจ้าหลับลึกขนาดนั้น อยากให้เจ้าได้นอนอีกหน่อย คิดว่าเจ้าจะกอดข้าไว้สักพัก แต่ใครจะคิดว่าเจ้าจะกอดข้าทั้งคืน”
“ซื่อจื่อ ท่านอย่าพูดอีกเลย” หยุนถิงเขินไม่ไหว ทุบหลังของจวินหย่วนโยวเบาๆ
ทำไมนางรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ตั้งใจกันนะ ทั้งที่เขาสามารถผลักนางออกได้ แต่กลับให้นางกอดเขาทั้งคืน เรื่องแบบนี้พูดแล้ว นางก็เสียเปรียบอยู่ดี
“โอ๊ย เจ็บ” จวินหย่วนโยวทำหน้าเจ็บ แล้วพูดอย่างน้อยใจ
“ขอโทษด้วยซื่อจื่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หยุนถิงรีบช่วยเขานวดอย่างระมัดระวัง
คนคนหนึ่งหากร่างกายชาไม่มีความรู้สึก ถึงจะแตะเบาๆ ทุบหนึ่งที ก็รู้สึกปวดระบมไปหมด ความรู้สึกนี้หยุนถิงก็เคยสัมผัสมาก่อน ดังนั้นนางรู้ว่า จวินหย่วนโยวในตอนนี้ไม่ได้พูดโกหก
จวินหย่วนโยวรับรู้ถึงท่าทีที่อ่อนโยนของนาง นัยน์ตาดำขลับนั้นก็ประกายไปด้วยความพึงพอใจ ใบหน้ากลับดูเจ็บปวดมาก
หยุนถิงเห็นแล้วก็ไม่กล้าใช้แรงเยอะมาก นางที่รู้ตัวว่าทำผิดก็คอยดูแลใกล้ชิด ใครใช้ให้เขาปล่อยให้นางกอดทั้งคืนล่ะ
จวินหย่วนโยวเรียกข้ารับใช้เข้ามา พ่อบ้านยกน้ำเข้ามาเอง: “ซื่อจื่อ ฮูหยิน เชิญล้างหน้าล้างตาขอรับ อาหารเตรียมพร้อมแล้ว”
เหลือบเห็นพ่อบ้านยกกะละมังเข้ามาอย่างเคารพ จวินหย่วนโยวก็ขมวดคิ้ว: “ทำไมเจ้ามาเอง เรื่องแบบนี้ให้ข้ารับใช้คนอื่นทำก็พอแล้ว”
ในใจของจวินหย่วนโยว พ่อบ้านเป็นเหมือนผู้อาวุโสของเขา สำหรับผู้อาวุโสท่านนี้ เขาทั้งรักและให้ความสำคัญมากๆ
“ไม่เป็นไรขอรับซื่อจื่อ ข้าน้อยแค่ดีใจน่ะขอรับ ที่ได้เห็นซื่อจื่อกับฮูหยินรักกัน ให้ข้าน้อยทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นขอรับ” พ่อบ้านพูดชื่นชม
จวินหย่วนโยวไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินไปล้างหน้า แต่ในตอนที่เท้าโดนพื้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ซื่อจื่อนั่งลงอย่าขยับ ข้าทำเอง” หยุนถิงรีบรับกะละมังมาจากพ่อบ้าน แล้วยกไปตรงหน้าจวินหย่วนโยว
จวินหย่วนโยวพึงพอใจมาก เขายื่นมือออกไปล้าง
จากนั้นหยุนถิงก็วางกะละมังลง แล้วยื่นมือผ้าเช็ดมือให้เขา
พ่อบ้านรู้สึกแปลกใจ ดีใจและตื่นเต้นมากำ
ซื่อจื่อเก่งจริงๆ ใช้เวลาแค่คืนเดียว ก็สอนให้คุณหนูหยุนรู้งานบ้านงานเรือนขนาดนี้แล้ว มีความกระตือรือร้น ไม่เลวเลยจริงๆ
พอคิดแบบนี้แล้ว พ่อบ้านก็เหลือบมองไปยังเตียง
ผ้าห่มยังไม่ได้พับ ผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดเหมือนใหม่ พ่อบ้านรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ซื่อจื่อยังไม่ได้นอนกับคุณหนูหยุน เสียแรงที่เขาตื่นเต้นทั้งคืน ยังคิดว่า อีกไม่กี่เดือนก็จะได้อุ้มหลานแล้ว
แต่พอนึกถึงนิสัยที่เย็นชาของซื่อจื่อ เขานอนเตียงเดียวกันกับคุณหนูหยุนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้โยนคุณหนูหยุนออกจากห้อง ไม่รีบๆ ยังมีเวลาอีกเยอะ
“พ่อบ้านเหม่ออะไรอยู่?” หยุนถิงเห็นเขาจ้องเตียงตาไม่กะพริบ ก็อดไม่ได้ถามออกไป
พ่อบ้านก็ถึงได้สติ รีบตอบกลับไปว่า: “ตอบฮูหยิน ข้าน้อยกำลังคิดว่าฮูหยินชอบสีผ้าห่มแบบไหน จะได้ให้ข้ารับใช้เตียงมาให้ ตอนนี้อากาศร้อน เหงื่อออกง่าย เปลี่ยนบ่อยๆจะดีต่อร่างกาย”
“งั้นเหรอ เจ้าทำตามสีของสายรุ้งแล้วกัน วันหนึ่งหนึ่งครั้ง อาทิตย์หนึ่งก็ผ่านไปแล้ว” หยุนถิงตอบ
พ่อบ้านไม่เข้าใจ: “สายรุ้ง หนึ่งอาทิตย์?”
หยุนถิงก็ถึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในยุคโบราณ: “ก็คือสีส้มเหลืองเขียวน้ำเงินฟ้าม่วง สีละอย่าง หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวัน สีของผ้าห่มไม่เป็นไรหรอก แต่ทำให้ใหญ่ก็พอ ข้าชอบห่มผ้าผืนใหญ่ สบายดี”
พ่อบ้านรีบมองไปยังซื่อจื่อ ใบหน้าชรานั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น: “ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
มองดูพ่อบ้านเดินจากไป นัยน์ตาลึกซึ้งของจวินหย่วนโยว เขาเห็นรอยยิ้มกว้างที่ปรากฏบนใบหน้าของพ่อบ้านเมื่อกี้ ก็รู้แล้วว่าพ่อบ้านจะต้องเข้าใจผิดแน่ๆ
ก็ว่าทำไมพ่อบ้านถึงยกกะละมังล้างหน้ามาแต่เช้า ที่แท้ก็จะมาดูว่าตัวเองกับหยุนถิงนอนด้วยกันหรือยัง ตาแก่เจ้าเล่ห์
นึกถึงเรื่องเมื่อคืน หยุนถิงกอดเขานอนทั้งคืน จวินหย่วนโยวยิ้มกว้างเข้าไปอีก
จะว่าไปก็แปลก ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น จวินหย่วนโยวก็รู้สึกขยาดพวกผู้หญิงมาก ไม่เคยให้ผู้หญิงเข้าใกล้ แต่พวกนางไม่ขยับเข้ามาใกล้ จวินหนย่วนโยวก็คงจะกินเสร็จนานแล้ว และรู้สึกหงุดหงิดมาก
แต่เมื่อคืน หยุนถิงกอดเขาแน่นมาก จวินหย่วนโยวกลับไม่รู้สึกรังเกียจเลย ทำเอาเขาแปลกใจมาก
“ซื่อจื่อ ข้าล้างเสร็จแล้ว ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” หยุนถิงพูด
“ได้”
จวินหย่วนโยวลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอนตัวเอง เมื่อคืนพวกพ่อบ้านไม่แน่ใจว่าซื่อจื่อจะอยู่ต่อไหม ดังนั้นของของจวินหย่วนโยวยังอยู่ที่ห้องนอนตัวเอง
ซื่อจื่อเพิ่งเดินออกไป เยว่เอ๋อร์ก็รีบกระโจนเข้ามา ถามอย่างเป็นห่วงว่า: “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง ซื่อจื่อรังแกท่านหรือไม่ ทำอะไรท่านหรือเปล่า เห็นท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าดีใจมากจริงๆ”
หยุนถิงกระตุกมุมปาก: “เจ้าพูดอะไรกัน ข้าก็ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว จวินหย่วนโยวก็ไม่ได้โหดร้ายอะไร ทำไมต้องทำให้ข้าลำบากใจด้วย?”
“คุณหนูรู้ไหมเจ้าคะ เมื่อก่อนมีคุณหนูท่านหนึ่งชอบซื่อจื่อ ตั้งใจดึงแขนเสื้อของซื่อจื่อ สุดท้ายซื่อจื่อก็หักแขนของคุณหนูคนนั้น หักด้วยมือเปล่า และตัดแขนเสื้อของตัวเองออก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ซื่อจื่ออีกเลย” เย่วเอ๋อร์อธิบาย
“ใครใช้ให้ผู้หญิงพวกนั้นหลงเสน่ห์ซื่อจื่อล่ะ ซื่อจื่อทำถูกแล้วล่ะ” หยุนถิงตอบ
เยว่เอ๋อร์หมดคำจะพูด: “คุณหนู นี่เป็นประเด็นหลักเหรอ?”
“ข้าว่าซื่อจื่อไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ข้างนอกเล่าลือกันนะ ที่จริงซื่อจื่อก็น่าสงสารเหมือนกัน อายุน้อยๆก็ต้องอดทนกับยาพิษ การเป็นซื่อจื่อดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความอันตราย ไม่รู้ว่าจะต้องระแวงคนอื่นมากแค่ไหน ดังนั้นข้าตัดสินใจว่า ต่อไปจะทำดีกับเขา” หยุนถิงพูดอย่างตั้งใจ
เยว่เอ๋อร์ได้ยินแล้ว ก็รู้สึกมีเหตุผลดี: “คุณหนูทำดีกับใคร ข้าก็จะทำดีกับคนผู้นั้นด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้านี่นะ รีบช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ข้าหิวแล้ว” หยุนถิงพูด
“เจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์รีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา
นอกประตู จวินหย่วนโยวที่กำลังจะกลับห้องตัเวอง เดินถึงครึ่งทางก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเอาหยกมา ก็เลยย้อนกลับไปเอา
ไม่คิดว่าจะได้ยินหยุนถิงพูดแบบนี้ จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วเป็นปม มือที่อยู่ข้างกายก็กำหมัดแน่นจนสั่นเทา
ทั้งที่เขารู้จักหยุนถิงไม่กี่วัน นางแต่งงานกับตัเวองก็เป็นแค่การร่วมมือกันเท่านั้น แต่นางกลับเข้าใจเขาดีขนาดนี้ ทำเอาหัวใจที่เย็นชาจนแทบไร้ความรู้สึกของจวินหย่วนโยวอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ด้านนอกต่างก็บอกว่าเขาเย็นชา โหดเหี้ยม ฆ่าคนตาไม่กะพริบ บอกว่าเขาป่วยออดๆแอดๆ แต่ใครจะรู้ว่าเขาต้องแบกรับไว้มากแค่ไหน แต่หยุนถิงกลับรู้เรื่องทุกอย่าง
วินาทีนี้ จวินหย่วนโยวสัญญาว่าจะปกป้องหยุนถิงไปตลอดชีวิต