จอมนางข้ามพิภพ - บทที่24 เขาแค่กำลังทดลองใจข้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่24 เขาแค่กำลังทดลองใจข้า
จวินหย่วนโยวไม่ได้เดินเข้าไป แต่กลับหลังหันเดินออกไปแทน
หยุนถิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็ทาครีมถอนพิษไปบนใบหน้า เพิ่งเดินออกมา ก็เหลือบไปเห็นหยกที่วางอยู่บนโต๊ะ
“นี่เป็นของซื่อจื่อสินะ” หยุนถิงหยิบขึ้นมาแล้วเดินออกไป เยว่เอ๋อร์ก็รีบตามออกไป
ห้องรับแขก
ตอนที่หยุนถิงมาถึง จวินหย่วนโยวก็นั่งลงกับที่แล้ว
วันนี้จวินหย่วนโยวใส่ชุดเสื้อคลุมลายงูสีดำ ที่มีลวดลายใบไผ่หรูหราที่แขนเสื้อและเข็มขัดสีเดียวกันรอบเอวของเขา บุคลิกสง่างามและโดดเด่นเกินใคร
จอนแหลมคม คิ้วดำขลับ จมูกเป็นสัน ริมฝีปากคมกริบ โครงหน้างดงามดุจดั่งงานศิลปะที่ได้รับการแกะสลักจากช่างศิลป์ระดับโลก
เย็นชา หล่อเหลา สมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ
หยุนถิงเหม่อมอง แค่เห็นใบหน้านี้ นางก็ไม่รู้สึกเสียเปรียบที่แต่งงานกับจวินหย่วนโยวแล้ว หล่อจริงๆ
“เข้ามานั่งสิ” จวินหย่วนโยวพูดขึ้น
หน้าประตูมีหญิงสาวสวมกระโปรงสีม่วงอ่อนเดินเข้ามา นางไม่มีเครื่องประดับตกแต่งตามร่างกาย เรียบง่ายธรรมดา มีพู่สีม่วงสอดเป็นเส้นทแยงมุมในปอยผมของนาง ดูเรียบง่ายแต่ก็ไม่ดูไร้มารยาท
ใบหน้าดำคล้ำมองไม่เห็นใบหน้า มีเพียงดวงตายาวคู่นั้นที่เปล่งประกาย ใสแจ๋ว ดุจดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า ระยิบระยับน่ามอง ทำเอาคนไม่อาจละสายตาหนีออกไปได้
“ขอบพระคุณซื่อจื่อ” หยุนถิงเดินเข้าไป ยื่นหยกในมือออกไป: “ซื่อจื่อ ท่านลืมหยกไว้ในห้อง”
จวินหย่วนโยวเหลือบไปเห็นหยกในมือนาง เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางไม่รู้จริงๆเหรอว่าหยกนี้หมายความถึงอะไร
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป เห็นหยกนี้แล้วคงจะเก็บไว้เป็นของตัวเอง
“ถ้าให้เจ้า เจ้าจะเอาไปทำอะไรต่อ?” จวินหย่วนโยวถาม
พ่อบ้านที่ยกอาหารเข้ามาก็ชะงัก อาหารร้อนๆเกือบตกลงพื้น โชคดีที่มีหลิงเฟิงไหวพริบเร็วช่วยรับเอาไว้
“พ่อบ้าน สบายดีหรือเปล่า?” หลิงเฟิงถาม
“ข้าก็อยากสบายดีอยู่หรอก” พ่อบ้านกัดฟันพูด
เขาจะสบายดีได้ยังไง ซื่อจื่อบ้าไปแล้วหรือเปล่า หยกนั่นเป็นสิ่งมีอำนาจที่ราชวงศ์ยังต้องหวาดกลัว และอยากได้มาตลอด เขาเอาให้ฮูหยินง่ายๆแบบนี้ เขาเห็นภาพหลอนแน่ๆ
หลิงเฟิงก็ได้ยินซื่อจื่อพูด สีหน้าของเขาตกตะลึงมาก
แต่เขาเป็นองครักษ์ของซื่อจื่อ หน้าที่คือทำตามคำสั่ง ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมซื่อจื่อต้องทำแบบนี้ด้วย แต่หากซื่อจื่อตัดสินใจแล้ว หลิงเฟิงก็ต้องทำตาม
หยุนถิงไม่ได้ตอบ แต่มองไปยังพ่อบ้าน: “พ่อบ้าน สีหน้าลึกลับของเจ้าหมายความว่ายังไง?”
พ่อบ้านรีบหาข้ออ้าง: “ฮูหยิน ข้าน้อยท้องเสียน่ะ ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นให้ข้ารักษาไหม?” หยุนถิงพูด
“ข้าน้อยไม่กล้ารบกวนฮูหยินหรอก ข้าน้อยกินยาแล้ว หมอบอกว่าอีกสองวันก็หายดีแล้ว” พ่อบ้านยิ้มแห้ง
“งั้นก็ดี พ่อบ้านอายุเยอะแล้ว จะต้องดูแลตัวเองนะ” หยุนถิงพูด แล้วหยิบหยกขึ้นมา: “ซื่อจื่อจะให้ข้าเหรอ?”
“อืม” จวินหย่วนโยวพยักหน้า
พ่อบ้านทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก ตายแล้ว ซื่อจื่อหลงเสน่ห์ฮูหยินเข้าแล้วสินะ
หยุนหลิงถูหยกดู ไม่ว่าจะเป็นผิว หรือลวดลายก็เป็นของชั้นดีเลยล่ะ: “หากเอาหยกนี้ไปขาย คงได้เงินไม่น้อยเลยน่ะสิ?”
จวินหย่วนโยวสีหน้าชะงัก: “มีคุณค่าพอสมควร”
“งั้นซื่อจื่อก็เก็บไว้เถอะ ถ้าวันไหนท่านกลายเป็นคนจนแล้ว ยังเอาหยกไปแลกเงินมาซื้อของกินได้” หยุนถิงยื่นหยกคืนให้เขา
จวินหย่วนโยวเพิ่งรับมา หยุนถิงก็เหน็บไว้ตรงเอวให้เขา: “ต่อไปซื่อจื่อต้องรักษาให้ดีนะ อย่าทำหายอีก”
“ได้เลย” นัยน์ตาลึกซึ้งของจวินหย่วนโยวประกายไปด้วยรอยยิ้ม
พ่อบ้านกับหลิงเฟิงต่างก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบถอยออกไปกัน
หยุนถิงยกตะเกียบขึ้นกินข้าว พ่อครัวในจวนซื่อจื่อเทียบเท่ากับพ่อครัวในโรงแรมห้าดาวเลยนะ อาหารอร่อยมากจริงๆ
“ซื่อจื่อ เดี๋ยวกินอิ่มแล้ว ข้าอยากออกไปเดินเล่นหน่อย” หยุนถิงพูดขึ้น
“ข้าไปกับเจ้านะ”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ซื่อจื่อมีงานเยอะ ทำงานของท่านไปเถอะ เดี๋ยวข้าพาเยว่เอ๋อร์ไปก็พอ”
“ได้ พ่อบ้านไปเอาเงินในห้องบัญชีมา อยากซื้ออะไรก็ซื้อเต็มที่เลยนะ” จวินหย่วนโยวพูด
“ขอรับ” พ่อบ้านรีบไปจัดการ
“ขอบพระคุณซื่อจื่อ” หยุนถิงพึงพอใจมาก ซื่อจื่อรู้งานจริงๆเลยนะ นางรีบคีบอาหารให้จวินหย่วนโยว
มองดูกะหล่ำดอกบนจานตัวเอง สีหน้าจวินหย่วนโยวก็แข็งทื่อ แต่สุดท้ายก็หยิบตะเกียบคีบขึ้นมากินหนึ่งคำ
พ่อบ้านที่กลับมาเห็นเข้าพอดี ก็รีบวิ่งเข้าไป: “ฮูหยิน ซื่อจื่อไม่กินผักนี้นะขอรับ”
หยุนถิงกระอักกระอ่วน: “ขอโทษด้วยนะ ข้าไม่รู้จริงๆ ซื่อจื่อท่านไม่กินอะไร ครั้งหน้าก็บอกข้าได้นะ”
จวินหย่วนโยววางตะเกียบลง สีหน้าเรียบเฉย: “ไม่เป็นไร ทดลองของใหม่ๆก็ไม่เสียหายอะไร”
มุมปากพ่อบ้านกระตุก เมื่อกี้เขายังรู้สึกว่าคุณหนูหยุนถูกซื่อจื่อปรับปรุงนิสัย แต่ทำไมตอนนี้ดูแล้ว กลับเป็นซื่อจื่อที่ถูกคุณหนูหยุนปรับปรุงแทนล่ะ
“ฮูหยิน ถ้าไม่พอ ข้าน้อยจะไปเอามาเพิ่มขอรับ” พ่อบ้านยื่นให้อย่างเคารพ
หยุนถิงรับมา เงินธนบัตรหนาปึก ทุกใบล้วนแต่เป็นหนึ่งหมื่นตำลึง รวมแล้วประมาณแสนตำลึง นางอดไม่ได้คิดในใจว่า ซื่อจื่อมีเงินเยอะเกินไปแล้วจริงๆ
“พอแล้วล่ะ ขอบใจพ่อบ้านมากนะ”
พอกินข้าวเสร็จ หยุนถิงก็พาเยว่เอ๋อร์ออกบ้าน แล้วตรงไปยังถนนที่คึกคักที่สุดในเมืองหลวง
“คุณหนู เมื่อกี้ซื่อจื่อให้หยกท่าน ทำไมท่านถึงปฏิเสธล่ะเจ้าคะ หยกนั่นดูจะเป็นของมีค่ามากเลยนะเจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์ถามอย่างแปลกใจ
“ยัยเด็กโง่ เจ้าคิดว่าซื่อจื่อจะให้ข้าจริงเหรอ เขาก็แค่ทดลองใจข้า พ่อบ้านทำท่าตะลึงจนพูดไม่ออก นั่นก็หมายความว่าหยกนั่นจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ถ้าข้าเอาไปจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงแล้วตอนนี้” หยุนถิงตอบ
“ไหนพ่อบ้านบอกว่าท้องเสียไงเจ้าคะ?”
“การแสดงแค่นั้นหลอกแค่เด็กแบบเจ้าได้ ถึงแม้จวินหย่วนโยวจะถูกยาพิษสาหัสแต่ก็ยังมีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ แสดงว่าจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ดังนั้นพวกเราใช้ชีวิตของพวกเราดีๆเถอะ อย่าไปสนใจเรื่องอื่นเลย” หยุนถิงตอบ
“คุณหนูพูดถูกหมดเลยเจ้าค่ะ ต่อไปเยว่เอ๋อร์จะฟังที่คุณหนูพูดทั้งหมดเจ้าค่ะ”
หยุนถิงเห็นร้านขายเครื่องสำอาง ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา: “เยว่เอ๋อร์ พวกเราเข้าไปกัน”
เยว่เอ๋อร์รีบตามเข้าไป จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในร้านเครื่องสำอาง
ด้านในขายดีมาก มีหญิงสาวมากมายเข้ามาเลือกซื้อสินค้ากัน สินค้าวางขายอยู่เป็นสิบชั้น มีเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวครบครัน
หยุนถิงกวาดตามอง: “เถ้าแก่ เอาของที่แพงที่สุดของพวกเจ้ามาสิ”
เถ้าแก่เห็นว่าเป็นหยุนถิง ก็รีบทำความเคารพใหญ่ เมื่อวานเขาก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในจวนซื่อจื่อเหมือนกัน ได้เห็นซื่อจื่อปกป้องนางกับตา ดังนั้นเถ้าแก่จึงดูเป็นมิตรมากเป็นพิเศษ
พนักงานร้านเอากล่องกำมะหยี่ออกมา: “คุณหนูหยุน พวกนี้เป็นของขายดีที่สุดในร้านเรา ผู้หญิงที่ใช้แล้วจะมีผิวที่ขาวเนียน นุ่มละมุน กักเก็บน้ำภายในผิวได้ รับรองว่าผิวของท่านจะเนียนละเอียดขึ้นทันตาเห็นแน่นอน”
หยุนถิงเหลือบมองใบหน้าที่เหลืองของเยว่เอ๋อร์ ก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล: “ได้ ข้าเอาพวกนี้ทั้งหมดเลย……”
แต่นางยังพูดไม่ทันจบ เสียงแหลมที่ดุร้ายก็ดังขึ้นจากด้านหลัง: “หน้าตาขี้เหร่ใช้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เอาของดีไปทำเสียหายหมด เถ้าแก่ขายให้ข้าเถอะ ข้ายอมซื้อในราคาสองเท่า”