จอมนางข้ามพิภพ - บทที่27 นางสร้างตำนานอีกแล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่27 นางสร้างตำนานอีกแล้ว
หญิงสองคนโกรธจนหน้าแดงก่ำ ให้ตายสิ พวกนางเพิ่งโดยหยุนถิงหญิงอัปลักษณ์ที่สุดเหยียดหยาม
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อว่าพวกเรา รนหาที่ตายเรอะ!” หนึ่งในผู้หญิงตอบกลับ แล้วยื่นมือไปจะตบหยุนถิง
แต่มือข้างนั้นกลับถูกหยุนถิงจับไว้แน่น หยุนถิงใช้มืออีกข้างตบหน้านางแรงๆ: “ทำไมวันนี้ถึงมีคนอยากให้ข้าสั่งสอนเยอะจังเลย”
น้ำเสียงเย่อหยิ่งและจองหอง
“กรี๊ด เจ้ากล้าตบข้างั้นเหรอ ข้าจะฆ่าเจ้า” โจวโฉงใบหน้าแดงก่ำ ใบหน้ามีรอยฝ่ามืออย่างเห็นได้ชัด รู้เลยว่าหยุนถิงใช้แรงเยอะแค่ไหน
โจวโฉงโกรธจนอยากกระโจนเข้าไป แต่กลับถูกหลิ่วเหมยดึงตัวไว้ก่อน
“เจ้าอย่าใจร้อน จวินซื่อจื่อรักนางมาก เมื่อคืนท่านพ่อข้าไปงานแต่งของซื่อจื่อมา จวินซื่อจื่อถึงกับถอดเสื้อผ้าองค์ชายสี่แล้วตะลอนทั่วเมืองเพื่อนางเลยนะ เจ้าอย่าทำอะไรโง่ๆสิ”
โจวโฉงมองค้อนอย่างโมโห นางได้ยินเรื่องในจวนซื่อจื่อจากท่านพ่อแล้ว ท่านพ่อยังบอกให้นางอย่าไปหาเรื่องหยุนถิง แต่ถ้ายอมถูกรังแกแบบนี้ นางก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“หยุนถิง เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งมากหรือไง เจ้าก็แค่พึ่งพาจวินซื่อจื่อ ถ้าไม่มีซื่อจื่อ เจ้ามันก็แค่หมาข้างทางตัวหนึ่งนั่นแหละ” โจวโฉงตะคอกด่า
“เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าพึ่งจวินซื่อจื่อ แต่ยังไงข้าก็มีคนให้พึ่งพา เจ้ามีไหมล่ะ?” หยุนถิงถามกลับ
ท่าทางได้ใจนั้น ทำเอาคนที่เห็นต่างพากันหมั่นไส้
“เจ้า สมควรตายซะ……”
“เอาล่ะโจวโฉง พวกเราอย่าไปยุ่งกับนางเลย ก็แค่คนพวกเดียวกันเห็นใจพวกเดียวกัน ยังไงก็เป็นแค่คู่พี่น้องอัปลักษณ์” หลิ่วเหมยพูดปลอบใจ
“ใช่แล้ว พวกเจ้าสองคนก็แค่พวกอัปลักษณ์ ผู้ชายเห็นพวกเจ้าแล้วยังรู้สึกรังเกียจเลย ยังหลงตัวเองอีก หน้าไม่อายจริงๆ ไม่รู้ว่าซื่อจื่อตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงชอบเจ้ากันนะ?” โจวโฉงด่าอย่างไม่พอใจ
“ถึงแม้ข้าจะขี้เหร่ แต่ซื่อจื่อชอบคนแบบข้า เจ้าสวยแล้วยังไง ซื่อจื่อไม่สนใจเจ้าด้วยซ้ำ ใบหน้าอันอัปลักษณ์ของข้าได้ความชื่นชอบจากซื่อจื่อ” หยุนถิงพูดยั่วโมโห
โจวโฉงโกรธจนตัวสั่น นัยน์ตาแดงก่ำดุจดั่งไฟที่ลุกโชน เคยเจอคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเจอคนที่ไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน หยุนถิงพูดแบบนี้ ทำเอานางโกรธจนควันแทบออกหู
“เจ้า เจ้า……” โจวโฉงโกรธจนมองบน แล้วสลบลงไป
หยุนถิงรีบวิ่งเข้าไป ใช้นิ้วโป้งกดลงบนเหนือริมฝีปากของนาง
“นี่ เจ้าทำอะไรของเจ้า?” หลิ่วเหมยอยากจะห้ามนาง
“ไม่อยากให้นางตายก็หุบปากซะ” หยุนถิงตะคอกอย่างโมโห
หลิ่วเหมยเห็นสายตาที่เย็นชาของนางก็ตกใจจนตัวสั่น แต่ก็ไม่ไว้ใจให้นางแตะต้องโจวโฉง: “เมื่อกี้เจ้าเพิ่งทำให้โจวโฉงโกรธจนเป็นลมนะ ถ้านางเป็นอะไรขึ้นมา ท่านลุงโจวไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
“ถ้านางเป็นอะไรไปจริงๆ คนที่พ่อนางจะจัดการคนแรกก็คือเจ้านะ วันนี้เจ้าพานางออกมาเดินรถ แต่กลับทำให้นางโกรธจนเป็นลม แต่เจ้ากลับสบายดี เจ้าคิดว่าพ่อนางจะเชื่อเจ้าไหม อีกอย่าง ข้ายังมีซื่อจื่อ ข้าจะกลัวไปทำไม เจ้ามีที่พึ่งไหมล่ะ?” หยุนถิงโต้กลับ
หลิ่วเหมยรีบหุบปากลงทันที หยุนถิงพูดถูก โจวโฉงเป็นลูกรักของตระกูลโจว พ่อนางรักนางยิ่งกว่าใคร ถ้าโจวโฉงเป็นอะไรไปจริงๆ พ่อนางก็ไม่ปล่อยตัวเองไปแน่ และไม่มีทางให้อภัยตระกูลหลิ่วด้วย
“แล้วทำไมเจ้าถึงใจดีล่ะ ทั้งที่เจ้าทำให้นางสลบเอง?” หลิ่วเหมยบ่นพึมพำ
“ให้นางตายไปแบบนี้มันง่ายไป ข้ามีวิธีกำราบคนเยอะ นางตื่นขึ้นมาถึงจะสนุก” หยุนถิงแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ดั่งนางมารร้าย
หลิ่วเหมยที่เห็นแล้วก็ขนลุกซู่ ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
“คุณหนูหยุนต้องขออภัยด้วย เพราะเรื่องของข้าทำให้โยงท่านเข้ามาด้วย ท่านรีบไปเถิด ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ข้าจะรับไว้เอง” หญิงชุดเขียวซูชิงโยวพูดอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้อง นางไม่เป็นไรหรอก” หยุนถิงกดลงไปแรงๆ
“คอกแคก————” โจวโฉงไอคอกแคก ฟื้นขึ้นมา
หลิ่วเหมยดีใจมาก: “โจวโฉง เจ้าฟื้นแล้วเหรอ ดีจังเลย”
“ข้าเป็นอะไรไปเหรอ?” โจวโฉงมึนไปหมด
“เมื่อกี้เจ้าโกรธหยุนถิงยัยอัปลักษณ์จนเป็นลมไง อย่าคิดว่าเรื่องในวันนี้พวกเราจะปล่อยไปง่ายๆนะ โจวโฉงไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่” หลิ่วเหมยเห็นโจวโฉงไม่เห็นไร ก็รู้สึกมีที่พึ่งขึ้นมาทันที
“ใช่แล้วหยุนถิง วันนี้พวกเรามีแค้นต่อกัน ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วหักเจ้าเป็นท่อนๆ” โจวโฉงกัดฟันนกรอดพูด
“งั้นเหรอ งั้นข้าจะรอเจ้านะ แต่น่าเสียดายที่พ่อเจ้าไม่เก่งเท่าซื่อจื่อ มีซื่อจื่ออยู่ พวกเจ้าก็แตะต้องข้าไม่ได้ เรื่องระหว่างผู้หญิง ก็ให้พวกเราจัดการเองเถอะ อย่าไปรบกวนพวกผู้ชายเลย ในเมื่อพวกเจ้าอยากสั่งสอนข้าขนาดนั้น งั้นข้าก็จะให้โอกาสพวกเจ้า พวกเรามาเดิมพันกันไหม?” หยุนถิงเบะปากพูด
“เดิมพันอะไร?”
“เดิมพันว่า ถ้าข้ารักษาแผลบนใบหน้าของคุณหนูท่านนี้ได้ พวกเจ้าสองคนจะคุกเข่าขอโทษเสียงดังนางต่อหน้าทุกคน” หยุนถิงพูด
“ให้พวกเราขอโทษยัยอัปลักษณ์นั่นน่ะเหรอ เจ้าบ้าไปแล้วหรือเปล่า?” หลิ่วเหมยพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“กล้าหรือไม่กล้า?”
“มีอะไรไม่กล้ากัน ซูชิงโยวไปหาหมอรักษาหน้ามาทั้งเมืองแล้ว ขนาดหมอหลวงในวังยังเคยรักษาให้นางเลย ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ข้าไม่เชื่อว่าหญิงอัปลักษณ์ที่สุดในแคว้นต้าเยียนจีวิธีรักษาได้ ถ้าเจ้าแพ้ล่ะ จะทำอะไร?” โจวโฉงพูดอย่างดูถูก
“ถ้าข้าแพ้ ข้าก็จะคุกเข่าขอโทษพวกเจ้า” หยุนถิงพูด
“ได้ เดิมพัน”
“คุณหนูหยุนไม่ต้องทำเพื่อข้าเช่นนี้หรอก ข้าไม่เป็นไรจริงๆ” ซูชิงโยวทำหน้าเครียด ไม่อยากดึงหยุนถิงเข้ามาเกี่ยวด้วย
“เชื่อข้าสิ ขนาดตายข้ายังไม่กลัวเลย หรือกลัวให้โอกาสข้าในการรักษาเจ้างั้นเหรอ?” หยุนถิงถาม
นางมีใบหน้าอัปลักษณ์มาก แต่ดวงตากลับเปล่งประกาย แน่วแน่ และมีความมั่นใจ ทำให้คนรู้สึกเชื่อขึ้นมา
หยุนถิงพูดแบบนี้ ทำเอาซูชิงโยวรู้สึกซาบซึ้งใจและเป็นมิตรขึ้นมา
ตั้งแต่ที่ใบหน้านางมีบาดแผล ก็ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ดูถูก เหยียดหยามมาโดยตลอด หยุนถิงเป็นเพียงคนคนเดียวที่ให้กำลังใจและปกป้องนาง
“ได้ ข้าจะเชื่อเจ้า”
หยุนถิงจับมือของนางออกจากร้านเสื้อผ้า มองไปยังผู้คนที่เดินผ่านไปมา: “รบกวนทุกท่านเป็นพยานให้ข้าที ข้าเดิมพันกับผู้หญิงสองคนนั้นไว้
ถ้าข้ารักษาหนองบนใบหน้าของคุณหนูซูภายในหนึ่งเดือนสำเร็จ พวกนางสองคนก็จะคุกเข่าขอโทษคุณหนูซู ในเรื่องที่พวกนางเหยียดหยามคุณหนูซูก่อนหน้านั้น
ถ้าข้ารักษาไม่สำเร็จ งั้นข้าก็จะคุกเข่าขอโทษพวกนางแทน หวังว่าทุกคนจะเป็นพยานให้ข้า เพื่อวันหลังผู้หญิงสองคนนั้นจะได้ไม่กลับคำพูด”
“พวกข้าไม่กลับคำหรอกนะ หนึ่งเดือน ถึงเวลาพวกข้าจะรอคุกขอโทษจากเจ้า” โจวโฉงกับหลิ่วเหมยแยกเขี้ยวยิงฟันพูด
ผู้คนที่เข้ามาดูต่างก็ฮือฮากันหมด มองดูหนองบนใบหน้าของซูชิงโยว ต่างก็สงสัยว่าหยุนถิงบ้าไปแล้วหรือเปล่า หมอทั้งเมืองก็ไม่มีปัญหารักษาได้ นางเป็นแค่หญิงอัปลักษณ์กลับกล้าคุยโว ทุกคนต่างก็รอดูนางขายหน้ากันหมด
เพราะยังไงหยุนถิงก็เป็นหญิงอัปลักษณ์แห่งต้าเยียน ไม่มีประโยชน์ ไร้ความสามารถ ไม่มีใครเชื่อว่านางจะทำได้
เรื่องที่หยุนถิงเดิมพันแพร่หลายไปเรื่อยๆ แค่ชั่วครู่ก็ทำเอาทั้งเมืองแตกตื่นกันหมด