จอมนางข้ามพิภพ - บทที่285 แท้จริงแล้วข้าไม่ใช่หยุนถิง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่285 แท้จริงแล้วข้าไม่ใช่หยุนถิง
จวินหย่วนโยวไอ้บ้านี้ เอาแต่ใจเกินไปแล้ว หยุนถิงอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ นางอยากผลักจวินหย่วนโยวออกไป แต่ก็ถูกสองทั้งมือของเขากักขังอย่างแน่น ไม่มีทางหนี ได้แต่จำใจยอมรับ
ช่วงนี้ เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องของรั่วจิ่งเป็นอย่างมาก จึงไม่มีอารมณ์ ตอนนี้หยุนถิงก็อยู่ข้างๆตัวเอง แน่นอนว่าจวินหย่วนโยวไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน
รสชาติของนางเหมือนขนมอบแสนอร่อย ยิ่งเหมือนดั่งสุราชั้นดีที่กลมกล่อมและเข้มข้น ทำให้จวินหย่วนโยวหลงใหลจนลืมทุกอย่าง และตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
นางเป็นเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ ทำให้เขาอยากจะพลิกไปยังหน้าสุดท้ายเพื่อดูตอนจบ แต่ก็กลัวจะพลาดเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมในนั้น จึงได้แต่อดทนและอ่านไปทีละหน้าทีละหน้า
ในห้องขนาดใหญ่ เหลือเพียงเสียงหอบพักหายใจของทั้งคู่ และเสียงร้องขอของหยุนถิง คงอยู่เป็นเวลานาน
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ทั้งสองจึงค่อยหยุดลง หยุนถิงพิงหอบหายใจแรงบนไหล่ของจวินหย่วนโยว แก้มที่แดง ราวกับดอกตูมที่เขินอายกำลังรอเวลาเบิกบาน ทำเอาจวินหย่วนโยวพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ซื่อจื่อ ท่านเกินไปมากเลย ในความเป็นจริงที่พวกข้ามีคนสวมบิกินี่เยอะมาก ยังมีชุดชั้นในเซ็กซี่ บางครั้งก็จะจัดปาร์ตี้แบบนี้โดยเฉพาะด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ฤดูร้อนก็ใส่สายเดี่ยว ข้าสั้น ใครเขาจะไปสวมกระโปรงยาวและกางเกงขายาวในฤดูร้อนแบบนี้กัน ร้อนจะตายอยู่แล้ว” หยุนถิงพึมพำ
“ที่พวกเจ้า?” ”จวินหย่วนโยวเลิกคิ้ว
ที่จริงเขาอยากถามมาตลอด แต่ก็ไม่เคยถาม
เขามักรู้สึกว่าบนตัวของหยุนถิงนั้นมีความลับมากมาย ปกติสิ่งของที่นางเอาออกมานั้นก็ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้กระทั่งสี่แคว้นก็ยังไม่มี เสื้อผ้า ของกิน ที่อยู่อาศัยและของใช้ต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์เหล่านั้นด้วย
ต่อให้รู้ว่านางมีถุงเอกภพ แต่อุปกรณ์และเครื่องยาขั้นสูงเช่นนั้น ก็ทำให้จวินหย่วนโยวรู้สึกสงสัย
เพียงแต่เขาไม่ได้ถาม เขารักหยุนถิง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเชื่อมั่น ไม่ว่านางจะพูดหรือไม่พูด เขาก็จะเชื่อนาง
เมื่อเปรียบเทียบกับหยุนถิงคนก่อนที่อาศัยว่าตนเองเป็นคนโปรดจึงหยิ่งยโส เอาแต่ใจ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่มีความรู้ความสามารถ จวินหย่วนโยวก็ชอบหยุนถิงที่ยุติธรรม ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ใจดี ฉลาด และจริงใจต่อผู้อื่นที่อยู่ในอ้อมกอดคนนี้
หยุนถิงเงยหน้าขึ้นสบตากับจวินหย่วนโยว และหยั่งพูดดู: “ซื่อจื่อ หากข้าบอกว่า ข้าไม่ใช่หยุนถิง ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
“ข้าเชื่อ!” จวินหย่วนโยวจริงจังมาก
“ทำไม?” หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“จากการเปลี่ยนไปของเจ้าตั้งแต่แต่งงานกับข้า ไม่เพียงแต่ข้า ทุกคนต่างก็เห็นกันหมด ชัดเจนเช่นนี้ ข้าก็ไม่ได้ตาบอดสักหน่อย” จวินหย่วนโยวตอบ
“ก็จริง แต่ซื่อจื่อทำไมท่านถึงไม่เคยถามข้าเลย?”
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ขอเพียงแค่เป็นภรรยาของข้าก็เพียงพอแล้ว”
ประโยคเดียว ทำให้หยุนถิงซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
ในใจของซื่อจื่อมีความสับสนอยู่ชัดๆ และเคยสงสัย แต่เขากลับไม่ได้ถาม และไม่เคยไปสืบ บางทีก็อาจเป็นเพราะไม่รู้จะสืบจากไหน แต่เขากลับเลือกที่จะเชื่อใจตัวเอง ทำให้หยุนถิงรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง
“ซื่อจื่อ ขอบเจ้าสำหรับความไว้วางใจของท่าน อันที่จริงข้าไม่ใช่หยุนถิง ข้ามาจากยุคปัจจุบัน หรือบอกว่าข้าเป็นเพียงดวงวิญญาณ และร่างนี้ก็ยังเป็นร่างของหยุนถิง ท่านเข้าใจหรือไม่?”
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว: “แล้วหยุนถิงคนเดิมล่ะ?”
“ในคืนที่นางแต่งงานกับหลีอ๋อง หลีอ๋องไปมีอะไรกันกับผู้หญิงในหอนางโลม นางทนการถูกเหยียดหยามนี้ไม่ได้ จึงไปชนตาย ดังนั้นดวงวิญญาณของข้าจึงเข้ามาในร่างของนาง ส่วนเพราะว่าเหตุใด ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” หยุนถิงถอนหายใจ
แม้ว่าจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่จวินหย่วนโยวคิดแล้วก็รู้สึกสมเหตุสมผลดี
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางในก่อนหน้านี้กับในตอนนี้นั้นมีความแตกต่างกันมากเช่นนี้ ไม่น่าแปลกเลยที่นางมักจะเอาของแปลกใหม่ออกมาอยู่เสมอ ไม่แปลกใจเลยที่ทักษะทางการแพทย์ของนางดีมากเช่นนี้ ที่แท้นางไม่ใช่หยุนถิงนี่นา
“ดังนั้นเจ้าสามารถนำอาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอาวุธเยอะเช่นนั้นออกมาได้ ล้วนเป็นของจากโลกนั้นของเจ้า?” จวินหย่วนโยวถาม
“ใช่ ที่ของพวกข้านั้นไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นสูงหรือต่ำ และไม่มีชายที่มีภรรยาเยอะเช่นนี้ เป็นสังคมที่สงบสุข ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้เพียงคนเดียว ยังมีกลุ่มร้านค้า ร้านเฟรนไชส์อีกมากมาย เช่นไก่ทอดและไม้เสียบทอด ยังมีห้างสรรพสินค้าที่สามารถซื้อของต่างๆได้ ซูเปอร์มาร์เก็ต แอร์ โทรศัพท์มือถือ—–โอ๊ะ พูดจนข้าอยากกลับไปเลย” หยุนถิงพึมพำ
หากเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ จวินหย่วนโยวก็อาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่การเปลี่ยนแปลงของหยุนถิงเขาเห็นกับตา ดังนั้นเขาจึงเชื่อ
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของนาง สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็เย็นชาลง และเอื้อมมือไปกอดนางไว้แน่นๆโดยสัญชาตญาณ: “เจ้าอยากกลับไปจริงๆหรือ?”
“ใช่นะสิ ที่พวกข้านั้นสะดวกมาก โดยเฉพาะตอนนั่งตากแอร์ในห้องแอร์ในฤดูร้อนนั้นเย็นสบายมากเลย ฤดูหนาวมีเครื่องทำความร้อน ข้างนอกหิมะตก สวมเสื้อแขนสั้นและนั่งกินหม้อไฟในห้อง ไม่ต้องบอกเลยว่ามันสบายขนาดไหน——“จากนั้นหยุนถิงก็รู้สึกว่าอากาศรอบตัวนางเย็นลง และเมื่อเหลือบมองสีหน้าที่มืดครึ้มของซื่อจื่อ นางก็รีบเปลี่ยนคำพูด
“แต่ต่อให้ข้าอยากกลับไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะกลับอย่างไร ในเมื่อมาแล้ว ก็สงบใจอยู่ที่นี่ให้เป็นสุขเถิด ได้พบเจอกับซื่อจื่อ เป็นโชคที่ดีที่สุดที่ข้ามาอยู่ที่นี้ ท่านคือคนที่ข้ารักมากที่สุด และเป็นคนที่ใส่ใจมากที่สุด ตอนนี้ข้าไม่อยากกลับไปแล้ว เพียงแค่อยากอยู่กับเป็นเพื่อนท่าน” หยุนถิงตอบตามตรง
เมื่อได้ยินเสียงหายใจที่ถี่ขึ้นของจวินหย่วนโยว ก็ยิ่งกังวลมากขึ้น: “ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร จะเป็นไปได้หรือไม่ จู่ๆวันหนึ่งก็หายสาบสูญไปแล้ว?”
เมื่อนึกถึงว่าหยุนถิงอาจจากตัวเองไปอย่างกะทันหัน จวินหย่วนโยวก็รู้สึกบีบหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก หงุดหงิดมาก จนรับไม่ได้ไปชั่วขณะ
หากตามที่นางพูด นางไม่ได้จากไป แต่ดวงวิญญาณหายไป ต่อให้เขาอยากหาก็หาไม่เจอ
“ข้าเองก็ไม่รู้ ดังนั้นซื่อจื่อท่านก็ไม่ต้องเป็นกังวล กังวลก็ไม่มีประโยชน์ รักษาปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว เหตุผลที่ข้าบอกท่าน เป็นเพราะข้าไม่อยากปิดบังต่อท่าน ก่อนหน้านี้ข้ากลัวมาตลอดเลยว่าท่านจะไม่เชื่อหรือไม่ยอมรับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสามารถในการแบกรับของท่านจะดีกว่าที่ข้าคิดอีก เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว” หยุนถิงพูดปลอบโยน
“ข้าเชื่อทุกอย่างที่เจ้าพูด เมื่อครู่ลำบากเจ้าแล้ว นอนพักหน่อยเถอะ” จวินหย่วนโยวพูดปลอบโยน
“อืม” หยุนถิงเหนื่อยมากจริงๆ บอกความลับในใจออกมา ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย นางหลับตาลงและหลับไปในไม่นาน
แต่ใจของจวินหย่วนโยวกลับเหมือนผ่านคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่งมา ไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน แม้ว่าต่อหน้าหยุนถิงเขาจะแสดงเหมือนสงบนิ่งมาก แต่จวินหย่วนโยวเองก็รู้ว่าแผ่นหลังของเขานั้นเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นนานแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยสงสัยมาก่อน แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นผลลัพธ์เช่นนี้ ทำไมมันถึงเป็นผลลัพธ์เช่นนี้
ไม่ว่านางจะมีผ่านอะไรมา และมาได้อย่างไร จวินหย่วนโยวล้วนไม่สนใจ เขาเพียงต้องการให้หยุนถิงอยู่เคียงข้างเขา และจูงมือไปกับตัวเองจนแก่เฒ่า
แต่เมื่อนึกได้ว่าวันหนึ่ง จู่ๆ นางก็อาจจะหายไปได้ นางไม่ใช่นางอีกต่อไป จวินหย่วนโยวก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก และไม่รู้จะทำอย่างไร
จนกระทั่งหยุนถิงหลับสนิทไป จวินหย่วนโยวจึงค่อยดึงแขนของตัวเองออก จากนั้นก็ลุกขึ้นเบาๆ และเดินออกจากห้องไป
จวินหย่วนโยวรีบเรียกหลงยีมาทันที และให้เขาไปเชิญคงอู๋ไต้ซือมา
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะให้หยุนถิงอยู่เคียงข้างตัวเองไปตลอดชีวิต หรือแม้แต่ชาติหน้า และจะไม่ปล่อยให้นางจากตัวเองไป
นางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ตัวเองเคยหวั่นไหวในชีวิตนี้ ไม่ว่าจะยังไง เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางจากตัวเองไป ต่อให้ตายก็ไม่