จอมนางข้ามพิภพ - บทที่287 ข้าไม่เคยเสียใจที่รักนาง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่287 ข้าไม่เคยเสียใจที่รักนาง
คงอู๋ไต้ซือส่ายหัว: “ไม่รู้จัก”
“แล้วทำไมท่านเห็นข้าแล้ว ถึงได้ทำสีหน้าเช่นนี้” หยุนถิงถามกลับ
“ข้าเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า สะใภ้ของเจ้าหนูจวินจะสวยงามเช่นนี้ เจ้าหนูนี้สายตาไม่เลวนัก” คงอู๋ไต้ซือตอบ
หยุนถิงพอใจอย่างยิ่ง ถือว่าหลวงจีนนี้สายตาถึงมาก
“นังหนู เจ้าไปช่วยข้าจับไก่ฟ้าหรือนกป่ามาย่างให้ข้าที ข้าไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว” คงอู๋ไต้ซือพูดอย่างไม่เกรงใจ
“หลวงจีนไม่กินเนื้อสัตว์ไม่ใช่หรือ?” หยุนถิงมองดูด้วยความสงสัย
“สายตาอะไรของเจ้ากันอีนังหนู ข้าเป็นหลวงจีนแท้ๆ อันนี้เจ้าหนูจวินสามารถรับรองได้”
“ไต้ซือกินเนื้อจริง ต้องลำบากเจ้าแล้ว ไปจับอะไรหน่อยก็ได้แล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าว
“ก็ได้ ในเมื่อซื่อจื่อพูดเช่นนั้นแล้ว งั้นข้าไปเดี๋ยวนี้เลย” หยุนถิงหันหลังเดินออกไป
เมื่อเห็นว่านางจากไปไกล จวินหย่วนโยวจึงค่อยพูดว่า: “ไต้ซือ เมื่อครู่เจ้าต้องการบอกอะไร เป็นเพราะเห็นชะตากรรมของหยุนถิงหรือ?”
คงอู๋ไต้ซือส่ายหัว: “ตอนอีนังหนูนี้เกิด ข้าบังเอิญผ่านจวนเฉิงเซี่ยงพอดี เห็นแสงสายรุ้งเต็มบนท้องฟ้า จึงได้ทำการทำนายดวงชะตาให้นาง
ชะตากรรมของนางแบ่งออกเป็นสอง ตอนอายุสิบสี่ปีก่อนแม้ว่านางจะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่กลับมีดวงกินผัว เป็นเรื่องยากที่จะได้วาสนารัก เมื่ออายุสิบสี่ปีจะเกิดชั่วกัลป์ร้ายแรง
หากผ่านชั่วกัลป์นั้นไปได้ก็จะร่ำรวย มีอำนาจ ยิ่งมีดวงเสริมสามี กล่าวได้ว่าเป็นการหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ทั้งปวง
แต่ตอนนี้มองดูรูปลักษณ์ของนังหนูนี้อีกครั้งกลับเป็นชะตาฟีนิกซ์ ผู้ใดดึคนที่มีชะตาฟีนิกซ์ก็จะได้ใต้หล้านี้ แม้จะมีโศกภัยพิบัติแต่ก็มักจะมีผู้สูงศักดิ์คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ เปลี่ยนอันตรายให้เป็นพรดี
เพียงแค่ห้าปี นางกลับประสบภัยพิบัติมากมาย รอดจากปากเหยี่ยวปากกา ดวงวิญญาณสาบสูญไป——น่าเสียดายยิ่งนัก”
จวินหย่วนโยวรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ คงอู๋ไต้ซือได้รับการขนานนามจากทั้งสี่แคว้นว่าเป็นนักปราชญ์ เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สมัยโบราณและถึงปัจจุบัน มักลือกันว่าเขาสามารถรู้เหตุการณ์ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาได้ น่ามหัศจรรย์มาก ดังนั้นจวินหย่วนโยวจึงไม่เชื่อคำพูดของเขาไม่ได้
หยุนถิงบอกว่านางไม่ใช่คนของโลกนี้ ดังนั้นวันที่นางตายไปก็จะเป็นที่ดวงวิญญาณหายไป
“ไต้ซือ มีวิธีแก้ไขหรือไม่?” จวินหย่วนโยวถามด้วยความกังวล
เขาไม่สนใจชะตาฟีนิกซ์อะไรนี้ เขาแค่ต้องการให้หยุนถิงอยู่เคียงข้างเขาไว้
คงอู๋ไต้ซือส่ายหัว: “โชคชะตาเป็นเพียงบางส่วน มันจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา บางสิ่ง หรือเพราะบางคน ไม่ใช่จะเป็นจริงทั้งหมด สิ่งที่ข้าสามารถมองเห็นก็มีเพียงเท่านี้แหละ”
มือในแขนเสื้อของจวินหย่วนโยวอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น: “ไต้ซือ ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆหรือ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่คงอู๋ไต้ซือเห็นจวินหย่วนโยวทำสีหน้าจริงจังเช่นนี้: “หายากนัก คิดไม่ถึงว่าผู้ที่เย็นชาและกระหายเลือดเช่นเจ้านั้น จะใส่ใจคนคนหนึ่งมากขนาดนี้”
“นางคือคนที่ข้ารักมากที่สุดในชีวิต และเป็นคนเดียวที่ข้ารัก ข้าไม่อยากให้นางเป็นอะไร” จวินหย่วนโยวตอบตามตรง
“โธ่ ดูไม่ออกนะว่าเจ้าจะหวั่นไหวมากขนาดนี้ แถมยังหลงใหลมากเยี่ยงนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย นางไม่เหมือนกับเจ้า” คงอู๋ไต้ซือพูดเกลี้ยกล่อม
จวินหย่วนโยวฟังความหมายแฝงของไต้ซือออก: “ข้าไม่เคยเสียใจที่รักนาง”
คงอู๋ไต้ซือยังต้องการพูดอะไรอีก แต่ก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อย่าง ดวงตาเบิกกว้างเลยในทันที: “รีบพยุงข้าออกไป หิวจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้กินของมาหลายวันแล้ว”
จวินหย่วนโยวชำเลืองบาดแผลของคงอู๋ไต้ซือ จากนั้นก็ช่วยพยุงเขาขึ้น และเดินไปที่ประตู
ในที่ไม่ไกลนัก หยุนถิงกำลังก่อไฟและย่างอาหารอยู่ นางกำลังโรยเครื่องปรุง เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของนาง ระหว่างคิ้วของจวินหย่วนโยวนั้นก็อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย
“นังหนู เจ้ากำลังย่างอะไรอยู่ หอมมากเลย?” คงอู๋ไต้ซือถามอย่างตื่นเต้น
“ไก่ฟ้า ได้มาสองตัว”
“สองตัว จะกินยังไง พวกข้ามีกันสามคน?”
“ข้ากับซื่อจื่อกินหนึ่งตัว ท่านกินหนึ่งตัว” หยุนถิงตอบ
“นังหนูเจ้าฉลาดมาก การตัดสินใจนี้ถูกมากเลย”
หยุนถิงไม่สนใจเขา ย่างต่อไป
ไม่นานนัก ไก่ย่างสองตัวก็ย่างเสร็จแล้ว คงอู๋ไต้ซือก็ตรงไปหยิบไก่ย่างและกินเลย ร้อนจนรีบเอาปากเป่า: “ร้อนจะตายแล้ว หมอมากเลย รสชาตินี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”
จวินหย่วนโยวหยิบอีกตัวหนึ่งไป หยิบกริชที่พกติดตัวออกมา ตัดน่องไก่ออกมา แล้วมอบให้หยุนถิง: “ลำบากฮูหยินแล้ว”
“ซื่อจื่อเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าย่างเพราะเห็นแก่หน้าท่าน” หยุนถิงพูดแล้วหัวเราะ
“อืม”
“กินแต่ไก่ย่างก็น่าเบื่อเกินไป ข้าเก็บสุราซิ่งฮวาไว้พวกข้าดื่มด้วยกันเถอะ มีสุรามีเนื้อถึงจะเป็นชีวิต”
จวินหย่วนโยวลุกขึ้นยืน: “ไปชิมดู สุราซิ่งฮวาของไต้ซือไม่ใช่จะได้ดื่มง่าย”
“อืม”
หยุนถิงเดินตามไป ทั้งสามคนกินไก่ย่างไปด้วยดื่มสุราซิ่งฮวาไปด้วย สบายและมีความสุขยิ่งนัก
เมื่อเทียบกับความอบอุ่นในกระท่อม หยุนถิงยังไม่รู้ว่า นางทำให้คนทั่วเมืองหลวงตกตะลึงกันอีกครั้ง
เด็กสองคนที่หยุนถิงสอนได้ผ่านการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศ และยังได้รับคำเชิญจากผู้อาวุโสสองให้เข้าร่วมหอเทพเซียนให้เข้าร่วม แต่กลับถูกปฏิเสธ ข่าวใหญ่เช่นนี้เพียงแค่บ่ายวันหนึ่งก็ถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว
ทุกคนต่างก็ชื่นชมหยุนถิงเป็นอย่างมาก สมกับเป็นคุณหนูหยุนจริงๆเลย ดุดันยิ่งนัก คนของนางก็ยิ่งดุดัน นางทำให้แคว้นต้าเยียนมีหน้ามีตามาก
ชางหยุนสี่เดินอยู่บนถนนได้ฟังคำชื่นชมของทุกคนที่มีต่อหยุนถิง ก็ยิ่งโกรธมาก มีอะไรน่าได้ใจ ก็แค่เสแสร้งเข้านั้นเองแหละ
ชางหยุนสี่รู้สึกหงุดหงิดมาก มองดูร้านสุราตรงข้างหน้าก็เดินเข้าไป สั่งสุราถังใหญ่แล้วเริ่มดื่มเลย
ไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าหยุนถิงมีอะไรดี แม้แต่เสด็จพี่ไท่จื่อก็ถูกนางหลงกล
อาจเป็นเพราะอึดอัดใจมากเกินไป ชางหยุนสี่ดื่มไปได้ไม่นานก็เมาแล้ว ผู้จัดการร้านเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ก็รีบเข้าไป และยกชางหยุนสี่ไปทางด้านหลัง
ชายสองคนที่รออยู่หลังประตูอุ้มชางหยุนสี่เอาไว้แล้วจากไปทางหลังประตู ขึ้นไปในรถม้าแล้วออกจากเมืองไป
ตอนชางเยว่หมิงหาชางหยุนสี่ไม่เจอ ก็ค่ำแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าน้องสาวเพียงแค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้น แต่กลางดึกแล้วก็ยังไม่เห็นกลับมา จึงรู้สึกถึงความผิดปกติในทันที และรีบให้คนไปตามหาชางเยว่หมิงทันที
ขณะนี้ ในป่านอกเมือง ชางหยุนสี่เพียงรู้สึกว่าสั่นไปมารุนแรงมากนัก นางที่รู้สึกเบลอๆได้ยินเสียงทะเลาะกัน แต่ง่วงเกินไป ชางหยุนสี่จึงรู้สึกว่ามันรำคาญมาก อยากตื่นขึ้นมาแต่ก็ตื่นไม่ได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด รถม้าก็หยุดลง
ชายสองคนที่ขับรถก็ดึงชางหยุนสี่ลงมา การกระทำรุนแรง ทำให้ชางหยุนสี่รู้สึกเจ็บมาก
ตอนลืมตา ชางหยุนสี่มองดูรอบๆที่เต็มไปด้วยความมืด และชายแข็งแกร่งสองคนที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกตกตะลึง: “พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
“อุ้ย ยังเป็นองค์หญิงคนหนึ่งด้วย ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเล่นองค์หญิงมาก่อนเลย คืนนี้น่าตื่นเต้นจริงๆ” ชายหน้าเป็นแผลกล่าวอย่างได้ใจ
“ถูกต้อง ดูรูปลักษณ์แล้วก็ไม่เลว รอพวกข้าสองคนเปิดก่อนแล้วขายนางไปในหอนางโลมโดยตรงเลย ยังได้เงินอีกหนึ่งส่วน” หมูอ้วนอีกคนกล่าว
ชางหยุนสี่แค้นยิ่งนัก: “พวกเจ้ากล้าแตะต้ององค์หญิง อยากตายหรือไง รู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควรทำก็ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะสับพวกเจ้าให้เป็นหมื่นท่อนแน่นอน!”
“เชอะ ยังค่อนข้างดุเดือดดี กูชอบดุเดือด” ชายหน้าเป็นแผลเดินตรงมา และยื่นมือออกไปดึงเสื้อผ้าของชางหยุนสี่