จอมนางข้ามพิภพ - บทที่29 ถ้าชนะข้าได้ งั้นก็ให้เจ้าแล้วกัน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่29 ถ้าชนะข้าได้ งั้นก็ให้เจ้าแล้วกัน
สีหน้าพ่อบ้านเย็นชาขึ้นมา: “จวนซื่อจื่อไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะค้นได้ ถ้าวันนี้ปล่อยให้หลีอ๋องค้นจวนจริงๆ งั้นซื่อจื่อจะเอาหน้าไปไว้ไหน ขออภัยที่ข้าน้อยไม่อาจทำตามได้”
โม่ฉือฉานสีหน้ามืดมน นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดและแผ่ซ่านไปด้วยความอาฆาตและเหี้ยมโหด: “ให้ตายสิ เจ้ามันก็แค่หมาเฝ้าบ้าน ยังกล้ามาขวางทางข้าอีกงั้นเรอะ”
“ข้าน้อยไม่กล้าขวางทางท่านอ๋องหรอกขอรับ แต่ซื่อจื่อมีรับสั่งว่า ห้ามให้ใครหน้าไหนมาลามปามจวนซื่อจื่อได้” พ่อบ้านตอบอย่างเรียบเฉย
“ถ้าข้าจะค้นล่ะ?” โม่ฉือหานรอบกายแผ่ซ่านไปด้วยรังสีอำมหิต
“งั้นท่านก็อย่าหาว่าข้าน้อยไม่เตือนเลย!” พ่อบ้านพูดอย่างเย็นชา แล้วถอยหลังออกไป
พริบตาเดียวก็มีทหารสิบกว่าคนปรากฏขึ้น ขวางหน้าพ่อบ้านไว้ ทุกคนล้วนแต่สวมชุดดำถือดาบ สีหน้าเข้มงวด เย็นชามาดเท่มาก
โม่ฉือหานโกรธจนเส้นเลือดปูดขึ้นหน้าผาก: “ให้ตายสิ หมาเฝ้าบ้านยังกล้าจองหองต่อหน้าข้าอีก วันนี้ข้าจะบุกแล้วมันยังไง!”
พูดจบ โม่ฉือหานก็โจมตีฝ่ามือออกไปแรงๆ
พ่อบ้านรีบหลบไปข้างๆ ทหารสิบกว่าคนตรงหน้าก็ต่อสู้กับโม่ฉือหานขึ้นมา
เคลื่อนไหวดุดันรุนแรง ไร้ความปรานี ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ตอบโต้เลย ทหารสิบกว่าคนล้อมตัวโม่ฉือหานเอาไว้
เสียงดาบกระทบดันดังพ่างเพี้ยง อันตรายมาก
พ่อบ้านรีบหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย มองดูด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ได้เข้าไปห้าม หลีอ๋องจองหองเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว กล้ามาล่วงเกินจวนซื่อจื่อ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน งั้นก็ต้องดูว่าเขาไว้หน้าหรือเปล่า
สู้กันขึ้นมาก็ดีจะได้ยื้อเวลาให้ซื่อจื่อได้ นึกถึงนิสัยที่แค้นฝังหุ่นของหลีอ๋อง พ่อบ้านก็รีบเรียกหลงเอ้อมา: “เจ้านำกำลังคนไปปกป้องซื่อจื่อ ข้ากลัวหลีอ๋องจะหาซื่อจื่อไม่เจอแล้วตามไปแก้แค้นที่ฟาร์มประตูเมืองทิศเหนือได้”
ถึงแม้หลงยีจะนำกำลังคนสี่คนไปปกป้องซื่อจื่อ แต่พ่อบ้านก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี หลีอ๋องคลั่งขึ้นมายิ่งกว่าหมาบ้าเสียอีก ไม่แน่อาจจะมีเล่ห์เหลี่ยมได้ ระวังไว้หน่อยก็ดี
“ได้เลย” หลงเอ้อรีบนำกำลังคนออกไปทางประตูหลัง
พ่อบ้านหันไปมองหลีอ๋องที่กำลังต่อสู้อยู่กับทหาร ท่าทางสูสีกันมาก คงจะไม่จบง่ายๆ ก็เลยให้คนไปยกเก้าอี้มา
หลีอ๋องที่เห็นพ่อบ้านทำแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ พ่อบ้านนั่นกล้านั่งเก้าอี้งั้นเหรอ นี่คิดจะหัวเราะเยาะเขางั้นเหรอ
โม่ฉือหานโมโห รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยความเยือกเย็น ใช้แรงทั้งหมดที่มีโจมตีกลับไป
แต่ทหารในจวนซื่อจื่อแข็งแกร่งเกินไป แกร่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก แทบจะโจมตีกลับไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“พวกเจ้าอย่าจริงจังเกินไป เดี๋ยวจะทำให้หลีอ๋องมีแผลกลับไปได้” พ่อบ้านตะโกนพูด
ถึงแม้หลีอ๋องจะทำผิดที่บุกมาในจวนซื่อจื่อ แต่ยังไงเขาก็เป็นถึงท่านอ๋อง เป็นน้องชายแท้ๆของฮ่องเต้ ถ้าบาดเจ็บจริงๆ จะรายงานต่อฮ่องเต้ลำบาก
โม่ฉือหานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโห ให้ตายสิ นี่ดูถูกฝีมือเขางั้นเหรอ
โม่ฉือหานใช้แรงทั้งหมดที่มีโจมตีออกไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ต่อสู้จนทหารพวกนั้นล้มลงพื้นไป แต่หลีอ๋องก็เหนื่อยจนหายใจหอบเหมือนกัน
พ่อบ้านลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไม่รีบร้อน ไม่แตกตื่น: “หลีอ๋องฝีมือดีจริงๆ ข้าน้อยนับถือยิ่งนัก”
“ไสหัวไป ตอนนี้เจ้าไม่มีข้ออ้างมาขวางทางข้าแล้วใช่ไหม!” โม่ฉือหานสู้จนตาแดงก่ำ
“ข้าน้อยไม่มีข้ออ้างแล้วก็จริง แต่ข้าน้อยยังให้หลีอ๋องเข้าไปไม่ได้ รอหลีอ๋องผ่านด่านองครักษ์เงามังกรก่อนค่อยว่ากัน” พ่อบ้านพูดจบ ลานบ้านก็มีคนชุดดำสิบกว่าคนปรากฏขึ้น
โม่ฉือหานตัวชะงัก มองค้อนพ่อบ้านด้วยสายตาที่โกรธแค้น
ให้ตายสิ จิ้งจอกตัวนี้มันช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
เมื่อกี้เขาเอาแต่โกรธ อยากมาคิดบัญชีกับหยุนถิง แต่ลืมไปว่าจวินหย่วนโยวยังมีองครักษ์เงามังกรอยู่
ทหารพวกนั้นก็แค่พวกที่เฝ้าบ้าน ก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว โม่ฉือหานหมดแรงไปกว่าครึ่งแล้ว แต่พวกเขาเทียบกับองครักษ์เงามังกรแล้ว ก็เหมือนพ่อมดน้อยกับพ่อมดใหญ่ โม่ฉือหานเกิดลังเลขึ้นมา
ถ้าบุกรุกเข้าไป โม่ฉือหานรู้ตัวว่าสู้กับองครักษ์เงามังกรไม่ได้ แต่ถ้ากลับไปแบบนี้ เขาก็คงทนไม่ได้
ไม่ไกลมากมีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามา กระซิบข้างหูหลีอ๋องเบาๆ สายตาที่ดุจดั่งเหยี่ยวของโม่ฉือหานก็หรี่ตาลง: “ให้ตายสิ รีบนำกำลังคนไปไล่ตาม ข้าจะตามไปสั่งสอนยัยผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปอย่างโมโห
“งั้นข้าน้อยขอน้อมส่งท่านหลีอ๋องขอรับ” พ่อบ้านพูด
……
ทางนี้ ภายในรถม้า
หยุนถิงนั่งลงด้วยท่านั่งสบายๆ: “ซื่อจื่อ คนในเมืองหลวงไม่ดื่มนมวัวกันเหรอ?”
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว: “เจ้าไม่ใช่คนในเมืองหลวงเหรอ?”
หยุนถิงก็ถึงรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดไป: “ข้าก็ต้องเป็นอยู่แล้ว ข้าแค่อยากถามพวกผู้ชายอย่างพวกท่านก็เท่านั้น?”
“ส่วนใหญ่ไม่ดื่มนะ”
“พวกชาวบ้านธรรมดาล่ะ?”
“ก็ไม่ดื่มเหมือนกัน ทุกคนไม่ชอบกลิ่นของนม ราคาก็แพง ฟาร์มทางประตูเมืองทิศเหนือก็ขายให้แค่ราชวงศ์ แต่ก็ไม่มีใครเอามาดื่ม” จวินหย่วนโยวตอบอย่างตรง
หยุนถิงแววตาประกายไปด้วยความเจ้าเล่ห์ พูดอย่างได้ใจว่า: “ซื่อจื่อ เดี๋ยวถ้าท่านได้ชิมฝีมือข้าแล้ว รับรองท่านจะติดใจอยากดื่มอีกแน่นอน”
หากไม่มองใบหน้าดำคล้ำนั้น มองดูท่าทางที่มั่นใจของนาง สายตาที่แจ่มใสดุจดั่งดวงดาวทะเล จวินหย่วนโยวก็กระตุกยิ้มมุมปาก: “ได้ ข้าจะรอนะ”
หยุนถิงเหลือบไปมองจานหยกขาวนั้น: “ซื่อจื่อ นี่คือกระดานหมากเหรอ?”
“ใช่ จะเล่นสักตาไหม?” จวินหย่วนโยวถาม
หยุนถิงตอบอย่างกระอักกระอ่วน: “ข้าเล่นไม่เป็นน่ะสิ”
“ไม่เป็นไร ข้าสอนเจ้าเอง ยังไงก็ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงประตูทางทิศเหนือ เล่นคั่นเวลาไปก่อนก็ได้” จวินหย่วนโยวว่าแล้วก็เอาโต๊ะเหลี่ยมเล็กๆออกมา วางกระดานหมาก นำตัวหมากออกมา
หยุนถิงเป็นหญิงแก่นเซี้ยว ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นจวินหย่วนโยวก็เลยไม่สงสัย
เหลือบมองหมากสีดำขาวในกล่อง หยุนถิงดวงตาเป็นประกาย ยื่นมือไปหยิบ: “ซื่อจื่อ หมากของท่านเป็นหยกเหรอ คุณภาพแบบนี้จะต้องแพงมากแน่เลย?”
“ก็หลายหมื่นทองคำอยู่”
“งั้นให้ข้าได้ไหม?” หยุนถิงถาม
นางดูออกแล้วล่ะ จวินหย่วนโยวกินอยู่ล้วนแต่ประณีตในประณีต ของทุกชิ้นอย่างมีค่าเท่าบ้าน หมอนี่จะมีเงินเยอะไปไหน นางแต่งงานกับเศรษฐีหรือไงนะ
“ถ้าเจ้าชนะข้าได้ งั้นข้าก็จะให้เจ้า” จวินหย่วนโยวตอบ
“ได้เลย งั้นซื่อจื่อสอนข้าด้วยนะ”
จวินหย่วนโยวอธิบายกฎคร่าวๆ หยุนถิงทำหน้าได้ใจ ก็เหมือนหมากล้อมในยุคปัจจุบัน นางเป็นยอดฝีมือด้านหมากล้อมเชียวนะ
“งั้นมาเริ่มกันเถอะ ข้าก่อนนะ” หยุนถิงวางหมากสีขาวลงไป
หากใครได้เล่นหมากล้อมก่อนก็ถือว่าได้เปรียบ เพื่อหมากที่มีราคาหลายหมื่นทองคำ หยุนถิงไม่อ่อนข้อแน่นอน
มองดูที่ที่นางวาง จวินหย่วนโยวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร แล้ววางหมากสีดำตามลงไป
ทั้งสองวางหมากลงบนกระดานหมากทั้งกระดานแล้ว แต่ก็สูสีกันจนแยกไม่ออกว่าใครจะชนะ
หยุนถิงขมวดคิ้ว ตาหมอนี่เล่นหมากล้อมเก่งไปไหน วันนี้คงเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วล่ะ
จวินหย่วนโยวครุ่นคิด ไหนว่าเล่นไม่เป็นไง ทักษะหมากล้อมของเขาในแคว้นต้าเยียนไม่มีใครเทียบได้ นางกลับวางหมากล้อมกับเขาทั้งกระดานแล้ว นี่แกล้งทำเป็นไม่เป็นงั้นเหรอ?