จอมนางข้ามพิภพ - บทที่323 หากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ ข้าช่วยเจ้าได้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่323 หากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ ข้าช่วยเจ้าได้
หากนางไม่ไปหาเรื่องหยุนถิง ไม่ขาดความเคารพและหยิ่งยโสต่อหล่อนเช่นนั้น หากนางยับยั้งอารมณ์ไว้สักหน่อย นางก็คงจะไม่มีจุดจบแบบนี้แล้วสินะ
มู่ว่านว่านในขณะนี้รู้สึกแค้นมาก นางเกลียดในความไม่รู้ของตัวเอง และยิ่งเกลียดความใจร้ายของท่านพ่อ
“หากมีชาติหน้า ข้าจะไม่ขอเป็นลูกสาวของท่านพ่ออีกเด็ดขาด!” มู่ว่านว่านสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ น้ำตาไหลลงมาจากหางตา และหายไปในเส้นผม
อ้างว้าง และน่าเศร้า
ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาดังมา หน้าต่างถูกเปิดออกจากด้านนอก มีร่างเงาดำหนึ่งกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง
“ใคร?”
หยุนถิงดึงผ้าสีดำที่ปิดหน้าออก: “ข้าเอง คุณหนูว่านยังมีแรงพูดอยู่หรือ ดูเหมือนว่ายังอยู่ได้อีกสองสามวัน”
“เป็นเจ้าได้อย่างไร เจ้ามาทำอะไร?” มู่ว่านว่านตกตะลึง
หรือว่าหยุนถิงต้องการมาหัวเราะเยาะตัวเอง?
“คุณหนูรองแห่งหอเทพเซียนแท้ๆ เคยรุ่งโรจน์ เกียรติยศสูงเช่นนั้น แต่สุดท้ายกลับถูกพ่อและพี่สาวแท้ๆของตัวเองทำให้ต้องตาย ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
มู่ว่านว่านจ้องมองนางด้วยความโกรธ: “เป็นเพราะท่านพ่อไม่ยอมใช้หญ้าเถาวัลย์แลกชีวิตข้าไม่ใช่หรือ เจ้าอย่ามายุให้รำ ตำให้รั่ว?”
“ยุให้รำ ตำให้รั่ว เจ้ามีอะไรที่คู่ควรให้ข้ามายุให้รำ ตำให้รั่ว ทั้งครอบครัวต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ยังต้องการให้ข้าออกมือหรือ ลายมือของพี่ใหญ่เจ้า เจ้าควรรู้จักสินะ!” หยุนถิงพูดพร้อมกับยื่นกระดาษพับแผ่นหนึ่งไป แถมยังช่วยนางเปิดอย่างเอาใจใส่
ในห้องที่มืดสนิท มู่ว่านว่านไม่อยากดู แต่จู่ๆหยุนถิงก็หยิบไข่มุกราตรีดวงหนึ่งออกมา และเอามือบังแสงไว้ เพื่อให้มู่ว่านว่านมองเห็นลายมือได้ชัดเจน
“นี่ นี่ไม่เห็นอธิบายอะไรได้เลย?” มู่ว่านว่านขมวดคิ้ว
ด้านบนนี้เป็นลายมือของพี่ใหญ่จริง แต่ก็แค่เขียนไว้ว่านางเอาหญ้าเถาวัลย์ไปด้วยไม่ได้รับอนุญาต และขอร้องให้ท่านพ่อลงโทษ ดูผ่านๆก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัย
“กระดาษพับแผ่นนี้ถูกคนของข้าสกัดยึดได้ ขณะที่พี่ใหญ่ของเจ้าให้คนส่งหญ้าเถาวัลย์มา ก็เขียนกระดาษแผ่นนี้ไปแจ้งให้พ่อเจ้าด้วย
ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนตัดสินใจเอง แต่แท้จริงแล้วคือให้พ่อของเจ้ารีบกลับมาเพื่อไม่ต้องช่วยเจ้า มิฉะนั้นพ่อของเจ้าอยู่ต่างแคว้นเป่ยลี่ จะบังเอิญออกมาขัดขวางตอนข้ากำลังจะช่วยเจ้าได้อย่างไร
เป็นพี่ใหญ่เจ้าต่างหากที่ไม่อยากช่วยเจ้า แต่ต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสาม หากนางไม่ทำเช่นนี้ ก็จะทำให้ผู้อาวุโสคิดว่านางเย็นชาไร้น้ำใจเท่านั้น
แม้ว่านางจะหยิบหญ้าเถาวัลย์มาโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เพียงแต่ซื้อใจผู้คนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถแสดงฉากแห่งความภราดรภาพต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งหลาย ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยนาง
หากนางอยากช่วยเจ้าจริงๆ จะไปแจ้งพ่อของเจ้าได้อย่างไร รอให้ช่วยเจ้าเสร็จแล้วค่อยไปสารภาพผิดก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในการประกวดคัดเลือกของหอเทพเซียนนั้น แม้ว่าอินทรีทองของข้าจะโจมตีเจ้า แต่วิทยายุทธของพี่ใหญ่เจ้าเป็นสุ่ยซิ่ว ด้วยความสามารถของนางก็คงสามารถรับเจ้าไว้ได้
(สุ่ยซิ่ว ผ้าสีขาวที่ต่อยาวออกมาจากชายแขนเสื้อของชุดงิ้ว)
เพราะครั้งหนึ่งตอนโรงประมูล นางเคยรับเจ้าไว้ครั้งหนึ่ง ดังนั้นครั้งนั้นเขาไม่ออกมือ ก็คือจงใจใช้เจ้าเพื่อทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้น และทำให้เจ้าและข้าเกลียดกันมากยิ่งขึ้น
นางชอบซื่อจื่อของข้า และต้องการใช้มือเจ้ากำจัดข้าทิ้ง เพื่อเอาตำแหน่งให้นาง แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” หยุนถิงพูดอย่างเรียบง่าย เฉียบคมและตรงประเด็น
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ พี่ใหญ่ของข้าไม่ทำแบบนี้กับข้าแน่นอน นางรักข้ามากที่สุดแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตนางก็ปกป้องข้ามาโดยตลอด?” มู่ว่านว่านโต้กลับโดยไม่ต้องลังเล
“นางดีต่อเจ้าจริงหรือไม่ ในใจของเจ้ารู้ดีที่สุด ระวังตัวหน่อยเถอะ” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
แม้ว่ามู่ว่านว่านจะไม่เชื่อในสิ่งที่หยุนถิงพูด แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ ลายมือของพี่ใหญ่นางดูออกตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะตัวหนึ่งในนั้น ทุกครั้งที่พี่ใหญ่เขียนก็จะเพิ่มจุดจุดหนึ่ง นั่นเป็นนิสัยตั้งแต่เด็กๆของหล่อน คนอื่นเลียนแบบจะไม่เป็นเช่นนี้แน่นอน
นึกถึงวันที่นางถูกอินทรีทองโจมตี ตอนนั้นนางก็ขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพี่ใหญ่ได้ยินแล้ว และอยากช่วยนาง แต่หล่อนกลับลังเล
ในเวลานั้น มู่ว่านว่านก็ไม่ได้คิดอะไรมากและเป็นลมไป
มู่ว่านว่านนึกถึงสิ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับพี่ใหญ่ตั้งแต่เล็กจนโต ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกน่ากลัว มู่ว่านว่านตกตะลึง ประหลาดใจ เจ็บปวด เสียใจ และผิดหวัง——-
“ทำไม ทำไมพี่ใหญ่ถึงปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ นางเก่งกว่าข้าตั้งแต่เด็ก เชื่อฟังและเป็นเด็กดีกว่าข้า และยังคุมและบริหารหอเทพเซียนได้ชำนาญกว่าข้า ทำไมหล่อนถึงอยากให้ข้าตาย?” มู่ว่านว่านคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ
“เพราะนางอิจฉาเจ้า อิจฉาที่เจ้ามีอิสระเสรี ทำอะไรได้ตามใจชอบ อิจฉาที่ท่านเจ้าหอโปรดปราน รักเจ้า และเอาอกเอาใจเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ส่วนนางในฐานะคุณหนูใหญ่ มีเรื่องหลายเรื่องที่ทำไม่ได้ และมีกฎหลายอย่างที่ต้องปฏิบัติตาม แถมต้องแบกรับและรับผิดชอบเรื่องหลายอย่าง นางในเช่นนี้กลับอิจฉาท่านเจ้าหอที่สนิทกับเจ้าเช่นนี้มากกว่า” หยุนถิงตอบ
น้ำตาของมู่ว่านว่านร่วงหล่นอย่างเงียบๆ: “ตอนท่านแม่คลอดข้านั้นคลอดยาก ตั้งแต่เด็กข้ากับพี่ใหญ่ก็ต่างพึ่งพาอาศัยกันมากันมาโดยตลอด ในใจของข้านางไม่เพียงแต่เป็นแค่พี่สาวของข้าเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่ใกล้ชิดกับข้ามากที่สุดด้วย ทำไมนางถึงต้องทำกับข้าเช่นนี้——”
หยุนถิงไม่ตอบ แต่มองนางอย่างเงียบๆ
การถูกคนที่ใกล้ชิดที่สุดหักหลัง เป็นสิ่งที่เจ็บปวดและรับไม่ได้ที่สุด เรื่องแบบนี้ต้องให้นางคิดออกได้ด้วยตัวเอง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงที่อ่อนแอของมู่ว่านว่านก็ดังขึ้น: “ทำไมเจ้าถึงบอกเรื่องนี้กับข้า เจ้าอยากดูเรื่องตลกของข้า หรือกลัวว่าข้าจะตายตาไม่หลับ?”
“หรือว่าเจ้าเต็มใจที่จะตายไปแบบนี้ ตายในมือของพี่ใหญ่และพ่อที่สนิทที่สุดของเจ้า ตายไปในแผ่นการของพวกเขา และเต็มใจที่ถูกพวกเขาทอดทิ้งไปเช่นนี้?” หยุนถิงถามกลับ
“ข้าไม่เต็มใจแล้วจะทำไงได้ ข้าเหลือเพียงลมหายใจเดียว ข้าจะทำไงได้?” มู่ว่านว่านพูดอย่างโกรธเคือง
“หากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”
“เจ้าช่วยข้า ทำไม เจ้าควรเป็นคนที่อยากให้ข้าตายที่สุดไม่ใช่หรือ?” มู่ว่านว่านทำหน้าตกตะลึง
“ข้าอยากให้เจ้าตาย แต่เห็นเจ้าถูกคนที่สนิทที่สุดร่วมมือวางแผนฆ่าเช่นนี้ ข้าก็ยังรู้สึกซาบซึ้งต่อภราดรภาพ จึงรู้สึกไม่คุ้มแทนเจ้า ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้าทำเรื่องหนึ่ง” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
“เรื่องอะไร?”
“ทำลายหอเทพเซียน และเปิดเผยเหล่าความลับของหอเทพเซียนต่อสาธารณชน เจ้าทำได้หรือไม่?” หยุนถิงถามกลับ
สีหน้าของมู่ว่านว่านตึงเครียด หลังผ่านการต่อต้านแล้ว
“ตอนพวกเขาทำร้ายเจ้า ไม่เคยคิดที่จะให้ทางรอดแก่เจ้าเลย”
มู่ว่านว่านสูดหายใจเข้าลึกๆ และตัดสินใจในที่สุด: “อืม ข้าตอบตกลง”
หยุนถิงเดินมาในทันที และหยิบสารอาหารสองชนิดออกจากกระเป๋า: “ดื่มมันซะ”
มู่ว่านว่านมองดูของที่แปลกประหลาดนี้ แม้ว่าจะสงสัย แต่ก็ยังรับมันมาและดื่มลงไป
ตอนนี้เจ้าเหลือเพียงลมหายใจเดียว หากหยุนถิงต้องการทำร้ายนางจริงๆ ก็สามารถไม่ต้องสนและไม่ต้องมาที่นี่ได้
“ยาเหล่านี้ เจ้าทานวันละสามเม็ดหลังอาหาร และร่างกายของเจ้าจะฟื้นตัวภายในห้าวัน” หยุนถิงยื่นขวดยาสีขาวให้
มู่ว่านว่านรับมันมา: “แต่เจ้าบอกว่า ข้าเป็นไข้ใจไม่ใช่หรือ วันนั้นข้าดื่มจิตวิญญาณของอินทรีทองลงไปชัดๆไม่ใช่หรือ ยาเม็ดเหล่านี้สามารถรักษาข้าได้จริงหรือ?”
“สิ่งที่เจ้าดื่มลงไป ไม่ใช่จิตวิญญาณของอินทรีทอง เพียงแต่ว่าข้าใช้หลักการของการหักเหและการสะท้อน เพื่อให้เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าดื่มลงไปคืออินทรีทอง” หยุนถิงเดินไปที่โต๊ะและเทน้ำหนึ่งแก้ว
ท้องฟ้าข้างนอกก็สว่างขึ้นพอดี ในขณะนี้ห้องก็สว่างขึ้น หยุนถิงยื่นน้ำแก้วนั้นให้มู่ว่านว่าน จากนั้นก็หยิบขนอินทรีสีทองออกมา ยืนอยู่ในตำแหน่งหนึ่ง แล้วยกขนขึ้นสูง