จอมนางข้ามพิภพ - บทที่330 ซื่อจื่อกินองุ่นลูกเดียวกับนาง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่330 ซื่อจื่อกินองุ่นลูกเดียวกับนาง
แม้ว่าทุกคนจะไม่ชอบองค์หญิงหลันรั่ว แต่นางก็เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเทียนจิ่ว องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ของจวนซื่อจื่อเองก็ไม่สามารถลงมือโดยตรงกับนางได้ ไม่สามารถโจมตีเจ้าโดยตรงได้ มิฉะนั้นก็จะทำให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ต่อซื่อจื่อ
ตอนนี้หยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อช่วยสั่งสอนองค์หญิงหลันรั่วแทนพวกเขา สะใจยิ่งนัก
ส่วนในลานของจวินหย่วนโยว หลงเอ้อก็ได้รายงานทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในทางนี่ให้กับหยุนถิงและซื่อจื่อแล้ว หยุนถิงที่อยู่ในห้องรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวลิ่วยังค่อนข้างมีน้ำใจ รู้จักช่วยข้าสั่งสอนหลันรั่ว”
“แน่นอนอยู่แล้ว น้องภรรยาคนนี้ไม่เลวจริงๆ พรุ่งนี้ให้รางวัลเขาหน่อย” มุมปากของจวินหย่วนโยวโค้งขึ้น
“เช่นนั้นก็ของคุณซื่อจื่อแล้ว” หยุนถิงหัวเราะอิอิ
“หากฮูหยินปฏิบัติจริงคงดีกว่านี้” จวินหย่วนโยวพลิกตัวและกดนางไว้ด้านล่าง และทำอย่างดุเดือด
ในห้องขนาดใหญ่ มีเพียงเสียงหอบหายใจอย่างหนักของทั้งสอง เกี่ยวพันกัน เป็นเวลานาน
เช้าวันรุ่งขึ้น องค์หญิงหลันรั่วตื่นขึ้นจากในลาน เมื่อลืมตาขึ้นและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อคืน หลันรั่วก็ตกใจมากจนเจ้ารีบไปหาจวินหย่วนโยว
ทันทีที่นางพึ่งถึงห้องโถงด้านข้าง ก็เห็นจวินหย่วนโยวกำลังป้อนโจ๊กให้หยุนถิง ท่าทางอ่อนโยน แถมยังเป่าก่อนป้อนเข้าปากหยุนถิงด้วย
จวินหย่วนโยวที่อ่อนโยนเช่นนี้ ทำเอาหลันรั่วตกตะลึงไปหมด
ทุกครั้งที่นางเห็นจวินซื่อจื่อสีหน้าของเขาก็มักเย็นชาตลอด ไร้ความปรานี ไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย ยิ่งไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา ทุกครั้งที่หลันรั่วไปแตะโดนแขนเสื้อของจวินหย่วนโยวอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาก็จะถอดเสื้อคลุมตัวนั้นออกมาในทันที
หลันรั่วคิดไม่ถึงว่า พี่ซื่อจื่อที่ถูกเรียกว่านรกยมบาล เย็นชาและกระหายเลือดนั้นก็จะปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ด้วย
เหตุใด ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ตนเอง?
ทั้งหมดเป็นเพราะอนุภรรยาคนนี้ หากไม่มีนาง พี่ซื่อจื่ออาจไม่มองข้างตัวเองก็ได้
ในขณะนี้ หลันรั่วอยากจะสับหยุนถิงให้เป็นชิ้น ๆ
หยุนถิงสังเกตเห็นถึงการปรากฏตัวของหลันรั่วมานานแล้ว จงใจอ้อน: “ซื่อจื่อ ข้าอยากกินผักกาดเขียวสักหน่อย อา!”
จวินหย่วนโยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบผักกาดเขียวมาชิ้นหนึ่ง แล้วใส่เข้าไปในปากของหยุนถิง
“ซื่อจื่อ ข้าอยากกินขนมอบ!”
“อืม” จวินหย่วนโยวป้อนนางต่อ
หยุนถิงลองกินทุกอย่างดู จากนั้นจวินหย่วนโยวก็ใส่องุ่นเข้าไปในปากของหยุนถิง หยุนถิงก็จงใจทำปากจู๋: “ซื่อจื่อ พวกข้ากินด้วยกัน” พลันเอนตัวไป
รอยยิ้มระหว่างคิ้วของจวินหย่วนโยวลึกขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่เคยลองวิธีนี้เลย ดูแล้วก็ไม่เลวนัก
หลันรั่วอดไม่ได้ที่จะดูถูกในใจ น่าขยะแขยงยิ่งนัก จะกินองุ่นลูกเดียวกับพี่ซื่อจื่อ นางไม่สกปรกตัวเองเลยหรือ พี่ซื่อจื่อเป็นคนรักความสะอาดมากเช่นนั้น คงไม่ยอมกินน้ำลายของนางแน่นอน
จากนั้นหลันรั่วก็ตกตะลึงมากจนไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง นางเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของจวินหย่วนโยวเข้าไปใกล้ อ้าปากและกัดองุ่นระหว่างริมฝีปากที่บางของหยุนถิง และถือโอกาสจูบปากนาง
หลันรั่วก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง และหันหน้าหนีโดยสัญชาตญาณ
“ไร้ยางอาย อีนางแพศยา!” หลันรั่วพูดพึมพำ และวิ่งหนีไปด้วยความอับอาย หากอยู่ต่อไปไม่แน่อนุภรรยานี้จะทำเรื่องอะไรที่มันเกินไปออกมาอีก
แม้ว่าหลันรั่วจะหยิ่งยโส แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน จะไปทนกับฉากเช่นนี้ได้อย่างไรกัน จึงรีบไปที่พักเปลี่ยนม้าหลวงทันที
เมื่อหลิวมามาและคนอื่น ๆ ได้ยินว่าในจวนซื่อจื่อมีผีหลอก ต่างก็กังวลยิ่งนัก ต่างก็ห้ามองค์หญิงว่าอย่าอยู่ในจวนซื่อจื่ออีกต่อไปเลย แต่ให้ย้ายมาอยู่ที่พักเปลี่ยนม้าหลวง
หลันรั่วไม่ยอม โดยรู้ว่าหยุนถิงจงใจทำให้ตัวเองขยะแขยง แต่นางไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้เช่นนี้
หลิวมามารู้สึกเอ็นดู เรื่องความรักเป็นสิ่งที่ทรมานคนที่สุด นางเห็นองค์หญิงเจ็บปวดเช่นนั้นก็รู้สึกเศร้าใจแทนหล่อน
“องค์หญิง บ่าวได้สืบมาอย่างชัดเจนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เป็นวันล่าสัตว์ประจำปีของแคว้นต้าเยียน ถึงเวลานั้นข้าสามารถให้คนไปแอบซุ่มโจมตีได้ ในยามล่าสัตว์ได้รับบาดแผลอะไรก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล!” หลิวมามาเสนอแนะ
หลันรั่วทำหน้าดีใจ: “มามา เจ้าเก่งมากเลย งั้นก็ทำตามที่เจ้าพูด เลือกองครักษ์ที่เก่งกาจที่สุดไป ครั้งนี้ข้าจะให้อนุภรรยานั้นตายไปแล้วหาที่ฝังศพมิได้แน่นอน”
“เจ้าค่ะ”
ครั้งนี้หลันรั่วไม่ได้กลับไปที่จวนซื่อจื่อ เมื่อคืนนางถูกผีน้อยสองตัวนั้นทำให้ตกใจจนกลัวมาก จึงรู้สึกง่วงมากในตอนนี้ จึงตัดสินใจพักที่พักเปลี่ยนม้าเลยทีเดียว
ยังไงหยุนถิงก็ได้ใจได้แค่อีกไม่กี่วันแล้ว นางรออีกสองสามวันก็ไม่เป็นไร
จวนซื่อจื่อ
ซูกงกงมาเรียกจวินหย่วนโยว โดยบอกว่าฝ่าบาทเรียกเข้าพบ จวินหย่วนโยวไปที่พระราชวัง หยุนถิงไม่มีอะไรทำ จึงไปที่ป่าชานเมืองทางเขตตะวันออก
เจ้าเป่าขลุ่ยเบาๆ และหลังจากนั้นไม่นานอินทรีสีทองก็บินมา และร่อนลงตรงหน้าหยุนถิงโดยตรง ไมมีความแข็งแกร่งและอันตรายเหมือนปกติ แต่กลับเอาหัวไปถูที่ขาของหยุนถิง เหมือนเด็กที่เอาใจคน
หยุนถิงเอื้อมมือไปแตะหัวของอินทรีทอง หยิบเนื้อแห้งชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และป้อนให้มัน: “จินจื่อ พวกข้าเริ่มฝึกกันเถอะ”
วันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเกือบมืด หยุนถิงจึงค่อยปล่อยอินทรีทองจากไป ก่อนจากไปก็ได้ให้ถุงเนื้อแห้งถุงหนึ่งแก่มันไป
ทว่าทันทีที่หยุนถิงออกมาจากป่า ในความมืดก็มีร่างหนึ่งที่เร็วราวกับสายฟ้าจู่โจมนางเข้ามา
เมื่อสัมผัสถึงความอันตรายในอากาศ หยุนถิงรีบหลบอย่างรวดเร็ว พึ่งหลบอาวุธลับเสร็จ แต่ข้างๆก็มีร่างคนที่เร็วราวกับสายฟ้าเข้าโจมตีหยุนถิง
การเครืองไหวของเขาเร็วเกินไป และคาดไม่ถึง เข็มเงินในมือของหยุนถิงยังไม่ทันได้ปล่อยออกไป ก็ถูกคนนั้นกดจุดไปทำให้ขยับตัวไม่ได้
“เป็นเจ้านี่เอง?” หยุนถิงมองดูคนคนนั้นอย่างเย็นชา
คนตรงหน้าสูงและขายาว สวมหน้ากากปีศาจสีแดงเอาไว้ คือคนสวมหน้ากากที่แอบโจรตีตัวเองตอนเทศกาลดอกท้อนั้นเอง
มุมปากของหนานเทียนหลินโค้งขึ้น: “นึกไม่ถึวว่าเจ้าจะยังจำข้าได้ วันนี้เจ้าตกอยู่ในมือของข้า ก็ภาวนาให้กับตัวเองเถอะ”
“ผู้ที่ฆ่าสำนักราตรีของเจ้าไม่ใช่ข้าสักหน่อย เจ้าจับข้าทำไม?” หยุนถิงทำเสียวเชอะ
ทันทีที่ได้ยินคำว่าสำนักราตรี สีหน้าของหนานเทียนหลินก็เย็นชาลง ดวงตาที่เผยออกมาจากภายใต้หน้ากากปีศาจสีแดงนั้นดูน่าขนลุกยิ่งนัก ตาทั้งสองน่ากลัวเหมือนงู ทำให้ผู้คนตกใจกลัวมาก
“หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้า จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนจะร่วมมือกันทำลายสำนักราตรีของข้าได้อย่างไร เจ้านั่นแหละคือตัวการที่ก่อให้เกิดเภทภัย ครั้งนี้เจ้าได้ตายอย่างแน่นอน!”
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำข้าบาดเจ็บสาหัสในเทศกาลดอกท้อ จะกระตุ้นให้เกิดเรื่องฆ่ายกทั้งสำนักได้อย่างไรกัน” หยุนถิงถามกลับ
“ฆ่าเจ้าไปแบบนั้นมันน่าเสียดายเกินไป จวินหย่วนโยวใส่ใจเจ้ามากที่สุดไม่ใช่หรือ ข้าจะดูว่าเขาใส่ใจเจ้ามากเพียงใด!” หนานเทียนหลินดึงหยุนถิงออกจากป่า และขึ้นรถม้าคันหนึ่ง
ทั้งหมดนี้ถูกพบเห็นโดยหลงเอ้อที่อยู่ในที่ลับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบปกป้องหยุนถิง เมื่อครู่เขาก็จะออกมือแล้ว แต่กลับถูกหยุนถิงห้ามเอาไว้ คาดว่าฮูหยินคงมีแผนการของตัวเอง ดังนั้นหลงเอ้อจึงคอยติดตามอยู่ในไม่ห่าง
หากไอ้สารเลวนี้กล้าทำร้ายฮูหยิน หลงเอ้อจะสับเขาให้เป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน
รถม้าแล่นเข้าสู่ประตูเมืองหลวง โม่เหลิ่งเหยียนเป็นคนตรวจคนเข้าเมืองพอดี เดินสวนกับรถม้าไปพอดี
หนานเทียนหลินกดจุดที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้และจุดหย่าเหมินของหยุนถิงออก โดยไม่กลัวว่านางจะขอความช่วยเหลือสักนิดเลย
ทันใดนั้นโม่เหลิ่งเหยียนก็เหมือนสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เดินผ่านไปแล้ว ทันทีที่หันหัวกลับไปก็เห็นด้านในผ้าม่านของรถม้าที่ปลิวไปตามสายลมนั้นมีหยุนถิงนั่ง และข้างๆ ยังมีชายสวมหน้ากากปีศาจสีแดง นัยน์ตาของโม่เหลิ่งเหยียนแข็งทื่อ และรีบให้องครักษ์ลับไปรวบรวมกำลังคนทันที จากนั้นตัวเองก็ตามไปอย่างเงียบๆ