จอมนางข้ามพิภพ - บทที่356 เหตุใดคนเหล่านี้ถึงต้องลอบสังหารเจ้าด้วย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่356 เหตุใดคนเหล่านี้ถึงต้องลอบสังหารเจ้าด้วย
เป่ยจิ่วฉิงวางพู่กันในมือแล้วพูดว่า “จะยังไงก็เป็นเพราะซินผินไปคารวะเหล้าให้นาง นางมีความแค้นในใจก็สมควรแล้ว สักครู่ให้รางวัลซินผินสักหน่อยก็ได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลิวกงกงคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะไม่ตำหนิหรูเฟยสักนิดเลย นี่แค่คืนเดียวเอง หลังจากนี้ต่อไปหลิวกงกงไม่กล้าคิดเลยว่าหรูเฟยจะได้รับความโปรดปรานถึงเยี่ยงไร กล่าวโดยรวมแล้วก็คือห้ามล่วงเกินเด็ดขาด
ซ่างกวนเจิ้นก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน และรีบไปที่ตำหนักหรูเย็นโดยเร็ว “หรูเอ๋อร์ เจ้าทำเรื่องบุ่มบ่ามเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เจ้าพึ่งได้ถูกแต่งตั้งเป็นเฟยจะสร้างศัตรูให้กับตัวเองได้เยี่ยงไร?”
ซ่างกวนหรูมองด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ก่อนที่ท่านพ่อจะมาถามข้า ก็ควรคำนับข้าก่อนไม่ใช่หรือ?”
น้ำเสียงเย็นชา เหินห่างเล็กน้อย
ซ่างกวนเจิ้นผงะไปครู่หนึ่ง นี่ยังเป็นลูกสาวที่เชื่อฟังเป็นเด็กดีของเขาอยู่หรือไม่ นางกลับให้ตัวเองคำนับให้นาง
ในขณะนี้ ซ่างกวนเจิ้นรู้สึกว่าเหมือนไม่รู้จักลูกสาวที่อยู่ตรงหน้านี้เลย
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนนี้ ซ่างกวนเจิ้นก็รู้ว่าซ่างกวนหรูยังคงโทษตนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนนี้
“กระหม่อมคารวะหรูเฟยเหนียงเหนียง” จากนั้นซ่างกวนเจิ้นจึงค่อยคำนับ
“ลุกขึ้นเถอะ!” ซ่างกวนหรูพูดอย่างเฉยชา
“ขอบพระทัยหรูเฟยเหนียงเหนียง” จากนั้นซ่างกวนเจิ้นก็ค่อยยืนขึ้น “เหนียงเหนียงท่านไม่ควรข่มอารมณ์ไว้ไม่ได้เยี่ยงนี้”
“ขอบคุณที่ท่านพ่อเป็นห่วง หากไม่ใช่เพราะสุราแก้วนั้นของซินผินในเมื่อคืน ข้าก็คงไม่ถูกฝ่าบาททรมานทั้งคืน ข้ายอมไม่ได้จริงๆ ดังนั้นวันนี้จึงไปสั่งสอนซินผินโดยเฉพาะ
ตอนนี้ข้าเป็นหรูเฟย ส่วนนางเป็นเพียงผิน กานสั่งสอนนางก็เป็นการระบายความโกรธให้ตัวเอง และก็ถือเป็นการตักเตือนแก่เหล่านางสนมในวังหลังนั้น เพื่อให้พวกนางรู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่พวกนางจะรังแกได้อย่างง่ายๆ” น้ำเสียงของซ่างกวนหรูจึงค่อยอ่อนโยนลงเล็กน้อย
“เจ้าไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาก่อน เป็นเพราะพ่อไร้ความสามารถ ถึงได้ทำให้เจ้าต้องน้อยใจตัวเองเช่นนี้” ซ่างกวนเจิ้นอุทาน
ใจของซ่างกวนหรูอ่อนลง นางเองก็รู้เหมือนกัน
“ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ เพราะนี่คือโอกาสเดียวของพวกข้าในตอนนี้ ฝ่าบาททรงเห็นสาวงามมานับไม่ถ้วน นางสนมในวังหลังก็เคารพและประจบสอพลอต่อเขามาก เยี่ยงข้าเช่นนี้ก็ยิ่งสามารถกระตุ้นความอยากเอเอาชนะและความสนใจของฝ่าบาทได้พอดี บางครั้งการเชื่อฟังเกินไปก็มิใช่เรื่องที่ดี ข้ารู้บันยะบันยังอยู่แล้ว”
“เช่นนี้พ่อก็วางใจแล้ว เพราะพวกข้าพึ่งมาที่แคว้นเป่ยลี่ วังหลังและราชสำนักก็เกี่ยวพันกันอย่างมาก ดังนั้นเจ้าเองทำอะไรก็ต้องระวังให้ดี” ซ่างกวนเจิ้นกำชับสั่งเสียสองสามคำก่อนจะจากไป
คืนวันนั้น ฝ่าบาทก็ทรงแต่งตั้งซ่างกวนเจิ้นให้เป็นเฉิงเซี่ยงแห่งแคว้นเป่ยลี่ ให้รางวัลจวนและคนรับใช้ รุ่งโรจน์มีหน้ามีตายิ่งนัก ในวันเดียวกันซ่างกวนเจิ้นก็ย้ายเข้าไปอยู่ในจวนใหม่เลย
แน่นอนว่าข่าวนี้ก็ถูกสายสืบของจวินหย่วนโยวใช้จดหมายนกพิราบส่งให้กับจวนซื่อจื่อในทันที
เมืองหลวงแห่งต้าเยียน
หยุนถิงพาหลงเอ้อไปที่หอเหวินหยวน และวันนี้เป็นวันที่นางต้องเขียนพู่กันและภาพวาดใหม่ให้กับหอเหวินหยวน ดังนั้นหลังอาหารเช้าเสร็จ หยุนถิงบอกกับจวินหย่วนโยวแล้วมาเลย
เจ้ากรมมีความกระตือรือร้นยิ่งนัก และรีบพาหยุนถิงไปที่ห้องรับรองพิเศษทันที และได้เตรียมพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกไว้ให้นางไว้นานแล้ว
บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งมาเรียก เจ้ากรมบอกกับหยุนถิงคำหนึ่งแล้วรียไปทำงานแล้ว
หยุนถิงหยิบพู่กันและกระดาษมา บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเดินเข้ามา “คุณหนูหยุน บ่าวฝนหมึกให้ท่าน”
“อืม”
ไม่นานหมึกก็ถูกฝนเสร็จแล้ว บ่าวรับใช้ชายถอยไปข้างๆอย่างเคารพ แต่ไม่ได้จากไป
หยุนถิงก็ไม่ได้คิดมากเกิน หยิบพู่กันและกระดาษมาแล้วก็เริ่มเขียน สาดหมึกด้วยพู่กันขนาดใหญ่ สง่างดงามและง่ายดาย
เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเขียนแผ่นสุดท้ายเสร็จแล้ว ทันใดนั้นในมือของบ่าวรับใช้ชายที่อยู่ข้างๆก็มีมีดดาบสั้นเพิ่มออกมา และแทงไปหาหยุนถิงอย่างเร็ว แม่นยำและโหดร้าย
เมื่อสัมผัสถึงเจตนาฆ่าที่อยู่ข้างหลัง หยุนถิงก็รีบหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลงเอ้อที่อยู่ข้างๆทำสีหน้าจริงจัง และดาบในมือก็แทงมา แต่การเครื่องไหวของหยุนถิงกับหลงเอ้อนั้นกลับช้าไปมาก และพลังในร่างกายก็กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
หยุนถิงตกตะลึง ขมวดคิ้ว แม้จะพยายามหลบอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ไหล่ก็ยังคงถูกแทง เจ็บจนหยุนถิงหน้าซีดไปหมด
“ซื่อจื่อเฟย!” หลงเอ้อตะโกนอย่างดัง วิ่งเข้าไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี และตีบ่าวรับใช้ชายคนนั้นกระเด็นออกไป
ทันใดนั้น มีคนหลายสิบคนบุกเข้ามาในห้องรับรองพิเศษ ในมือของทุกคนล้วนถือดาบยาวเอาไว้ และแทงไปที่หยุนถิงอย่างดุเดือด
“ซื่อจื่อเฟยรีบหนีไป ข้าจะกั้นเอาไว้!” หลงเอ้อตะโกน ปกป้องหยุนถิงไว้ด้านหลังทันที และต่อสู้กับคนเหล่านั้นอย่างดุเดือด
เสียงการเคลื่อนไหวที่ดังทำให้ผู้คนในห้องโถงชั้นเอกตื่นตระหนกกันหมด “มีนักฆ่า รีบหนีเร็ว!”
ไม่รู้ว่าใครตะโกน แต่เดิมผู้คนที่รวบรวมอยู่ห้องโถงชั้นเอกเพื่อชมดูตัวอักษรและภาพวาดอยู่นั้นต่างก็วิ่งไปทางประตูกันหมด
ผู้จัดการร้านเห็นบนห้องโถงชั้นรองคนที่เกิดเรื่องเป็นหยุนถิง ก็ตกใจยิ่งนัก “เด็กๆ รีบปกป้องซื่อจื่อเฟย!”
คุณหนูหยุนเป็นคนที่จวินซื่อจื่อรักมากที่สุด หากนางเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่หอเหวินหยวน เช่นนั้นหอเหวินหยวนของเขาก็อย่าคิดที่จะเปิดต่ออีกแล้ว
ในขณะที่หยุนถิงหลบหนีก็รีบหยิบเข็มเงินในเส้นผมออกมาทันที และในขณะที่โจมตี ก็จุดจุดลมปราณบนร่างกายของตัวเองไปด้วย
เพียงแต่ว่าคู่ต่อสู้มีคนมากเกินไป และทุกการโจมตีนั้นทำให้ถึงแก่ชีวิต ไม่ให้โอกาสหยุนถิงต่อสู้กลับเลย สำหรับหยุนถิงที่ไม่มีกำลังภายในนั้น เสียเปรียบยิ่งนัก
นางเชี่ยวชาญด้านยาพิษ แต่คิดไม่ถึงว่ากลับถูกสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญมากที่สุดหลงกล ประมาทเกินไปแล้วจริงๆ แต่ว่าอีกฝ่ายวางยาพิษนางอย่างไร นางกลับไม่รู้สักนิดเลย
เมื่อเห็นดาบยาวของคนคนหนึ่งแทงมา หยุนถิงก็รีบหลบอย่างรวดเร็ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนข้างๆแอบโจมตี และตบนางจากด้านหลัง
“ปัง!” เสียงอันดัง หยุนถิงก็ถูกชนใส่กำแพงที่อยู่ข้างๆ
แต่เดิมก็เป็นห้องรับรองพิเศษที่แยกต่างหากอยู่แล้ว ประตูก็ไม่ได้หนามาก หยุนถิงก็ล้มลงกับประตูบานนั้น เจ็บจนนางขมวดคิ้ว
“หยุนถิง เป็นเจ้าได้อย่างไร?” เสียงที่เย็นชาและคุ้นเคยดังเข้ามา
ทันทีที่หยุนถิงเงยหน้าขึ้นก็เห็นโม่ฉือหาน เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเมื่อไปที่ห้องรับรองพิเศษของเขาก็มีกระดาษลายมือที่เขียนเรียบร้อยวางไว้บนโต๊ะ และลายมือนั้นก็ดูคุ้นเคยยิ่งนัก
นักฆ่า และโม่ฉือหาน คราวนี้ตัวเองคงตายแน่เลย หยุนถิงคิดในใจ
และเมื่อโม่ฉือหานเห็นหยุนถิงในตอนแรก ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อสายตาไปหยุดลงที่เลือดบนไหล่ของนาง สีหน้าของเขาก็เย็นชาลง
เดิมทียังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ถูกหยุนถิงจับได้ว่าตัวเองกำลังดูตัวหนังของนางอยู่ แต่โม่ฉือหานยังไม่ทันได้คิดมาก ก็เห็นชายสองคนในชุดดำกำลังถือดาบยาวแล้วแทงมาที่หยุนถิง
ในขณะนี้ โม่ฉือหานโจมตีไปด้วยโดยสัญชาตญาณ ทำให้นักฆ่าสองคนกระเด็นออกไป จากนั้นก็รีบวิ่งมาดึง หยุนถิงขึ้นมา
“เจ้าเป็นไรมาหรือไม่ เหตุใดคนเหล่านี้ถึงต้องลอบสังหารเจ้าด้วย?”
หยุนถิงยังตั้งสติไม่ได้เล็กน้อย โม่ฉือหานผู้นี้เกลียดตัวเองแทบตาย ควรรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นหรือไม่ก็ได้ทีขี่แพะไล่ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงช่วยตัวเอง
หยุนถิงยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีชายชุดดำหลายคนโจมตีมาจากด้านหลังอีก โม่ฉือหานดึงหยุนถิงไปข้างหลัง และต่อสู้กับคนเหล่านั้นในทันที
องครักษ์เหลยถิงก็รีบมาปกป้องหลีอ๋องทันที
หยุนถิงมองดูแผ่นหลังที่เย็นยะเยือกของโม่ฉือหาน ก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก คิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า วันหนึ่งเขาจะปกป้องตัวเองไว้ด้านหลัง
น้ำตาคลอ เหมือนมีของเหลวบางอย่างไหลลงมา ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
หยุนถิงรู้ว่านี่เป็นการปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของเจ้าของร่างเดิม เพราะเคยหลงใหลโม่ฉือหานมาตั้งหลายปีแล้ว
ขณะที่โม่ฉือหานพึ่งขับไล่ชายในชุดดำเสร็จ เมื่อหันกลับมาก็เห็นหยุนถิงน้ำตาไหลออกมา คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ติดอยู่ในลำคอเลย
“เจ้าเป็นอย่างไร?”