จอมนางข้ามพิภพ - บทที่388 แน่นอนว่าก็ต้องลงโทษให้เจ้าไม่สามารถลงจากเตียงได้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่388 แน่นอนว่าก็ต้องลงโทษให้เจ้าไม่สามารถลงจากเตียงได้
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา “ในฐานะเจ้าเมืองแห่งเมืองหนึ่ง แต่กลับฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาเยี่ยงนี้ ตามอำเภอใจเช่นนี้ หากวันนี้ไม่ใช่ข้ามาเจอเรื่องแบบนี้เข้าแต่เป็นคนธรรมดา เกรงว่ายามนี้คงถูกเจ้าขังทรมานในคุกแล้ว
ทหาร จับพ่อลูกนี้ขังไว้ในคุก องครักษ์ทั้งหมดก็จัดการด้วย และรีบไปแจ้งให้ฝ่าบาททรงได้ทราบถึงโทษความผิดของพ่อลูกสองคนนี้โดยเร็วที่สุด ฝ่าบาทจะเป็นผู้ตัดสินเรื่องนี้เอง ”
“ขอรับ” กลุ่มองครักษ์ลับจับคนไป
ราษฎรต่างปรบมือและโห่ร้องเสียงดัง และขอบคุณจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง
โดยเฉพาะผู้จัดการร้านของโรงเตี๊ยม ซึ่งเป็นคนแรกที่ออกมาเป็นพยาน โดยบอกเล่าการกระทำที่ชั่วร้ายของสองพ่อลูกนี้ออกมาหมด และราษฎรทั้งหมดต่างออกมาเป็นพยาน ซึ่งบอกได้ว่ากระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง
จวินหย่วนโยวและหยุนถิงถูกประชากรติดตามไปตลอดทาง และกลับไปที่โรงเตี๊ยม
“ซื่อจื่อ คืนนี้ท่านเผด็จการมาจริงๆเลย เก่งมากเลย!” หยุนถิงยกนิ้วโป้งให้เขา
เมื่อพูดถึงคืนนี้ สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็มืดครึ้มลง “ใครกันที่แกล้งทำเป็นน้องสาวของข้า แถมยังอยากขายข้าทิ้งด้วย?”
บัญชีนี้ เขายังไม่ได้คิดกับนางเลย
มุมปากของหยุนถิงกระตุก ซื่อจื่อจำความแค้นมากจริงๆเลย นางรีบกอดต้นขาของเขาเอาไว้ “ซื่อจื่อท่านเป็นผู้ที่ฉลาดและทรงพลังที่สุด หล่อและสง่างาม ข้ารักท่านมากที่สุดแล้ว จะจำใจขายท่านทิ้งได้อย่างไรกัน นั่นเป็นเพียงการล้อเล่น หากนางกล้าแย่งคนของข้าจริงๆ ไม่ต้องรอให้ท่านออกมือ ข้าจะเป็นคนแรกที่ทำให้นางไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน”
จวินหย่วนโยวชำเลืองมองหยุนถิงด้วยใบหน้าเย็นชา “ทำไมข้าฟังแล้วรู้สึกไม่อยากเชื่อเลย?”
“อิอิ ซื่อจื่อ ใจของข้าที่มีต่อท่านนั้นเหมือนดั่งพระจันทร์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า ท่านดูสิลูพระจันทร์หมุนรอบตัวท่านทุกวัน เหมือนดั่งหัวใจของข้าที่หมุนรอบท่านอยู่เสมอ ซื่อจื่อท่านต้องเชื่อข้า จริงๆนะจริงยิ่งกว่าทองแท้อีก”
“อืม ข้าเชื่อแล้ว แต่การลงโทษก็ยังต้องลงโทษอยู่”
หยุนถิงเบะปาก “ลงโทษอะไร?”
“แน่นอนว่าก็ต้องลงโทษให้เจ้าไม่สามารถลงจากเตียงได้ ดูว่าต่อไปเจ้ายังกล้าผลักข้าไปให้ผู้หญิงคนอื่นอีกหรือไม่” จวินหย่วนโยวเดินตรงมา อุ้มหยุนถิงขึ้นแล้วเดินไปที่เตียง
“ไม่นะ ซื่อจื่อ ถึงตอนนี้ขาของข้ายังปวดเมื่อยอยู่เลย” หยุนถิงร้องขอความเมตตาทันที
มุมปากของจวินหย่วนโยวยกโค้งขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจ และเดินตรงไปที่เตียง แต่เขาไม่ได้เข้าประเด็นโดยตรง แต่เปิดหน้าต่างข้างๆ
“ซื่อจื่อเปิดหน้าต่างกลางดึก——ว้าว ดาวเยอะมากเลย” หยุนถิงเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดข้างนอกพอดี กะพริบตาเหมือนเด็กที่ซน
หยุนถิงครุ่นคิด ดูเหมือนว่าไม่ได้เห็นดวงดาวมานานแล้ว
ต่อให้อยู่ในสมัยปัจจุบัน ก็มีงานวิจัยศึกษาและการงานที่หมดไม่สิ้นสักที เมื่อว่างก็เล่นมือถือ ดูวิดีโอ และดูละคร ดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีเวลาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเลย
เมื่อเห็นหมู่ดาวประดับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน หยุนถิงก็รู้สึกอบอุ่นและสวยงามมาก
“ตอนกลางคืนก่อนจะออกไปข้าก็สังเกตเห็นแล้ว ดวงดาวในวันนี้สวยงามมาก สามารถมองเห็นได้จากมุมนี้พอดี” จวินหย่วนโยวอธิบาย
“ดังนั้นซื่อจื่อท่านไม่ได้อยากกินข้าให้หมดเกลี้ยงจริงๆหรือ?” หยุนถิงพูดอย่างคาดไม่ถึง
จวินหย่วนโยวเอามือถูปลายจมูกของหยุนถิงจากด้านหลัง “ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนที่รู้เพียงแต่คิดเรื่องแบบนั้นหรือ”
หยุนถิงอยากบอกว่าใช่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของจวินหย่วนโยว ก็รีบเปลี่ยนคำพูดในทันที “แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว ในใจของข้าซื่อจื่อเป็นผู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว คนก็หล่อ ฉลาด วางแผนที่จะเผด็จศึกในแนวหลัง ภูมิหลังและฐานะของครอบครัวยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ผู้คนธรรมดาแน่นอน”
แม้ว่าจวินหย่วนโยวจะรู้ว่านังหนูนี้จงใจประจบประแจงตัวเอง แต่มันได้ผลยิ่งนัก มุมปากของเขายกสูง
“ซื่อจื่อ ดูเฉยๆแบบนี้น่าเบื่อเกินไป หากมีสุราคงดีมากเลย” หยุนถิงถอนหายใจ
จวินหย่วนโยวรีบให้หลิงเฟิงที่เฝ้าอยู่นอกประตูไปขอสุรากับผู้จัดการร้านทันที เพราะพวกเขาช่วยกำจัดพ่อลูกตระกูลจ้าวทิ้ง ผู้จัดการร้านก็นำหนี่ว์เอ๋อร์หงที่เก็บรักษาไว้สามสิบปีออกมาให้ด้วยตนเองเลย
หยุนถิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง และนั่งบนเตียงกับจวินหย่วนโยวเช่นนั้น ดูดวงดาวและพูดคุยไปด้วย ดื่มสุราไปด้วย ก็รู้สึกอบอุ่นและสบายยิ่งนัก
………….
ทางนี่ พระราชวังแคว้นเป่ยลี่
ร่างเงาสิบกว่าคนอาศัยภายใต้การปกคลุมของความมืด และการนำพาของผู้ที่ประสานอยู่ภายในพระราชวัง หลบหนีการลาดตระเวนขององครักษ์ไป ปีนเข้ามาจากกำแพงวังและตรงเข้าไปข้างใน
โม่เหลิ่งเหยียนเข้ามาอย่างง่ายดายพร้อมกับทหารของเขา ในพระราชวังมีสายสืบของแคว้นต้าเยียน คนสองกลุ่มมารับ สายลับรีบพาซวนอ๋องตรงไปยังที่ห้องบรรทมของฝ่าบาทเป่ยจิ่วฉิงทันที
แต่ทันทีที่มาถึงประตูห้องนอน ก็ได้ยินเสียงครวญครางของข้างใน ใบหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชาอยู่แล้วของโม่เหลิ่งเหยียนก็ฉายแววของความดูถูกเหยียดหยามและเย็นชาในทันที
เป่ยจิ่วฉิงซึ่งอายุเกือบห้าสิบแล้วนั้น ยังแข็งแรงมีชีวิตชีวาเช่นนี้อีก ดูเหมือนว่าต้องทำให้เรื่องมันน่าสนุกกว่านี้หน่อย
โม่เหลิ่งเหยียนทำท่าทางมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็แยกย้ายกันออกไปช่วยจับตาเฝ้าดูทันที
เขากลับเข้าไปอย่างเงียบๆ แล้วหยิบผงยาที่หยุนถิงให้เขาออกมาจากกระเป๋า และโรยมันลงบนเตียงในห้อง
ส่วนเป่ยจิ่วฉิงบนเตียงกำลังทำอย่างบ้าคลั่ง และซ่างกวนหรูที่อยู่ข้างด้านล่างก็ยิ่งถูกส่งไปถึงจุดสุดยอดครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งสองเพลินเกินไป จึงคิดไม่ถึงว่าในห้องจะมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคน
หลังจากที่โม่เหลิ่งเหยียนทำทุกสิ่งเสร็จ ก็โยนจดหมายที่เขาเขียนเสร็จไว้ล่วงหน้านั้นโยนลงบนเตียงแล้วจากไป
มาไวไปไว
ทันทีที่เขาพึ่งออกจากวังหลัวแห่งแคว้นเป่ยลี่ หลังจากนั้นไม่นานกองทัพที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนก็ได้รับสัญญาณทันที และตีกลองแล้วเข้าโจมตีพระราชวังแห่งแคว้นเป่ยลี่ในทันที
การโจมตีอย่างกะทันหันทำให้ผู้พิทักษ์รักษาทั้งหมดปกป้องชายแดนของแคว้นเป่ยลี่ตกใจกลัวกันหมด ทำเอาเหล่าทหารของแคว้นเป่ยลี่ตื่นตระหนกกันไปหมด เหล่านายพลต่างก็รีบเรียกทุกคนให้เตรียมรับการต่อสู้
ในช่วงเวลานี้ กองทหารของซวนอ๋องกำลังจ้องเขมือบ แต่ก็ไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งทำให้ทหารของแคว้นเป่ยลี่ตื่นตระหนกกันหมด จู่ๆก็เข้าโจมตีพระราชวังอย่างกะทันหันในกลางดึก ก็ยิ่งทำให้ทหารของแคว้นเป่ยลี่หวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะได้ทำการป้องกันเอาไว้แล้ว แต่ซวนอ๋องเป็นเทพแห่งสงครามที่ทั้งสี่แคว้นหวาดกลัวกัน โจมตีแล้วไม่มีที่ใดที่ไม่สามารถยืดเอามาได้ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน เพียงแค่ชื่อเสียงนี้ก็ทำให้ทุกคนกลัวไปทั่วแล้ว
ภายใต้คืนอันมืดมิด ผู้ใต้บังคับบัญชาของซวนอ๋องพักผ่อนในจุดนั้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา กองทัพขนหงส์ส่งปลาและเนื้อมาทุกวัน ทุกคนกินและดื่มและได้พักผ่อนเป็นอย่างดี แน่นอนว่าขวัญและกำลังใจของเหล่าทหารต่างก็เพิ่มมากขึ้น และได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี และเลือกแอบลอบโจมตีกลางดึกในสายหมอกเช่นนี้
เสียงฆ้องและกลองดังสั่งสะเทือนทั่วฟ้า ทหารโห่ร้องกันอย่างดัง ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศความตึงเครียด
ผู้คนในเมืองมองเห็นไม่ชัดเจนเพราะมีหมอกหนาทึบบังเอาไว้ แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงตะโกนและเสียงฆ้องและกลองเหล่านั้น ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาเต็มที่เพียงใด นักธนูก็ยิงออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ลูกธนูทั่วท้องฟ้าพุ่งเข้าหากองทัพที่แอบมาโจมตีนั้น ไม่นานอีกฝ่ายก็เงียบไป
ผู้คนในเมืองจึงค่อยแอบโล่งอกเล็กน้อย สันนิษฐานว่าอีกฝ่ายคงบาดเจ็บสาหัส
โม่เหลิ่งเหยียนพาทหารตรงกลับมาที่ขบวน รองแม่ทัพก็เข้ามารายงานทันที “ซวนอ๋อง คู่ต่อสู้ถูกแผนกลยุทธ์ของพวกข้าหลอกแล้วจริง คนฟางทั้งหมดที่พวกข้าทำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ล้วนถูกโจมตีกันหมด ทุกคนขนกลัวมาหมดแล้ว”
“ไม่เลว ให้ทุกคนถอยกลับมา คืนนี้กลับไปพักผ่อนก่อน” โม่เหลิ่งเหยียนนสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนถอยออกไปทันที
โม่เหลิ่งเหยียนกลับไปที่ค่าย มองดูลูกธนูหลายเกวียนนั้น ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก นี่คือยุทธการที่เขากับหยุนถิงปรึกษากันในก่อนหน้านี้ ได้ยินเรื่องที่หยุนถิงพูดถึง การยืมลูกธนูจากเรือฟาง ทันใดนั้นก็คิดวิธีนี้ได้ในทันที ใช้ได้ผลดีจริงๆด้วย
นางเป็นอัจฉริยะจริงๆด้วย ไม่รู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ในขณะนี้