จอมนางข้ามพิภพ - บทที่419 กระหม่อมตอบตกลงเรื่องการแต่งงานนี้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่419 กระหม่อมตอบตกลงเรื่องการแต่งงานนี้
หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าพูดได้ด้วยหรือ?”
“ข้า—-เมื่อก่อน—-พูด—-ได้หน่อย—-แต่ต่อมา——” เด็กชายตอบ
“เอาล่ะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเจ้าติดตามข้า!” หยุนถิงกล่าว
เด็กชายดีใจยิ่งนัก และตื่นเต้นมาก กราบขอบคุณอย่างแรง สักพักหน้าผากก็แดงไปเลย
“หยุดกราบได้แล้ว ที่ข้าไม่มีเรื่องมากมายอะไรเหล่านั้น แต่มีสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือความภักดี เจ้าต้องทำได้” หยุนถิงกล่าว
เด็กชายพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ดีใจยิ่งนก
“ในเมื่อได้เริ่มใช้ชีวิตใหม่และติดตามข้าแล้ว ต่อไปเจ้าก็ชื่อว่าม่อเซิงเถอะ”
“ม่อเซิง—–อืม”
หยุนถิงให้หลิงเฟิงนำอาหารมาให้ม่อเซิงเป็นจำนวนมาก อาจเป็นเพราะหิวโหยจนเกินไป ม่อเซิงก็ยัดเข้าปากในทันที ท่าทางนั้นทำเอาองครักษ์เงามังกรอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
“กินช้าๆ ไม่มีใครมาแย้งเจ้า เจ้าติดตามฮูหยินของพวกข้าต่อไปของอร่อยๆยังมีอีกเยอะ ดื่มน้ำหน่อย” หลงเอ้อใจดีและยื่นชามน้ำไปให้
ม่อเซิงรับมันมาและดื่ม “อะ——อร่อย——”
คำสองคำทำเอาหยุนถิงที่ได้ฟังปวดใจยิ่งนัก แค่น้ำหนึ่งชาม เขากลับบอกว่ามันอร่อย ซึ่งให้ได้ชัดว่าหญิงชราทารุณกรรมเขาอย่างไร
จวินหย่วนโยวเอื้อมมือไปจับมือของหยุนถิง “เจ้าควรดีใจแทนเขา เพราะเจ้าได้ให้ชีวิตใหม่แก่เขา”
“ซื่อจื่อพูดถูก ข้าควรดีใจ”
หลังจากที่ม่อเซิงกินอิ่มแล้ว ทุกคนก็เริ่มเดินทางต่อ
ก่อนจากไป ม่อเซิงชำเลืองมองดูหญิงชราที่สลบอยู่ในลาน โดยไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนหลุดพ้น เขาตามไปโดยไม่หันกลับมามอง
ในที่สุดเขาก็ออกจากลานนี้สักที และจากหญิงชราที่ทารุณกรรมเขาคนนี้ไป
จากนี้ไป เขาคือม่อเซิง
…………….
แคว้นต้าเยียน
หลังจากที่จ้าวเคอจากไป ฉินจิ้งอี๋ก็อารมณ์ดีมาก และรีบบอกให้สาวรับใช้ไปเอาอาหารมา นางต้องดูแลร่างกายให้ดี และรอข่าวดีจากจ้าวเคอ
หลังจากที่ฉินหรงเซินกลับไป ก็รู้สึกอึดอัดใจมาก กระต่ายหมายจันทร์ ฝันกลางวันอยู่ชัดๆ
เมื่อได้ยินพ่อบ้านบอกว่าคุณหนูใหญ่ทานอาหารแล้ว สีหน้าของฉินหรงเซินก็ยิ่งมืดครึ้มลงไปกว่าเดิม และตรงไปที่หลังลาน
“ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร?” ฉินจิ้งอี๋ถาม
ฉินหรงเซินมองดูลูกสาวของตัวเองด้วยสีหน้าที่มืดครึ้ม “เจ้ามีความสามารถแล้วสินะ กล้ากำหนดเรื่องแต่งงานกับจ้าวเคอด้วยตนเอง แถมยังไปขอฝ่าบาท ทำไมข้าถึงได้มีลูกที่ไร้ยางอายเช่นเจ้า! ”
ฉินจิ้งอี๋เดาออกแล้วว่าจะเป็นแบบนี้ นางลุกขึ้นยืน คุกเข่าลงบนพื้น “ท่านพ่อ ลูกและจ้าวเคอต่างก็รักกัน ขอท่านพ่อให้พวกข้าได้สมหวังด้วยเถอะ!”
ฉินหรงเซินโกรธยิ่งกว่าเดิม “เจ้าโง่หรือ ข้าเลี้ยงดูเจ้าตั้งแต่เด็ก ทุ่มเทและเสียสติปัญญา กำลังไปมากเท่าไหร่ แต่เจ้ากลับไปตกหลุมรักบัณฑิตที่ยากจนคนหนึ่ง?”
“เขายากจนจริง แต่เขาก็มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ตอนนี้จ้าวเคอสอบได้จอหงวน ฝ่าบาทก็ทรงตั้งให้เขาเป็นนายสนองแล้ว แม้ว่าตำแหน่งของเขาจะไม่สูงนัก แต่ในอนาคตก็ยังมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอยู่
ท่านพ่อ ข้าชอบเขา เป็นเพราะเขาคนคนนี้ ข้าไม่สนใจตำแหน่งหรือฐานะใดๆของเขา เขาสัญญากับข้าว่าในชีวิตนี้จะมีเพียงข้าผู้เดียว และจะไม่แต่งเมียน้อยอีก
แม้ว่าท่านพ่อจะอยู่ในตำแหน่งนายสนอง แต่ก็มีเมียน้อยที่นับไม่ถ้วนไม่ใช่หรือ แม้แต่แม้ข้าป่วยหนักท่านก็ไม่เคยเหลียว ข้าไม่อยากเหมือนท่านแม่ที่ต้องกลายเป็นหญิงขี้บ่นคนหนึ่ง ” ฉินจิ้งอี๋พูดอย่างเหตุผลถูกต้องและวาทะเต็มไปด้วยสัจธรรม
ฉินหรงเซินโกรธจัด “ไอ้สารเลว หลายปีมานี้เจ้ายังโกรธแค้นพ่ออีกหรือ?”
“ข้าไม่ได้แค้น ข้าแค่ไม่อยากมีจุดจบเหมือนท่านแม่”
“ทำเป็นพูดดี เจ้าสามารถรับประกันได้หรือว่าในอนาคตเขาจะมีใจให้เจ้าเพียงผู้เดียว เขาเพิ่งเป็นข้าราชการ หากต่อไปเข้ามาในที่ราชการนี้แล้ว ไม่แน่ยังเทียบข้าไม่ได้เลย” ฉินหรงเซินตะคอกอย่างเย็นชา
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะหย่าร้างกับเขา!”
“นังหนูบ้าเอ็ยยังคิดจะหย่าร้างอีก เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นหยุนถิงหรือ”
แม้ว่าตอนนั้นเรื่องที่หยุนถิงและหลีอ๋องหย่าร้างกันนั้นจะเกิดความครึกโครมทั่วทั้งเมืองหลวง ในตอนนั้นฉินหรงเซินเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่าอาบอาย แต่ตอนนี้หยุนถิงและจวินซื่อจื่อรักกันยิ่งนัก ก็ทำให้ทุกคนตบหน้าในทันที ตอนนี้หยุนถิงเป็นแบบอย่างในใจของสตรีในต้าเยียนและแม้กระทั่งสี่แคว้น เหล่าสตรีต่างก็เรียกแบบในทันที
ฉินจิ้งอี๋ลุกขึ้นจากพื้น หันไปหยิบกล่องหนึ่งใบออกมาจากตู้ “นี่คือเทศกาลเก็บเกี่ยวของจวนซื่อจื่อในเขตชานเมืองของเมืองหลวง สิทธิ์ที่ในการบริหารรถเข็นเล็กของตระกูลฉิน
นี่คือของขวัญที่คุณหนูหยุนมอบให้ข้า เดิมทีข้าคิดว่าจะเก็บเงินสินสอดเอง แต่ตอนนี้ก็ถือเป็นของขวัญหมั้นที่จ้าวเคอมอบให้ท่านพ่อเถอะ เทศกาลเก็บเกี่ยวมีทุกปี ดังนั้นกำไรจึงมีทุกปี หวังว่าท่านพ่อจะทำให้ลูกได้สมหวัง”
ฉินหรงเซินรีบรับมาอย่างรวดเร็ว มองดูหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรด้านบน และตั๋วเงินด้านใน คนทั้งคนก็ตัวแข็งทื่อไปหมด “นี่ นี่มันเป็นเรื่องเมื่อไหร่กัน เหตุใดข้าถึงไม่รู้ เหตุใดหยุนถิงถึงช่วยเจ้า แถมยังมีตั๋วเงินเยอะขนาดนี้ด้วย?
“จ้าวเคอได้รับการเสนอแนะจากคุณหนูหยุน นางให้องค์ชายสี่และซวนอ๋องเป็นผู้ค้ำประกัน ดังนั้นจึงค่อยทำให้ฝ่าบาทอนุญาตให้จ้าวเคอเข้าร่วมการสอบชิงตำแหน่งขุนนางระดับสูงสุดในสนามสอบพระราชวังได้โดยตรง ตอนพิธีเข้าบ้านใหม่ของจ้าวเคอ คุณหนูหยุนได้เชิญข้า องค์ชายสี่ ซวนอ๋อง ซูชิงโยว โม่หลานไป โดยบอกว่านี่คือของขวัญตอบแทนที่ขอบคุณพวกข้าไป” ฉินจิ้งอี๋อธิบาย
ฉินหรงเซินตกตะลึง “เจ้าให้ข้าตั้งสติก่อน”
พ่อบ้านเข้ามาอย่างกระวนกระวายจากข้างนอก “นายท่าน จวินซื่อจื่อและคุณหนูหยุนขอพบ!”
ฉินหรงเซินตัวสั่นด้วยความตกใจ “พวกเขามาได้อย่างไร รีบไปเตรียมน้ำชา ต้องใช้ชาที่ดีที่สุด!”
“ขอรับ!”
ในห้องโถง
จวินหย่วนโยวและหยุนถิงที่ปลอมตัวเข้ามานั่งลง ฉินหรงเซินเข้ามาและทำความเคารพอย่างเร็ว “กระหม่อมคำนับซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย”
“ฉินซ่างซูเกรงใจเกินไปแล้ว ครั้งนี้ข้ากับซื่อจื่อมาก็เพื่อสู่ขอแทนจ้าวเคอ แต่งคุณหนูใหญ่ตระกูลฉิน ฉินจิ้งอี๋เข้า สินสอดทั้งหมดล้วนออกโดยจวนซื่อจื่อ หวังว่าฉินซ่างซูจะตอบตกลง” หยุนถิงอธิบาย
“จ้าวเคอเป็นคนที่ซื่อจื่อเฟยเสนอแนะมา ข้าเองก็ย่อมต้องอุ้มชูอยู่แล้ว!” เสียงที่เย็นชาและเข้มงวดของจวินหย่วนโยวดังขึ้น
ฉินหรงเซินตกใจกลัวจนกลืนน้ำลาย สองท่านนี้มาสู่ขอด้วยตนเอง เขาจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร เขาจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร
“ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยมาสู่ขอด้วยตัวเอง เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับกระหม่อม กระหม่อมตอบตกลงเรื่องการงานแต่งนี้!” ฉินซ่างซูตอบ
“เช่นนี้ก็ดีเยี่ยงนัก!” จวินหย่วนโยวตะคอกอย่างเย็นชา
“ฉินซ่างซู ต่อไปพวกข้าก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” หยุนถิงพูดอย่างมีความหมายแฝง
ฉินหรงเซินรีบทำความเคารพ “ซื่อจื่อเฟยพูดถูก”
จวินหย่วนโยวและหยุนถิงได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ทั้งสองก็จากไป
จากนั้นฉินหรงเซินจึงค่อยรู้สึกโล่งใจลง และเช็ดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก
“นายท่าน ท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ตอบตกลง?”
“จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยมาสู่ขอด้วยตนเองแล้ว หากข้าไม่ตกลง เกรงว่าทั้งตระกูลฉินคงแย่แน่ อีกอย่างในราชสำนักมีคนมากมายที่อยากมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับจวินซื่อจื่อ แต่ก็ลำบากที่ไม่มีเส้นสาย ตอนนี้ข้าตอบตกลงแล้ว ก็ตีสนิทกับจวนซื่อจื่อได้พอดี มีจวนซื่อจื่อและจวนตระกูลหยุนแล้ว ตระกูลฉินยังต้องกังวลว่าในอนาคตไม่ดีหรือ” ฉินหรงเซินอธิบาย
พ่อบ้านเลื่อมใสอย่างยิ่ง “นายท่านฉลาดยิ่งนัก!”
ทางนี่ จวินหย่วนโยวและหยุนถิงออกจากจวนตระกูลฉิน ขึ้นรถม้า ก็ส่งคนไปแจ้งจ้าวเคอว่าให้เตรียมแต่ง
“ซื่อจื่อเฟยเก่งมาเลยจริงๆ ขั้นนี้ก็คาดการณ์ได้ เก่งยิ่งนัก!” หยุนถิงที่ปลอมตัวพูดชมเชย