จอมนางข้ามพิภพ - บทที่445 ระวังมีการดักซุ่ม
จอมนางข้ามพิภพ บทที่445 ระวังมีการดักซุ่ม
ทางนี่ โม่หลานพาคนไปดักซุ่มในป่ากลางดึก “หยุนเสี่ยวลิ่ว เจ้าแน่ใจหรือว่ากองทัพของแคว้นเทียนจิ่วจะผ่านป่าแห่งนี้?”
“นี่เป็นทางที่พวกเขาจะต้องผ่านอยู่แล้ว สักครู่ข้ากับเสี่ยวอันจื่อจะเรียกนกอินทรีทองและงูเหลือมมาโจมตี พวกเจ้ารอดูละครก็พอ” หยุนเสี่ยวลิ่วตอบ
“ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงได้เสนอให้แอบจู่โจมแคว้นเทียนจิ่ว อยู่เฉยๆไม่ดีหรือ?” โม่หลานถามอย่างงุนงง
กลางวันสายสืบของแคว้นต้าเยียนมามารายงานว่า กองทัพของแคว้นเทียนจิ่วมาถึงชายแดนของแคว้นเป่ยลี่แล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงร้อยไมล์ จากนั้นหยุนเสี่ยวลิ่วก็เกลี้ยกล่อมให้โม่หลานมาแอบจู่โจม
“พี่โม่หลานเจ้าโง่หรือ หลีอ๋องถูกจับพวกข้ากลับมาอย่างปลอดภัย แต่หลังกลับไปที่แคว้นต้าเยียนฝ่าบาทคงต้องซักไซ้เอาความพวกข้าอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกข้าจึงต้องแอบจู่โจมแคว้นเทียนจิ่ว
หากจับองค์หญิงหรือองค์ชายได้ก็จะดีที่สุด พวกข้าก็มีสิ่งที่จะเอามาต่อรองกับแคว้นเทียนจิ่วแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นแบ่งเมือง จ่ายค่าชดเชย ทำความดีชดเชยความผิด ฝ่าบาทก็จะไม่ลงโทษพวกข้าแล้ว” หยุนเสี่ยวลิ่วอธิบาย
เมื่อวันก่อนหยุนเสี่ยวลิ่วเพิ่งได้รับจดหมายลับจากพี่ใหญ่ ให้เขาอยู่ที่แคว้นเทียนจิ่ว หากพบเจอเข้าไม่ต้องเกรงใจ ตีแรงๆเลย เพราะองค์หญิงใหญ่ของแคว้นเทียนจิ่วก็คือผู้ที่ฆ่าพี่เขยและพ่อแม่ของซื่อจื่อ
ดังนั้นเมื่อหยุนเสี่ยวลิ่วได้ยินสายสืบบอกว่าผู้นำของแคว้นเทียนจิ่วในครั้งนี้คือเซียจิ่วเซียว และเขาก็เป็นลูกชายขององค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วพอดี แถมยังเป็นลูกชายเพียงคนเดียว หยุนเสี่ยวลิ่วจะพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ปกติซื่อจื่อพี่เขยก็ปฏิบัติกับเขาดีอยู่ เวลาแบบนี้หยุนเสี่ยวลิ่วเองก็ต้องออกมืออยู่แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฉลาดขนาดนี้ เดิมทีข้ายังกังวลว่าหลังกลับไปที่ต้าเยียนจะอธิบายกับฝ่าบาทอย่างไร แม้แต่วิธีเอาตัวรอดเจ้าก็คิดไว้แล้ว สมกับเป็นน้องชายของหยุนถิงจริงๆเลย” โม่หลานพูดชมเชย
มีเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากทางไม่ไกลนั้น ฝีเท้าเป็นระเบียบและทรงพลัง และมีคนนับพันคน
“แม่ทัพที่นี่อยู่ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่หลายสิบไมล์ หากพวกข้าเดินทางทั้งคืนหลังเที่ยงคืนก็คงถึงแล้ว!” ทหารคนหนึ่งตอบ
“หลังเที่ยงคืนเป็นเวลาที่ผู้คนเหนื่อยล้าพอดี พวกข้ายึดเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่เอาไว้ในทีเดียว!” เซียจิ่วเซียวสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“แม่ทัพด้านหน้าเป็นป่า ระวังมีการดักซุ่ม!” รองนายพลเตือน
เซียจิ่วเซียวชำเลืองมองที่ป่าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ป่านั้นดำสนิท และเต็มไปด้วยหมอกหนา แต่นั่นเป็นทางที่ต้องผ่านอยู่แล้ว หากเดินอ้อมจากหุบเขาข้างๆ ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร
“ทุกคนเข้าไปในป่าต้องระวังตัวให้ดี พวกข้าต้องใช้วิธีการที่รวดเร็วฉับไว!” เซียจิ่วเซียวสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารทั้งหมดรีบตามเขาไปทันที
จนกระทั่งพวกเขาเข้าไปทั้งหมด หยุนเสี่ยวลิ่วที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในก็เป่าขลุ่ยทันที
ในป่าอันทึบ จู่ๆก็มีเสียงขลุ่ยดังขึ้น ซึ่งแปลกและกะทันหันยิ่งนัก
สีหน้าของเซียจิ่วเซียวเย็นลงทันที “ทุกคน ระวังมีการดักซุ่ม!”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง รอบๆก็มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น เหล่าทหารต่างก็ตกใจกลัวกันหมด
“งู มันคืองู เอาคบไฟมา มีงู!” มีคนตะโกน
จากนั้นก็คือเสียงกรีดร้องของผู้คน และเสียงอาวุธกระทบกัน เสียงร้องห่มร้องไห้เหมือนผีสาง หมาป่า ทั้งป่าตกอยู่ในความโกลาหลไปหมด
เซียจิ่วเซียวสายตาเฉียบคม และรีบชักดาบออกมาทันที “ทุกคนรีบถอย เร็วเข้า!”
เหล่าทหารรีบหันหลังถอยออกไปทันที แต่ทันทีที่พวกเขาออกมาจากป่า ก็มีนกอินทรีทองจำนวนมากโจมตีพวกเขา ในป่ามีงูพิษ แถมยังมีกับดักที่เตรียมเอาไว้นานแล้ว สาหัสเยอะยิ่งนัก ส่วนนอกป่าก็มีนกอินทรีทอง ตายทั้งเป็นชัดๆเลย และไม่มีทางหนี
เซียจิ่วเซียวโบกดาบยาวในมืออย่างสุดกำลัง และถูกรองนายพลและคนสนิทที่ไว้เนื้อเชื่อใจหลายคนคุ้มกันจนหนีออกไป
“แม่ทัพทางนี้!” ทหารคนหนึ่งพูด
ป่าไม้ในขณะนี้มีเสียงร้องห่มร้องไห้เหมือนผีสาง หมาป่า เซียจิ่วเซียวมัวแต่หนีเอาชีวิตรอด และไม่ได้ฟังเสียงของเหล่าทหารนั้นดีๆ และรีบพาผู้คนถอยไปด้านข้าง
เพียงแต่ว่าพวกเขายังไปไม่ไกล ก็ถูกกับดักไปหลายครั้งแล้ว เซียจิ่วเซียวก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ปกติ หันหลังและกำลังจะไปหาทหารคนนั้น แต่ก็พบว่าเขาหายไปแล้ว
“บ้าเอ๊ย ทุกคนระวังกับดัก แล้วรีบถอยกลับไปทางเดิม!” เซียจิ่วเซียวคำรามและพุ่งไปข้างหน้า
นายพลและคนสนิทที่ไว้เนื้อเชื่อใจของเขานั้นเสียชีวิตไปในทีละคน และสุดท้ายก็เหลือเพียงเขา
งูพิษตัวหนึ่งแอบโจมตีเซียจิ่วเซียวจากด้านหลัง และกัดโดนตูดของเขาพอดี เซียจิ่วเซียวเจ็บยิ่งนัก หันหลังและสับงูตัวนั้นออกเป็นสองส่วน
เขาเพียงรู้สึกเวียนหัว ยืนนิ่งไม่ได้ และไปพยุงต้นไม้ใหญ่ข้างๆ ไว้พอดี
ให้ตายเถอะ ใครกันแน่ที่แอบดักซุ่มโหดเหี้ยมเช่นนี้
“แม่ทัพ ท่านบาดเจ็บได้อย่างไร ข้าพยุงท่านจากไป!” ทหารอีกคนพูด
จากบทเรียนที่ได้รับในเมื่อครู่ เซียจิ่วเซียวเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น แต่เขายังไม่ทันได้มองชัดเจน โม่หลานที่สวมเสื้อของทหารแคว้นเทียนจิ่วก็ได้โรยผงลงมา และเซียจิ่วเซียวก็เป็นลมไปในทันที
โม่หลานพยุงคนไว้ในทันที “ยังไม่รีบมาช่วยอีก!”
เสี่ยวอันจื่อและหยุนเสี่ยวลิ่วที่ทำโจมตีอย่างกองโจรอยู่นั้นก็รีบมาในทันที ทั้งสามยกเซียจิ่วเซียวขึ้นแล้วจากไป
ในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ผู้คนทั้งหมดที่เซียจิ่วเซียวพามา ก็ตายอยู่ในป่าแห่งนี้ทั้งหมด ไม่มีใครรอดชีวิต
โม่หลานและเหล่าทหารดีใจและตื่นเต้นมาก “นึกไม่ถึงเลยว่า พวกเขาคนเพียงหลายสิบคนนี้จะกวาดล้างกองทัพพันกว่าคนนี้ทิ้งได้ สุดยอดยิ่งนัก!” ทหารคนหนึ่งกล่าว
“นั่นคือคุณงามความดีของเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อ ดีที่พวกเขามีความสามารถนี้”
“เอาล่ะ ทุกคนรีบถอยกัน ค่อยกลับไปฉลองกันดีๆ!” โม่หลานสั่ง
ทุกคนจากไปภายใต้ความมืดมิด
ระหว่างทาง หยุนเสี่ยวลิ่วป้อนยาพิษหลายชนิดให้กับเซียจิ่วเซียวที่หมดสติในขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกต มันเป็นยาพิษร้ายแรงที่หยุนถิงทำขึ้นมาเอง ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ตายทั้งเป็น
เมื่อโม่หลานและคนอื่นๆ กลับไปที่ค่ายทหาร หยุนเสี่ยวลิ่วก็เขียนจดหมายถึงพี่ใหญ่ทันที จากนั้นก็ให้องครักษ์ลับที่ปกป้องเขาส่งจดหมายไปให้หยุนถิง
………………
จวนซื่อจื่อ
หลังฮูหยินหานกั๋วตื่นมาก็เป็นวันที่สองแล้ว ลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ แล้วลุกขึ้นนั่งทันที “ข้าตายแล้วหรือ?”
“ฮูหยิน ท่านยังไม่ตาย ตอนนี้พวกข้าอยู่ในห้องรับแขกของจวนซื่อจื่อ!” มามาตอบ
มามาในขณะนี้ หน้าฟกช้ำและบวมเหมือนหัวหมู ซึ่งทำให้ฮูหยินหานกั๋วตกใจ
“ทำไมหน้าเจ้าถึงเป็นแบบนี้?”
มามาคุกเข่าลงกับพื้น “ฮูหยิน ท่านต้องตัดสินแทนบ่าวนะเจ้าคะ ซื่อจื่อเฟยเป็นคนให้คนสั่งสอนบ่าวเอง นางกำลังตบหน้าท่านชัดๆ!”
ฮูหยินหานกั๋วนึกถึงฉากที่ตัวเองเกือบจมน้ำตาย สีหน้าก็ซีดลงในทันที ตอนนี้ก็ยังนึกกลัวในภายหลังเลย “เร็ว รีบให้คนไปเก็บข้าวของเร็วข้าว พวกข้าออกไปจากที่นี่”
“ฮูหยิน ท่านไม่พบซื่อจื่อแล้วหรือ?”
“ยังจะพบอะไรกันอีกละ เกรงว่ายังไม่ทันได้พบจวินหย่วนโยว ชีวิตนี้ของข้าก็คงถูกหยุนถิงทรมานจนตายไปก่อนแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นหญิงโหดร้าย ข้าจะไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกข้าบากหน้าไปขออาศัยฉินเฟยก่อน” ฮูหยินหานกั๋วพูดอย่างเคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง
นางเกือบถูกหยุนถิงฆ่าตาย แค้นนี้นางจะต้องชำระอย่างแน่นอน
“เจ้าคะ” มามาและบ่าวรับใช้ชายต่างก็รีบเก็บข้าวของทันที และไม่มีใครกล้าไปบอกหยุนถิงเลย กลัวว่านางจะไม่ปล่อยให้พวกเขาไป
ส่วนหยุนถิงที่ตักแดดอยู่ในลาน เมื่อได้ยินองครักษ์มารายงาน โดยบอกว่าฮูหยินหานกั๋วและคนอื่นๆ ได้ออกจากจวนซื่อจื่อไปแล้ว มุมปากก็โค้งขึ้น
มีความกล้าเพียงแค่นี้ยังกล้ามาโอ้อวดตรงหน้านางอีก หาเหาใส่หัวชัดๆ