จอมนางข้ามพิภพ - บทที่612 ที่แท้จดหมายพวกนั้นเจ้าเป็นคนเลียนแบบเอง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่612 ที่แท้จดหมายพวกนั้นเจ้าเป็นคนเลียนแบบเอง
“แน่นอน ขอแค่ท่านยอมละทิ้งฐานะองค์หญิงนี้ของท่าน” รั่วจิ่งตอบ
องค์หญิงซินฉิงจับมือของรั่วจิ่งด้วยความตื่นเต้น”ข้ายอม เจ้าได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
รั่วจิ่งมองดูมือที่จับตัวเองไว้แน่นๆนั้น หูแดงเล็กน้อย”ท่านไว้ใจ ข้าจะช่วยท่านอย่างแน่นอน ข้าจะไปขอซื่อจื่อเฟยเดี๋ยวนี้เลย นางมีแผนการเยอะ ต้องมีวิธีแน่”
“อืม ขอบคุณ!”
รั่วจิ่งไปหาหยุนถิงทันที และบอกเรื่องทั้งหมดกับนาง”ซื่อจื่อเฟย ท่านได้โปรดช่วยองค์หญิงซินฉิงคิดหาวิธีด้วย”
หยุนถิงเลิกคิ้วและมองมา”เจ้าใส่ใจเรื่องขององค์หญิงซินฉิงเช่นนี้ หรือว่าเจ้าชอบนาง?”
“ซื่อจื่อเฟยอย่าล้อข้าเล่นเลย ข้าเป็นเพียงองครักษ์คนหนึ่งจะคู่ควรกับนางองค์หญิงท่านนี้ได้อย่างไร ข้าแค่รู้สึกสงสารนาง อยากช่วยนาง” รั่วจิ่งอธิบายทันที
หยุนถิงเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ ก็ไม่พูดอะไรมาก บางทีหมอนี้เองก็อาจไม่รู้ใจของตัวเองด้วยก็ได้
“มีอยู่วิธีหนึ่ง แต่ต้องดูว่าองค์หญิงซินฉิงจะยินยอมหรือไม่!” หยุนถิงพูดวิธีนั้นออกมา
รั่วจิ่งดีใจ”ขอบคุณซื่อจื่อเฟย ข้าจะไปบอกองค์หญิงซินฉิงเดี๋ยวนี้เลย” พูดอย่างนั้น ก็วิ่งออกไปทันที
ในวันเดียวกัน องค์หญิงซินฉิงก็ได้ให้สาวรับใช้เก็บข้าวของแล้วกลับวังไป คนในวังพบว่าหน้าขององค์หญิงซินฉิงหายดีแล้ว ฝ่าบาททรงดีใจยิ่งนัก ให้รางวัลหยุนถิงไปต่างมากมาย
ในวังมีหมอหลวงเยอะขนาดนั้นก็ไม่มีใครมีวิธีรักษาแม้แต่สักคน แต่หยุนถิงกลับรักษาใบหน้าของซินฉิงให้หายดีขึ้นได้ เก่งยิ่งนัก
นางสนมและองค์หญิงคนอื่น ๆ ในวังได้ยินว่าหน้าขององค์หญิงซินฉิงหายดีแล้ว ต่างก็ไปแสดงความยินดีกับนาง
แน่นอนว่าฉินเฟยเองก็ได้ยินข่าวนี้แล้วเหมือนกัน และเขียนตัวหนังสือขีดสุดท้ายบนกระดาษซวนจื่อเสร็จแล้วจึงค่อยเอาพู่กันเก็บ
“เหนียงเหนียง หลิ่วเฟยถูกคุมขังในคุกไว้ และถูกยกเลิกตำแหน่งนางสนมแล้ว เหตุใดท่านยังต้องเรียนแบบตัวหนังสือของนางอีก?” สาวรับใช้คนสนิทถามด้วยความสับสน
ฉินเฟยมองดูลายมือบนกระดาษซวนจื่อ ยิ้มมุมปาก”ใช่ นางล้มลงแล้ว ตระกูลหลิ่วก็จบลงแล้ว ทำไมข้ายังต้องเลียนแบบลายมือของนางด้วย บางทีอาจเป็นเพราะเคยชินกับมันแล้วสินะ”
“เหนียงเหนียงเลียนแบบมาหลายปีแล้ว ในที่สุดก็เอาชนะหลิ่วเฟยได้สักที ขอแสดงความยินดีกับเหนียงเหนียง!” สาวรับใช้พูดด้วยความเคารพ
“ใช่ ในที่สุดข้าก็ได้สมความปรารถนาสักที! เอาตัวอักษรของข้าไว้แล้วไปที่คุกใต้ดิน ข้าจะให้นางได้ตายอย่างเข้าใจ!” ฉินเฟยเย้ยหยัน
“เพคะ!”
ที่มุมหนึ่งของคุกใต้ดิน หลิ่วเฟยกำลังนั่งอยู่บนวัชพืชอย่างเฉยเมย ปราศจากเสื้อผ้าที่หรูหราและความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีเหมือนปกติ นั่งเหม่อลอย ดูน่าสงสารยิ่งนัก
“พี่หลิ่วเฟย น้องมาเยี่ยมเจ้าแล้ว” ฉินเฟยแสร้งทำเป็นเป็นห่วง
หลิ่วเฟยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง”แสร้งทำเป็นเมตตาสงสาร หากเจ้ามาเพื่อดูเรื่องตลกของข้า งั้นก็หัวเราะให้เต็มที่เถอะ!”
“ฮ่าฮ่า เห็นเจ้าตกต่ำเช่นนี้ น้องดีใจยิ่งนัก ขอบคุณที่พี่ยอมสละตำแหน่งนางสนมให้ เช่นนี้คู่ต่อสู้ของน้องก็น้อยลงหนึ่งคนแล้ว วันนี้น้องมาก็เพื่อมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า” ขณะพูดฉินเฟยก็ให้สาวรับใช้เอาม้วนรูปออกมา
หลิ่วเฟยเหลียวกลับมามองนาง”ข้าไม่ต้องการ เอาของของเจ้าแล้วออกไปซะ อย่ามารบกวนข้า!”
“พี่ไม่อยากรู้หรือว่าใครเลียนแบบลายมือของเจ้า?” ฉินเฟยพูดอย่างเฉยชา
หลิ่วเฟยตัวแข็งทื่อ มองดูรูปตัวหนังสือที่อยู่ในมือของนาง รีบวิ่งมาแล้วแย่งไป เมื่อเปิดออกแล้วเห็นลายมือด้านในนั้น หลิ่วเฟยก็ตกตะลึงไปหมด
“เป็นเจ้า จดหมายพวกนั้นเจ้าเป็นคนเลียนแบบลายมือของข้านั่นเอง เจ้าเป็นคนใส่ร้ายข้า ทำไม?” หลิ่วเฟยจ้องมองด้วยความโกรธ
“ทำไม ก็ต้องถามตัวเจ้าเองสิ เมื่อก่อน ข้ากับคุณชายจ้าวต่างก็รักกัน พวกข้ากำหนดเรื่องแต่งงานด้วยตนเอง แต่เจ้ากลับจงใจนำภาพวาดของข้าไปถวายให้กับฝ่าบาท
ทำให้ข้าถูกบังคับให้เข้าวัง และไม่สามารถอยู่กับคุณชายจ้าวได้ ต่อมาคุณชายจ้าวเสียชีวิตด้วยอาการซึมเศร้า และความแค้นนี้ ข้าก็จดจำไว้ไปตลอดชีวิต
ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ข้าเข้าวัง ข้าจึงพยายามปีนสูงขึ้นเรื่อยๆ แย่งชิงอำนาจและตำแหน่ง และเลียนแบบลายมือของเจ้ามาโดยตลอด ก็เพื่อวันหนึ่งจะได้แก้แค้น และตอนนี้ข้าทำได้แล้ว! ฉินเฟยทำเสียงเชอะ
หลิ่วเฟยจึงค่อยจำได้ว่า ตอนนั้นนางชื่นชอบหยุนไห่เทียน ไม่อยากไปนอนกับฝ่าบาทไม่มีทางเลือกอื่นนอกจึงนำรูปของฉินเฟยไปถวายแด่ฝ่าบาท โชคดีที่ดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้ และไม่ได้นอนกับตัวเองต่อ
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง เจ้าไม่กลัวข้าจะเอาตัวอักษรนี้ไปให้ฝ่าบาทแล้วให้เขาลงโทษเจ้า?” หลิ่วเฟยถามกลับ
ฉินเฟยกลับทำหน้าไม่แยแส”ตอนนี้แม้แต่ฝ่าบาทเจ้าก็ไม่ได้เจอ จะไปฟ้องร้องได้อย่างไร อีกอย่างเจ้าคิดว่าข้าจะโง่จนให้เจ้าเอาหลักฐานได้หรือ?”
หลิ่วเฟยก้มหัวไปดูลายมือนั้น จู่ๆ มันก็หายไป”บ้าเอ๊ย เจ้าทำอะไรลงไป?”
“ข้าก็แค่เพิ่มของพิเศษบางอย่างลงไปในจานฝนหมึกเท่านั้น จะได้ให้เจ้าได้ตายอย่างเข้าใจ ตอนนี้ได้เห็นสภาพที่เวทนานี้ของเจ้าแล้ว รู้สึกสะใจยิ่งนัก!” ฉินเฟยหัวเราะเย้ยหยัน หันหลังและจากไป
หลิ่วเฟยมองดูแผ่นหลังที่ได้ใจของนาง แค้นยิ่งนัก มืดในแขนเสื้อนั้นกำหมัดแน่น หลิ่วเฟยสาบานในใจว่าจะไม่มีวันปล่อยนางไปอย่างแน่นอน
คืนนั้น หลิ่วเฟยให้คนไปส่งจดหมายให้เฟิ่งจาวหยี
ตอนนี้เฟิ่งจาวหยีกำลังตั้งครรภ์ และถูกคุมขังอยู่ในลานของตัวเอง เมื่อได้ยินว่าหลิ่วเฟยจะพบตัวเอง แต่เดิมนางไม่อยากไป แต่เมื่อคิดดูแล้วที่ตัวเองสามารถออกจากคุกได้ก็เพราะหลิ่วเฟย ในคืนที่เงียบสงบเฟิ่งจาวหยีก็ไปที่คุกใต้ดิน
“หากเจ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้าออกไป ข้าก็ไม่มีความสามารถนั้น ฝ่าบาททรงได้สั่งให้ประหารเจ้าแล้ว ข้าไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวด้วย!” เฟิ่งจาวหยีพูดจาอย่างเจ็บแสบ
หลิ่วเฟยสงบนิ่ง”ข้าเรียกเจ้ามา ไม่ได้เพื่อให้เจ้าช่วยข้าออกไป เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าใครเป็นคนวางยาพิษฆ่าพ่อและน้องชายของเจ้า?
คำคำเดียว ดวงตาแสนสวยของเฟิ่งจาวหยีก็เบิกกว้างในทันที”ใคร เจ้ารู้ว่าฆาตกรเป็นใครหรือ?”
“แน่นอน ข้ารู้จักฆาตกร ขอแค่เจ้าทำตามที่ข้าบอก ข้ารับประกันการว่าจะให้เจ้าได้แก้แค้นแน่นอน!” หลิ่วเฟยทำเสียงเชอะ
เฟิ่งจาวหยีมองอย่างสงสัย”แม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ยังจะช่วยข้าแก้แค้น เจ้าจะไปใจดีเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เพราะพวกข้ามีศัตรูร่วมกัน ฉินเฟย นางคิดแค้นที่เจ้าเคยเหยียดหยามนางมาก่อน และอยากจะตัดทางเอาชีวิตรอดของตระกูลเฟิ่งทิ้ง ดังนั้นจึงได้วางยาพิษให้พ่อเจ้ากับน้องชายเจ้า เมื่อครู่นางมาหาข้าพร้อมกับตัวอักษร และยอมรับเองว่าคนที่เลียนแบบลายมือข้าก็คือนาง
ตอนนี้ข้าอยู่ในคุกและไม่สามารถออกไปได้ ดังนั้นหากต้องการจัดการกับฉินเฟย ก็ต้องพึ่งเจ้าแล้ว หรือว่าเจ้าไม่อยากล้างแค้นให้พ่อและน้องชายเจ้าหรือ!” หลิ่วเฟยถามกลับ
เฟิ่งจาวหยีโกรธจนหน้ามืดครึ้ม ที่แท้เป็นฉินเฟยนั่นเอง นางสืบไปนานขนาดนี้ก็สืบไม่ได้ ที่แท้กลับเป็นนางแพศยา ที่โหดร้ายนี้นี่เอง
“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?” เฟิ่งจาวหยีไม่เชื่อหลิ่วเฟย
“เพราะเจ้าเอาชนะนางไม่ได้ ครั้งก่อนนางวางยาพิษเจ้าไม่ได้ แน่นอนว่าก็จะไม่มีวานให้เจ้ารอดไปได้อย่างแน่นอน ก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะช้าหรือเร็ว จะล้างแค้นเพื่อครอบครัว หรือรอให้ถูกฆ่า เจ้าเลือกเองเถอะ!” หลิ่วเฟยทำเสียงเชอะ
เฟิ่งจาวหยีโกรธยิ่งนัก แต่นางเองก็รู้ว่า ตัวเองเป็นคนนิสัยหุนหันพลันแล่น หากแข่งความร้ายกาจนั้นนางไม่ใช่ผู้ต่อสู้ของฉินเฟยนางแพศยา นั้นแน่นอน
เมื่อนึกถึงพ่อและน้องชายที่ตายตาไม่หลับ เฟิ่งจาวหยีก็จำใจ”ได้ ข้าตอบตกลงร่วมมือกับเจ้า!”
“ดี!” หลิ่วเฟยพูดแผนการตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบา หลังเฟิ่งจาวหยีฟังดีเสร็จ ก็จากไปโดยตรง
สองสามวันต่อมา พระราชวังเงียบสงบยิ่งนัก ฝ่าบาทกำลังคิดเรื่องเกี่ยวดองขององค์หญิงสามอยู่ แต่ในคืนนั้นลานขององค์หญิงสามก็เกิดไฟไหม้ในทันที ไฟก็โหมกระหน่ำ สร้างความตื่นตระหนกทั่วทั้งวัง