จอมนางข้ามพิภพ - บทที่692 ท่านพี่ ท่านฟื้นแล้วหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่692 ท่านพี่ ท่านฟื้นแล้วหรือ
หยุนถิงส่ายหัวเบา ๆ “ไม่จำเป็น เปิดเผยตำแหน่งของพวกเขาให้กับเริ่นเซวียนเอ๋อร์ ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ข้าส่งให้นางละกัน”
“ขอรับ!” หลิงเฟิงส่งคนไปส่งจดหมายทันที
หลังจากทำอะไรมากมายไป ทุกคนก็ต่างกลับห้องของตัวเองไปพักผ่อน หยุนถิงกำลังจะเข้าห้อง ก็เห็นซวนอ๋องที่อยู่ห้องข้างๆกำลังจะเดินเข้าไป
“ซวนอ๋อง!”
โม่เหลิ่งเหยียนหันมามอง “เรื่องใด?”
“ท่านปลอมเป็นจวินซื่อจื่อพี่เขยของข้าก็เหมือนดี แม้แต่ข้าก็ยังดูไม่ออก” หยุนหลีพูดนับถือ
“วิชาการปลอมตัวของหยุนถิงดีต่างหาก” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ
“ก็จริง วิชาการปลอมตัวของพี่ใหญ่นั้นเก่งมาก”
“หยุนหลีเจ้าบอกว่าไหล่เจ็บไม่ใช่หรือ ข้านวดให้เจ้า” เสวี่ยเชียนโฉวเดินมา และมองดูโม่เหลิ่งเหยียนอย่างท่าทีที่ไม่เป็นมิตร
โม่เหลิ่งเหยียนก็สังเกตเห็นเหมือนกัน แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ได้สิ ไหล่เจ็บหน่อยจริงด้วย เช่นนั้นก็รบกวนท่านลุงแล้ว ซวนอ๋องพวกข้าไปก่อนแล้ว” หยุนหลีพูดจบ ก็เดินเข้าไปอย่างสะเพร่า
เสวี่ยเชียนโฉวยกมุมปากขึ้น และเดินตามเข้าไป
โม่เหลิ่งเหยียนทำหน้าหมดคำพูด และกลับห้องของตัวเอง
ในห้อง หยุนถิงกำลังจับชีพจรของจวินหย่วนโยว และป้อนยาเม็ดหนึ่งให้เขา จึงค่อยรู้วึกวางใจลง ทำอะไรไปมากมาย หยุนถิงก็เหนื่อยมากแล้ว จึงนอนลงข้างๆจวินหย่วนโยว และหลับตาลง
นอกแปรพระราชฐาน ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ซื่อจื่อเฟยอยู่ที่ใด รีบพาข้าไปพบซื่อจื่อเฟย”
หลงเอ้อหอบ หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเขารู้ว่าซื่อจื่อเฟยยังมีชีวิตอยู่ เขาที่อยู่ในต่างแคว้นก็รีบกลับมาเลย เพียงเพราะว่าเดินทางมาทั้งคืนจึงเหนื่อยล้าเกินไปจนป่วยหนัก หลังจากหายดีก็ล่าช้าไปสองสามวัน จึงใช้เวลานานขนาดนี้ถึงจะกลับมาถึง
“เจ้ามีเรื่องสำคัญหรือ?” หลิงเฟิงถาม
“เปล่า ข้าแค่คิดถึงซื่อจื่อเฟย ท่านกับลูกๆยังดีอยู่หรือไม่?”หลงเอ้อถามอย่างตื่นเต้น
“ซื่อจื่อเฟยกับเด็กๆสบายดี จวินซื่อจื่อร่างกายอ่อนแอและยังอยู่ในอาการโคม่า ซื่อจื่อเฟยกำลังดูแลจวินซื่อจื่อ เจ้าอย่ารบกวนโดนพวกเขาให้พวกเขาพักผ่อน” หลิงเฟิงตอบ
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี รอพวกเขาพักผ่อนเสร็จแล้วข้าค่อยไปพบซื่อจื่อเฟย!” หหลงเอ้อพูดจบ ก็เป็นลมไปทันที
รั่วจิ่งที่มาก็รีบไปพยุงเขาเอาไว้ “นี่หลงเอ้อเป็นอะไรไป?”
“คงเป็นเพราะเร่งกลับมาจนเหนื่อยมาก พาเขาไปพักผ่อนเถอะ” หลิงเฟิงกล่าว
“คนงี่เง่าสองคนนี้ ยังสามารถทำเอาตัวเองเหนื่อยจนเป็นลมได้ ข้าพาเขาลงไป” รั่วจิ่งเรียกคนสองคนมา และแบกหลงเอ้อลงไป
หยุนถิงนอนหลับจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อนางลืมตาขึ้นก็เห็นจวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆ กำลังนอนตะแคง ลืมตาไว้แล้วมองดูตัวเอง
“ท่านพี่ ท่านฟื้นแล้วหรือ?”
“อืม สองสามวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว ถิงเอ๋อร์!” จวินหย่วนโยวพูด
เพราะหมดสติไปนานเกินไป เสียงของเขาแหบเล็กน้อย
“ไม่ลำบาก ท่านฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว” หยุนถิงดีใจมาก
จวินหย่วนโยวยื่นมือออกไปและกอดนางไว้แน่นๆ “ถิงเอ๋อร์ มีเจ้าดีมากเลย”
หยุนถิงโน้มตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเขา สูบดมออร่าบนร่างกายของเขา ก็สบายใจขึ้นมาไม่น้อย อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป หยุนถิงก็เคลิ้มหลับไปอีกครั้ง
รอนางตื่นอีกที ก็เที่ยงแล้ว
ทั้งสองแต่งตัวและเดินออกไป ในลานหลงเอ้อกำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้น เยว่เอ๋อร์กำลังอุ้มจวินเสี่ยวเทียนขี่ไว้บนหลังของเขา
“ม้าใหญ่ ไป ไป!” จวินเสี่ยวเทียนตะโกนอย่างมีความสุข
จวินเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างๆ กำลังเล่นกับแมลงสองสามตัว ยายขุยที่อยู่ข้างๆกำลังสั่งการ สาวน้อยหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
เมื่อจวินหย่วนโยวเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกยินดีปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตที่สงบสบายเช่นนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยกล้าคิดมาก่อนเลย
ทันทีที่หลงเอ้อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหยุนถิง ก็ดีใจมาก หากไม่ใช่เพราะจวินซื่อจื่อน้อยกำลังนั่งอยู่บนเขาของเขา เขาคงต้องรีบวิ่งไปตรงหน้าซื่อจื่อเฟย “ซื่อจื่อเฟย ข้ากลับมาแล้ว เกรงว่าจะรบกวนท่านกับจวินซื่อจื่อพักผ่อน ดังนั้นข้าจึงมิได้ไปรบกวน”
“กลับมาก็ดีแล้ว ระหว่างทางลำบากแล้ว” หยุนถิงกล่าวอย่างดีใจ
“ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก เมื่อทราบว่าซื่อจื่อเฟยยังมีชีวิตอยู่ แถมยังให้กำเนิดลูกได้สองคนทำให้ข้าดีใจกว่าสิ่งใดอีก” หลงเอ้อพูดและขอบตาก็แดง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาได้เดินทางไปทั่วสี่แคว้น เดินทางไปหลายแห่ง แม้แต่แคว้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลก็ไปมาแล้ว ไม่เคยยอมแพ้ที่จะตามหา ตอนนี้เห็นซื่อจื่อเฟยไม่เป็นอะไร หลงเอ้อรู้สึกโล่งใจและรู้สึกซาบซึ้ง
ดีมากเลย เขารู้ว่าซื่อจื่อเฟยจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
แถมตอนนี้ยังมีลูกที่น่ารักเช่นนี้ด้วย หลงเอ้อดีใจแทนจวินซื่อจื่อจากใจ
“หยุนถิง จวินหย่วนโยวไอ้สารเลวที่แล้งน้ำใจทั้งสอง!” เสียงด่าสาปแช่งดังมา ฟู่อี้เฉินเดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยวจากข้างนอก
หยุนถิงมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นลมอยู่ในพระราชวังเอง จะโทษข้ากับจวินซื่อจื่อได้อย่างไร”
“เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก พวกเจ้ากลับมาหมดแล้ว ก็พาข้ากลับมาด้วยไม่ได้หรือ?” ฟู่อี้เฉินพูดอย่างโกรธ
“ก็ให้เจ้าได้ชมพิธีขึ้นครองราชย์ของเซวียนเอ๋อร์พอดีมิใช่หรือ?”
“นางขึ้นครองราชย์เกี่ยวอะไรกับข้า?” ฟู่อี้เฉินทำเสียงเชอะ
“คนเลว คนเลว!” จวินเสี่ยวเทียนจ้องมองด้วยความโกรธ เหมือนไม่พอใจที่ฟู่อี้เฉินพูดกับแม่ของเขาแบบนี้
ฟู่อี้เฉินมองดูเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เหมือนกับจวินหย่วนโยว ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “นี่ ทำไมเด็กคนนี้ถึงเหมือนกับ จวินหย่วนโยวตอนเด็กๆเป๊ะๆเลย?”
“คำพูดไร้สาระ นั่นคือลูกชายของข้า!” จวินหย่วนโยวกลอกตาใส่เขา
ฟู่อี้เฉินจึงค่อยได้สติมา “ห๊ะ ลูกชายเจ้าโตขนาดนี้แล้วหรือ จำเป็นต้องกดดันคนเช่นนี้ด้วยหรือ ให้ข้าดูหน่อยสิ ใบหน้าเล็กๆ นี้ทำให้ข้ารู้สึกคันมือยิ่งนัก!”
ไม่รอฟู่อี้เฉินได้เดินไป จวินหย่วนโยวก็ได้อุ้มจวินเสี่ยวเทียนขึ้นมาแล้ว “ไปให้พ้น!”
“โอ้ คนเย็นชาเช่นเจ้ามีลูกชายแล้วก็โอ้อวดสินะ——-” ฟู่อี้เฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเสื้อก็ถูกคนดึงเอาไว้
“ท่านลุง!” เสียงเด็กที่น่าฟังดังขึ้น
ฟู่อี้เฉินตัวแข็งทื่อ มองดูใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงามและละเอียดอ่อนนั้น ซึ่งคล้ายกับหยุนถิงเจ็ดส่วน “จวินหย่วนโยว หรือว่านี่ก็เป็นของบ้านเจ้า?”
“ถูกต้อง ลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคนแฝดชายหญิง!”
“ท่านลุง หนอนหนอน!” จวินเสี่ยวเหยียนกล่าว
ฟู่อี้เฉินก้มหัวลงเห็นหนอนอ้วนๆหลายตัวห้อยอยู่บนเสื้อคลุมของเขา ตกใจกลัวจนกระโดดขึ้นทันที
ในวินาทีที่เขากระโดด ยายขุยก็ได้อุ้มจวินเสี่ยวเหยียนไปข้างๆทันที
“อ๊าก หนอน ไปให้พ้น ข้าเกลียดหนอนที่สุดแล้ว!” ฟู่อี้เฉินคร่ำครวญอย่างน่าสมเพช
“นั่นไม่ใช่หนอนธรรมดา เป็นหมอนกู่ หากเจ้ายั่วยุมันก็จะถูกพวกมันกัด เช่นนั้นก็จะตายทั้งเป็น!” หยุนถิงเตือนด้วยความหวังดี
ทีนี้ฟู่อี้เฉินผวาเลย “หยุนถิงช่วยข้าด้วย!”
“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ เจ้าตัวน้อยนี้เป็นของของเสี่ยวเหยียน เว้นแต่เจ้าจะขอร้องนาง!”
“นังหนูนี้ เด็กน้อยเช่นนี้ เจ้าโกหกข้าหรือ ข้าไม่เชื่อ” ฟู่อี้เฉินคิดเพียงว่าหยุนถิงไม่อยากช่วยตัวเอง
จากนั้นก็เห็นจวินเสี่ยวเหยียนโบกมือ และหนอนจำนวนนับไม่ถ้วนก็เรียงแถวและคลานไปหาฟู่อี้เฉิน ดูจนเขาขนลุกไปหมด และตื่นตระหนกทันที
“นังหนูน้อย ข้าเชื่อแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถควบคุมหมอนเหล่านี้ได้ เจ้าเก่งมากเลย ให้หมอนพวกนี้ออกไปที!” ฟู่อี้เฉินร้องขอความเมตตาทันที
จวินเสี่ยวเหยียนมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ขยับเขยื้อน
“นังหนูน้อย แม่ทูลหัวน้อย ข้าผิดแล้ว เจ้าได้โปรดให้หนอนกู่พวกนี้จากไปเร็วเถอะ ขอร้องละ!”