จอมนางข้ามพิภพ - บทที่693 ท่านลุง ท่านก็จะไปบ้านข้าหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่693 ท่านลุง ท่านก็จะไปบ้านข้าหรือ
คนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะเยาะเมื่อถูกแกล้ง “โธ่ นี่ยังเป็นฟู่ซื่อจื่อปีศาจน้อยที่มีชื่อเสียงของแคว้นต้าเยียนอยู่หรือไม่ ถูกเด็กคนหนึ่งทำให้กลัวจนตกใจเช่นนี้” หยุนหลีหัวเราะออกมาดังลั่น
“จริงจนไม่อาจจริงได้อีกแล้ว ฟู่อี้เฉินเจ้าก็มีวันนี้ด้วยหรือ ต่อไปเด็กคนนี้ก็คือดวงชะตาไม่ถูกกับเจ้า” โม่ฉือชิงดูความครึกครื้นอย่างไม่แยแส
องค์หญิงหนานชวนทำหน้าประหลาดใจ ที่แท้ฟู่อี้เฉินกลับหนอนนี่เอง
จวินเสี่ยวเหยียนเห็นเขากำลังร้องขอความเมตตาจริง ๆ จึงโบกมือน้อยที่อวบนั้นเพื่อส่งสัญญาณ แต่เดิมหนอนกู่ที่เกาะอยู่บนตัวของฟู่อี้เฉินนั้นก็คลานลงมาอย่างเชื่อฟัง
เมื่อฟู่อี้เฉินเห็นว่าหนอนกู่คลานออกไป หันหัวแล้ววิ่งหนีไป เพราะวิ่งเร็วเกินไป ฟู่อี้เฉินไม่ระวังก็เผลอล้มไปอย่างน่าเวทนา
ทุกคนหัวเราะออกมาดังๆ “หัวเราะอะไรกัน ระวังจะหัวเราะจนฟันหน้าหลุด!” ฟู่อี้เฉินตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว ลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งออกไป
เมื่อนึกถึงปีศาจน้อยแห่งแคว้นต้าเยียนถูกนังหนูน้อยคนหนึ่งทำให้ตกใจกลัว คนทนก็หัวเราะจนปวดท้องเลย
“เสี่ยวเหยียนเก่งมากเลย ต่อไปทำอย่างนี้แหละ ดูว่าต่อไปฟู่อี้เฉินจะอวดดีอย่างไรอีก!” โม่ฉือชิงสะใจยิ่งนัก
จวินเสี่ยวเหยียนหัวเราะคิคิ และวิ่งไปหาหยุนถิง “ท่านแม่ อุ้มอุ้ม!”
หยุนถิงรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง อุ้มลูกสาวขึ้นมา “เสี่ยวเหยียนของข้าเก่งปานนี้แล้วหรือ!”
“เก่ง เก่ง!” จวินเสี่ยวเหยียนโห่ร้อง
“ซื่อจื่อเฟย ในเมื่อปัญหาภายในของแคว้นเทียนจิ่วถูกกำจัดเรียบร้อยแล้ว ข้าพาเหล่าทหารกลับไปก่อน” องค์หญิงหนานชวนกล่าว
“ลำบากแล้ว ช่วยข้าขอบคุณแทนเหล่าทหารกันด้วย สิ่งนี้มอบให้เจ้า” หยุนถิงหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาขณะที่พูด
องค์หญิงหนานชวนรับมาและเปิดออก ก็ตกตะลึงในทันที พลิกดูไปสองสามหน้าอย่างรวดเร็วและยัดมันเข้าไปในอกของนางเหมือนสิ่งล้ำค่าหนึ่ง “ขอบคุณซื่อจื่อเฟย ต่อไปมีอะไรที่ต้องการให้ช่วยบอกมาได้เลย ข้าจะภารกิจอันพึงปฏิบัติโดยไม่สามารถบอกปัดได้!”
“ได้ งั้นข้าก็ไม่เกรงใจกับเจ้าแล้ว!”
เมื่อมองดูองค์หญิงหนานชวนจากไป หยุนถิงก็หันไปมองจวินหย่วนโยว “ท่านพี่ พวกข้าออกมานานมากแล้ว กลับแคว้นต้าเยียนกันเถอะ”
“ตามที่เจ้ากล่าว!” Jจวินหย่วนโยวกล่าว
ไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูป หลิงเฟิงและคนอื่นๆก็เก็บข้าวของและใส่ไว้บนรถม้าเสร็จ หยุนถิงและพรรคพวกก็นั่งรถม้าแล้วจากไป
พิธีขึ้นครองราชย์ของเริ่นเซวียนเอ๋อร์จัดขึ้นในวันนี้ ซึ่งทำให้ทั่วทั้งแคว้นเทียนจิ่วตกตะลึงกันไปหมด เพราะสตรีขึ้นครองราชย์นั้นเป็นเรื่องที่มิเคยมีมาก่อน
ในวันที่จักรพรรดิองค์ใหม่เสด็จขึ้นครองราชย์ ก็ได้ทรงประกาศใช้นโยบายใหม่ ๆ หลายข้อ เกษตรกรทุกคนได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลาสามปี สนับสนุนให้ทำการค้าขาย นักธุรกิจทุกคนจะได้รับการสนับสนุนและเงินอุดหนุนจากราชสำนัก ถ้าไม่รู้จะทำการค้าขายเล็กๆน้อยๆอะไร ก็สามารถเข้าร่วมได้ เข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแถมยังจะสอนกลวิธีการทำการค้าขายด้วย—–
ทันทีที่นโยบายเอื้อประโยชน์ประชาชนเช่นนี้ออกมา คนทั้งแว่นแคว้นต่างก็ตกตะลึงกันหมด ผู้คนปรบมือว่าดี ไม่มีผู้ใดสงสัยฐานะของจักรพรรดิหญิงองค์ใหม่ท่านนี้อีกต่อไป แต่กลับนับถือและชื่นชมจักรพรรดิองค์ใหม่เป็นอย่างยิ่ง
นายพลและทหารของกองทัพล้วนเป็นคนที่ติดตามเซ่อเจิ้งอ๋องมาก่อน เนื่องจากเซ่อเจิ้งอ๋องช่วยองค์หญิงสามบริหารราชการแผ่นดิน เหล่านายพลและทหารย่อมไม่สงสัยอยู่แล้ว
แต่ก็อาจมีทหารบางส่วนที่ไม่พอใจอยู่บ้าง แม้ว่าองค์หญิงสามจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่จะเป็นผู้นำของแคว้นหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งนัก
หยุนถิงให้ส่งคนไปขนกล่องขนาดใหญ่ห้ากล่องไปยังค่ายทหารโดยตรง ด้านในเต็มไปด้วยอาวุธที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน องครักษ์ลับแสดงพลังของอาวุธให้พวกเขาเห็น ณ จุดนั้นทันที เหล่าทหารต่างก็ตกตะลึงกันหมด
“นี่เป็นสิ่งที่องค์หญิงสามส่งให้พวกเจ้า นี่คือพิมพ์เขียวของอาวุธ สร้างตามพิมพ์เขียว ทุกคนล้วนมีส่วน!” องครักษ์ลับทิ้งประโยคหนึ่งไว้แล้วจากไป
เดิมที่ทหารเหล่าที่สงสัยเริ่นเซวียนเอ๋อร์นั้น ต่างก็ตกตะลึงกับพลังของอาวุธนั้นกันหมด และไม่กล้าสงสัยอีกต่อไป
วันนี้ เริ่นเซวียนเอ๋อร์จัดพิธีขึ้นครองราชย์ โดยมีพิธีที่ซับซ้อนหลายประการ และเมื่อนางว่างอีกทีก็ค่ำแล้ว
เดิมที นางอยากให้คนไปแจ้งหยุนถิงและคนอื่นๆ เพื่อที่จะได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขา แต่ก็ได้ยินกู้จิ่วเยวียนบอกว่าหยุนถิงพวกเขาจากไปแล้ว ริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
เพื่อนแท้จริงก็คือคนที่คอยให้ความช่วยเหลือ ยามที่เจ้าลำบากและต้องการที่สุด บุญคุณนี้ เริ่นเซวียนเอ๋อร์จะจดจำไว้ในใจตลอดไป
ในวันรุ่งขึ้นนางก็ได้ออกพระราชกฤษฎีกา รับลูกสาวของหยุนถิงเป็นลูกบุญธรรม และแต่งต่างจวินเสี่ยวเหยียนให้เป็นองค์หญิงใหญ่ของแคว้นเทียนจิ่ว
หยุนถิงที่กำลังเดินไปได้ครึ่งทาง เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ยิ้มโดยไม่พูดอะไร
การเดินครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าครึ่งเดือน และในที่สุดก็กลับถึงแคว้นต้าเยียนสักที
พ่อบ้านและเหล่าองครักษ์เห็นซื่อจื่อเฟยกลับมา ต่างก็ตื่นเต้นจนร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม รีบเข้าไปสอบถาม
“ทำให้ทุกคนเป็นห่วงแล้ว ข้ากลับมาแล้ว ลูกๆก็สบายดี!” หยุนถิงรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
เมื่อเห็นเด็กทั้งสอง พ่อบ้านก็ร้องไห้ “นี่คือลูกของจวินซื่อจื่อ ดีมากเลย ฟ้าคุ้มครองซื่อจื่อเฟย ทีนี้ตระกูลจวินของพวกข้ามีผู้สืบทอดแล้ว ซื่อจื่อเฟยรีบเชิญด้านใน บ่าวได้สั่งให้คนทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว อาหารก็เตรียมไว้แล้ว ท่านเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งรถม้ามาตลอดทาง รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ!”
“ได้ ลำบากแล้ว เสี่ยวเทียน เสี่ยวเหยียนรีบท่านปู่!” หยุนถิงกล่าว
“ท่านปู่!” เด็กทั้งสองเรียกพร้อมกัน
พ่อบ้านตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น “ข้าเป็นปู่แล้ว สวัสดีจวินซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อย ปู่ได้เตรียมของเล่นมากมายไว้ให้พวกหนู รีบเข้าไป”
เด็กทั้งสองก็มิได้กลัวคนแปลกหน้า เดินตามพ่อบ้านเข้าไป จวินหย่วนโยวยิ้มอย่างช่วยมิได้
“หยุนหลีเจ้ากลับตระกูลหยุน บอกพ่อว่าข้าจะไปดูเขาในภายหลัง!” หยุนถิงกล่าว
“ได้เลยพี่ใหญ่” หยุนหลีหันหลังกลับและจากไป
เสวี่ยเชียนโฉวก็ตามไป “ท่านลุง ท่านก็จะไปบ้านข้าหรือ?”
“ข้าชื่นชมนับถือหยุนเฉิงเซี่ยงมานานแล้ว ถือโอกาสไปเยี่ยมเยียนสักหน่อย!”
“ก็ได้ พ่อข้าอารมณ์ไม่ดี ท่านพูดจาต้องระมัดระวังหน่อย” หยุนหลีกำชับ
หยุนถิงชำเลืองมองเสวี่ยเชียนโฉว เห็นหยุนหลีกำลังกำชับ นังหนูนี้ไม่มีสมองสักเลย เสวี่ยเชียนโฉวจะไปพบผู้ปกครองต่างหาก
หยุนถิงเดินตรงเข้าไปในจวน เหนื่อยจากการเดินทางมา นางอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า และเปลี่ยนชุดยาวสบายๆชุดหนึ่ง เดิมทีคิดจะพาลูกสองคนไปที่ตระกูลหยุน
แต่กำลังจะไปก็ได้ยินที่หน้าประตูมีเสียงที่ดังลั่นดังมา “หยุนถิงไอ้หนูแล้งน้ำใจ จะรอให้ข้าตายแล้วเจ้าถึงจะยอมกลับมาหรือไง?”
เสียงที่โกรธเกรี้ยวนี้ ไม่ใช่หยุนเฉิงเซี่ยงแล้วจะเป็นใคร
หยุนเฉิงเซี่ยงรีบวิ่งมาด้วยความโกรธ หยุนถิงรีบเดินไปข้างหน้า “ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงมาเร็วเยี่ยงนี้ ข้ากำลังจะพาลูกๆไปพบท่านอยู่เลย?”
“ทำเป็นพูดดี กลับมาก็กลับจวนซื่อจื่อเลย ไร้น้ำใจ” หยุนเฉิงเซี่ยงกลอกตา และเมื่อหันหัวไป ก็เห็นเด็กน้อยสองคนที่อวบๆ
“นี่ นี่คือ?”
“ท่านพ่อ นี่คือลูกชายและลูกสาวของข้า เสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียน” หยุนถิงตอบ
ใบหน้าที่โกรธของหยุนเฉิงเซี่ยงก็ฉายแววดีใจทันที ดีใจจนหุบปากไม่ได้ “โอ้ เด็กสองคนนี้หน้าตาดียิ่งนัก มา รีบให้ตาดูหน่อย ตาเอาของอร่อยๆมาให้พวกเจ้าด้วย”
ทันทีที่พูดจบ หยุนถิงก็เห็นองครักษ์ของจวนตระกูลหยุนถือถังหูลู่มา องครักษ์อีกคนก็ถือตะกร้าขนมไว้ ตามด้วยองครักษ์สองคนที่อุ้มแผงขายน้ำตาลปั้นเข้ามา——
“ท่านพ่อ ท่านทำเกินไปหรือเปล่า?” หยุนถิงหมดตำพูดเลย พ่อนางซื้อแผงของเขาหมดแล้วมั้ง
“เกินอะไร ข้ารักหลานของข้าไม่ได้หรือ มาดูสิว่าชอบกินอะไร กินได้ตามสบาย ไม่พอตาพาพวกเจ้าไปซื้ออีก!” หยุนเฉิงเซี่ยงทำหน้าเมตตาและใจดี และน้ำเสียงก็อ่อนโยนและตามใจยิ่งนัก
เจ้าตัวน้อยทั้งสองดีใจแย่เลย และรีบไปเลือกทันที
ทำไมหยุนถิงถึงมีความรู้สึกว่าตัวเองถูกเก็บมา เมื่อนึกถึงถูกเก็บมา นางก็นึกถึงประวัติชีวิตของตัวเองที่ยายขุยบอก ดูท่าแล้วต้องหาโอกาสถามพ่ออย่างชัดเจนหน่อยแล้ว?