จอมนางข้ามพิภพ - บทที่697 ให้นางออกมาคุมเชิงกันหน้าต่อหน้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่697 ให้นางออกมาคุมเชิงกันหน้าต่อหน้า
“อ๊ะ!” จิ่งฮูหยินร้องลั่น อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อก็ยิงตรงไปที่งูหัวสามเหลี่ยมสีแดง
จิ่งไป๋เดาได้แล้วว่านางจะทำเยี่ยงนี้ และยิงอาวุธลับออกมาในเวลาเดียวกัน ทำให้อาวุธลับของจิ่งฮูหยินล้มลง
งูหัวสามเหลี่ยมสีแดงกัดโดนแก้มของจิ่งฮูหยินทันที
“อ๊าก!หน้าข้า!” ได้ยินเพียงจิ่งฮูหยินร้องลั่น เจ็บจนนางไม่มีเวลามากลัวเลย เอื้อมมือไปดึงงูสีแดงนั้น
โชคดีที่งูนั้นไม่ได้พัวพัน กัดไปคำหนึ่งก็วิ่งหนีไป
“ไอเด็กบ้าเอ๊ย เจ้ากล้าปล่อยงูพิษมากัดข้าหรือ วันนี้ข้าจะถลกหนังของเจ้าทิ้ง สับเป็นชิ้นๆ!” จิ่งฮูหยินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว กำลังจะโจรตีไปหาจิ่งไป๋ หน้ามือและหมดสติไปในทันที
จิ่งไป๋มองดูจิ่งฮูหยินที่ล้มลงกับพื้น เคียดแค้นยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้ลงมือฆ่านางทันที
หากฆ่านางเช่นนี้ ก็ยังถือว่าเบาเกินไป จิ่งไป๋จะต้องให้นางรู้ว่าควรได้รับบทลงโทษจากสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้
“แปะๆ!” เสียงปรบมือดังขึ้น หยุนถิงกับหลงเอ้อที่อยู่บนกำแพงยกนิ้วให้จิ่งไป๋
เมื่อจิ่งไป๋เห็นซื่อจื่อเฟยกับพี่หลงเอ้อ ก็ตื่นเต้นมาก “ซื่อจื่อเฟย พวกท่านมาเร็วจังเลย”
“สมกับเป็นคนที่ติดตามอยู่ข้างข้าจริงๆเลย ทำได้ดีมาก! เสี่ยวลิ่วหาเจ้าไม่เจอ จึงรีบมาแจ้งข้า ข้ากับหลงเอ้อก็รีบมาเลย
บังเอิญมีงูน้อยตัวหนึ่งหาข้าและนำทางให้ข้า ไม่เช่นนั้นก็คงหาเจ้าเจออย่างง่ายเช่นนี้ไม่ได้แน่นอน เห็นเจ้าไม่เป็นไรข้าก็วางใจแล้ว” หยุนถิงพูดชมเชย
จิ่งไป๋เผชิญกับอันตราย ไม่ได้ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว แต่กลับจัดการและรับมือกับมันได้อย่างใจเย็น เผชิญหน้ากับศัตรู ไม่ได้ถูกความแค้นทำให้โกรธจนหมดสติไป แต่กลับอดกลั้นและอดกลั้นและยับยั้งชั่งใจ นิสัยแบบนี้ดีจริงๆ
“เจ้าเยี่ยมดีแฮะ ข้ากับซื่อจื่อเฟยกลัวว่าเจ้าจะถูกจิ่งฮูหยินคิดร้าย กลางคืนก็ไม่นอน เดินทางมาตลอดทั้งทาง ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เลวนัก ตัวเองก็รับมือเองได้แล้ว” หลงเอ้อพูดชมเชยเช่นกัน
จิ่งไป๋เกาหัวด้วยความเขินอาย “ข้าขอโทษ ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว”
“พวกข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เจ้าหายตัวไปทุกคนก็เป็นห่วงมาก เดิมทีจวินซื่อจื่อก็อยากมา ทว่าเด็กสองคนพึ่งกลับมาจากแคว้นเทียนจิ่ว กลัวพวกเขาจะเหนื่อยจนล้มป่วย จึงไม่กล้ามา” หยุนถิงพูดปลอบโยน
จิ่งไป๋ขอบตาแดงทันที เขาคิดไม่ถึงว่าจวินซื่อจื่อก็จะทำเช่นนี้เพื่อคนที่มีที่มาไม่แน่ชัดเยี่ยงตัวเองเช่นนี้ด้วย
หลงเอ้อพาหยุนถิงบินลงจากกำแพง “เจ้าเด็กโง่ร้องไห้ทำไม เมื่อกี้เจ้าหยิ่งยโสยิ่งนักไม่ใช่หรือ ทำไมเห็นคนพวกเดียวกันกลับร้องไห้ซะล่ะ?”
จิ่งไป๋เช็ดน้ำตา “ข้าเห็นพวกท่านแล้วดีใจ”
“ข้าว่าเจ้านะนึกกลัวในภายหลังสินะ” หลงเอ้อพูดล้อเล่น
จิ่งไป๋พยักหน้าด้วยเขินอาย “ก็นิดหน่อย!”
“ฮ่าฮ่า เจ้าหนู ซื่อจื่อเฟยพวกข้าพาจิ่งไป๋จากไปเถอะ?” หลงเอ้อถาม
“ในเมื่อมาตระกูลจิ่งแล้ว เช่นนั้นก็จัดการเรื่องให้เสร็จ ไม่ว่าจะอย่างไรจิ่งไป๋ก็เป็นคนของตระกูลจิ่ง สักวันก็ต้องเผชิญกับมัน แถมข้าก็อยากประลองกับจิ่งฮูหยินผู้นี้หน่อยอยู่พอดี” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
“ล้วนฟังซื่อจื่อเฟยขอรับ!”
“ทางนี้ มีงูเยอะมาก พวกเจ้ารีบมาเร็ว!” ผู้เฝ้าพิทักษ์ที่พึ่งหนีไปคนหนึ่งนั้นพาพ่อบ้านและคนอื่นๆมาทางนี้
แต่เมื่อพวกเขามาถึงก็พบว่า บนพื้นไม่มีงูแม้แต่ตัวเดียวเลย เหลือเพียงผู้เฝ้าพิทักษ์ที่กรีดร้องอย่างน่าเวทนา และที่จิ่งฮูหยินหมดสติไป
“ฮูหยิน?” พ่อบ้านตะโกน “จิ่งไป๋เจ้ากล้าลงมือฮูหยินร่วมกันผู้อื่น เจ้ากล้ายิ่งนัก เด็กๆ จับพวกเขาไว้ทั้งหมด!”
“แค่หมาเฝ้าบ้าน ยังกล้ามาจับซื่อจื่อเฟยของข้าหรือ ข้าว่าเจ้านะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!” หลงเอ้อกล่าวอย่างเหยียดหยาม และขวางอยู่ตรงหน้าหยุนถิงทันที
“ซื่อจื่อเฟย หรือว่าจะเป็นจวินซื่อจื่อของซื่อจื่อเฟย?” พ่อบ้านตกตะลึง
“ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน ยังมีซื่อจื่อเฟยอยู่กี่คน!” หลงเอ้อจ้องมองด้วยความโกรธ
วินาทีต่อมา พ่อบ้านคุกเข่าลงกับพื้น “ซื่อจื่อเฟย โปรดไว้ชีวิตด้วย บ่าวมีตาหามีแววไม่ โปรดซื่อจื่อเฟยปล่อยบ่าวไปด้วย ไปเถอะ บ่าวก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของฮูหยิน ซื่อจื่อเฟยโปรดยกโทษให้ด้วย!”
เหล่าผู้เฝ้าพิทักษ์มองดูพ่อบ้านที่ยังโกรธอย่างยิ่งในเมื่อครู่ วินาทีต่อมาก็คุกเข่าลงและขอความเมตตา พต่างก็ตกตะลึงและคุกเข่าลงตาม
ชื่อเสียงของซื่อจื่อเฟย อย่าว่าแต่แคว้นต้าเยียนเลย ทั่วทั้งสี่แคว้นก็ไม่มีใครที่ไม่รู้
นั่นคือผู้ที่น่ากลัวกว่าจวินซื่อจื่อ จัดการคนมาโหดเหี้ยมและอำมหิตยิ่งนัก ทำให้คนตายทั้งเป็น
“ไปหาเจ้ากรมของตระกูลจิ่งมา!” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
“ขอรับ!” พ่อบ้านให้คนไปเรียกท่านจิ่งรอง ท่านจิ่งสามทันที
“หากซื่อจื่อเฟยไม่รังเกียจ โปรดเชิญที่ห้องโถง บ่าวจะให้คนไปชงชาที่ดีที่สุด!” พ่อบ้านพูดอย่างสั่นเทากลัว
หยุนถิงชำเลืองมองเขา “อืม!”
หลงเอ้อกับจิ่งไป๋ตามไปทันที และพวกเขาก็ตรงไปที่ห้องโถง
ไม่ช้าท่านจิ่งรองกับท่านจิ่งสามก็มาถึง และเมื่อได้ยินว่าซื่อจื่อเฟยมา ก็ทำให้พวกเขาตกใจกลัวจะกล้าละเลยสักที่ไหนกัน
เมื่อมองดูผู้หญิงที่นั่งอยู่ในห้องโถงคิ้วที่สวยงาม หน้าตาสะสวย สวมชุดสีขาวไม่มีเครื่องประดับประดาใดๆ แต่กลับมีความหรูหราและสง่างามในตัว ทำให้คนมิอาจละเลยได้
“ซื่อจื่อเฟยมา พวกข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง มิทราบว่าซื่อจื่อเฟยมาเพื่อเรื่องใด?” ท่านจิ่งรองถามด้วยความเคารพ
“ซื่อจื่อเฟย เหตุใดท่านถึงได้มาตระกูลจิ่งของพวกข้า หรือว่าตระกูลจิ่งล่วงเกินซื่อจื่อเฟย?”ท่านจิ่งสามถามอย่างสงสัย
“ท่านสามอย่าพูดเพ้อเจ้อ!” ท่านจิ่งรองหยุดเขา
“แท้จริงแล้วที่ท่านจิ่งสามพูดนั้นถูก ครั้งนี้ข้ามามิได้ส่งหนังสือเยี่ยมเยือน กะทันหันไปหน่อย แต่จิ่งฮูหยินของตระกูลจิ่งจับน้องชายของข้าไป ข้าก็ทำได้เพียงต้องบุกเข้ามาเยี่ยงนี้!” หยุนถิงตอบอย่างเย็นชา
“น้องชายของซื่อจื่อเฟย?” ท่านจิ่งรองตกตะลึง และแอบด่าจิ่งฮูหยินในใจ
ผู้หญิงคนนี้ล่วงเกินใครไม่ดี กลับไปล่วงเกินหยุนถิง หาเรื่องใส่ตัวชัดๆเลย
“น้องชายของข้าก็คือจิ่งไป๋!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ท่านจิ่งรองกับท่านจิ่งสามต่างก็มองดูจิ่งไป๋ที่อยู่ข้างๆ และมองสังเกตเขาดีๆ
“เจ้าคือจิ่งไป๋ เป็นไปได้อย่างไร เจ้าตายแล้วไม่ใช่หรือ?” ท่านจิ่งรองถามอย่างตกตะลึง
“ถูกต้อง ตอนนั้นพี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าจิ่งไป๋กับแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุ และถูกฝังไปแล้ว!” ท่านจิ่งสามก็ตกใตกลัวยิ่งนัก
พวกเขาเคยเห็นจิ่งไป๋ครั้งหรือสองครั้งเมื่อยังเด็ก และต่อมาได้ยินว่าถูกพี่สะใภ้ใหญ่ขังไว้ที่หลังลาน และก็ไม่เคยเห็นอีกเลย แต่เมื่อมองดูใบหน้านี้ก็ค่อนข้างคล้ายกับพี่ใหญ่ของพวกเขานัก
“ตอนนั้นจิ่งฮูหยินอาศัยตอนผู้นำไม่อยู่แล้ววางยาพิษให้ข้ากับแม่ และจับพลัดจับผลูถูกคนรับใช้คนหนึ่งกินเข้าไปพอดี และเสียชีวิตในตอนเที่ยง
แม่ข้าเห็นว่าจิ่งฮูหยินจะฆ่าพวกข้าสองแม่ลูก ก็รีบพาข้าหลบหนีไปในคืนนั้นเลย ต่อมาจิ่งฮูหยินส่งคนมาตามฆ่าพวกข้า แม่ถูกฆ่าตายเพราะช่วยข้า
ส่วนข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติ ใกล้จะตาย แต่โชคดีที่ซื่อจื่อเฟยผ่านทางและช่วยข้าไว้” จิ่งไป๋บอกเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาอย่างคร่าวๆ
“แม้พี่สะใภ้ใหญ่จะโหดร้าย ข้ารู้แค่ว่านางปฏิบัติต่อพวกเจ้าสองแม่ลูกอย่างรุนแรงและโหดร้ายทารุณเกินไป แต่กลับไม่รู้ว่านางส่งคนไปลอบสังหารพวกเจ้า” ท่านจิ่งรองคำรามด้วยความโกรธ
“ถูกต้อง ไม่ว่าจะอย่างไรจิ่งไป๋ก็เป็นลูกของพี่ใหญ่ นางทำลงไปได้อย่างไร! แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ล่ะ ให้นางออกมาคุมเชิงกันหน้าต่อหน้า!” ท่านจิ่งสามโกรธมาก
พ่อบ้านทำหน้าลำบากใจ “ท่านรองท่านสาม ฮูหยินหมดสติไปแล้ว”
“มาหมดสติอะไรตอนนี้ นางคิดว่าพวกข้าโง่หรือ รีบไปเรียกนางออกมา!” ท่านจิ่งสามคำรามด้วยความโกรธ
“ท่านสาม ฮูหยินหมดสติไปแล้วจริงๆ” พ่อบ้านหันมองหยุนถิงอย่างไม่รู้ตัว