จอมนางข้ามพิภพ - บทที่736 ข้าดูผิดท่านไปแล้วจริงๆ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่736 ข้าดูผิดท่านไปแล้วจริงๆ
“จี้อวี๋ ท่านไร้ยางอาย ท่านทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก!” โม่หลานโกรธมาก
ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน บังเอิญมีคนที่มีฝีมือพอๆกันกับตัวเองพอดี แถมจี้อวี๋ยังเป็นแม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเทียนจิ่ว โม่หลานชอบคนที่มีความมุ่งมาดปรารถนามากที่สุด ดังนั้นนางจึงเสียดายคนที่มีความสามารถเช่นนี้มาก
มิฉะนั้นโม่หลานก็คงไม่ไปหาจี้อวี๋บ่อยๆ ในช่วงเวลาที่องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วถูกคุมขัง ตัวเองปฏิบัติต่อนางจริงใจมากขนาดนั้น เพียงแค่ว่าวันหนึ่งทั้งสองจะได้ร่วมมือกับ และเหยียดตะลุยทั่วทั้งสี่แคว้นไปอย่างอิสระ
นางอยากแต่งงาน ไม่อยู่ในกองทัพ ยังบอกว่าตัวเองให้นางเรียกนางไปทำเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่มีน้ำใจยิ่งนัก
โม่หลานในขณะนี้โกรธยิ่งนัก นางเองก็แยกไม่ออกว่าตัวเองโกรธที่จี้อวี๋พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่และไม่มีอุดมคติ หรือเป็นเพราะโม่ฉือชิง จะยังไงก็โกรธยิ่งนัก
นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ฉือชิงเห็นโม่หลานโกรธขนาดนี้ และไม่อาจอยู่นิ่งต่อไปในทันที เขากำลังจะลุกขึ้นอธิบาย แต่ก็รู้สึกว่ามือของจี้อวี๋ที่จับแขนของตัวเองไว้ในแน่นขึ้นในทันที ทำให้เขาไม่สามารถยืนขึ้นได้เลย
“นั่งนิ่งๆ ซื่อจื่อเฟยบอกแล้วว่า กับโม่หลานคนสะเพร่าเช่นนี้ก็ต้องใช้วิธีที่พิเศษหน่อย!” จี้อวี๋พูดเสียงต่ำ
เมื่อโม่ฉือชิงได้ยินว่าเป็นแผนการของหยุนถิง เดิมทีเขาที่จะลุกขึ้นก็นั่งตรงในทันที
สิ่งที่หยุนถิงพูดนั้น ถูกต้องอย่างแน่นอน
“เอาหน้ามีประโยชน์อะไร กินก็กินไม่ได้ เป็นคนนะสมจริงหน่อย เฉินอ๋องเป็นท่านอ๋องที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นต้าเยียน
เงินของเขาใช้กี่ชาติก็ใช้ไม่หมด ทำไมข้ายังต้องให้ตัวเองเหนื่อยจะเป็นจะตายไปสู้รบในสนามรบด้วย
เมื่อเทียบกับชีวิตที่หัวจะหล่นได้ตลอดเวลานั้น ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ ต่างก็จะเลือกเฉินอ๋องอยู่แล้ว “ จี้อวี๋ไม่โกรธแม้แต่นิด กลับกันยังภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
โม่หลานโกรธมาก และสิ่งที่ทำให้นางโกรธยิ่งกว่านั้นก็คือโม่ฉือชิงกลับนั่งอยู่เฉยๆเช่นนั้น ไม่ผลักนางออกไปหรือลุกขึ้น ราวกับว่าเพลิดเพลินมาก
“ให้ตายเถอะ ข้าดูผิดท่านไปแล้วจริงๆ!” โม่หลานคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มีดใหญ่ในมือฟันเข้ามา
ทันทีที่จี้อวี๋ฟันมีดมา ก็รีบดึงโม่ฉือชิงหลบไปด้านข้างทันที แต่โต๊ะตรงหน้าพวกเขาในเมื่อครู่นั้นกลับถูกโม่หลานฟันเป็นสองท่อน
โม่ฉือชิงตกใจมากจนหน้าซีด “โม่หลาน เจ้าฟังคำอธิบายของข้า——”
“อธิบายอะไรกัน ฝ่าบาททรงบอกแล้วว่าจะพระราชทานงานแต่งให้ท่านกับเป่ยจิงจิง ถึงตอนนั้นท่านก็โอบซ้ายโอบขวา!” โม่หลานกัดฟันและทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วจากไปด้วยความโกรธ
โม่ฉือชิงรีบผลักจี้อวี๋ออกไปดึงมือตัวเอง “เพราะเจ้านั่นแหละ ทีนี้โม่หลานคงโกรธมากแน่ ต่อไปหาดนางไม่สนข้าอีกเลย ข้าจะโยนเจ้าลงไปในแม่น้ำเป็นอาหารปลา!”
จี้อวี๋แบะปาก “เฉินอ๋องเจ้าโกรธขนาดทำไม ข้าก็เพื่อช่วยเจ้าไม่ใช่หรือ เงินหนึ่งหมื่นตำลึงที่เจ้าตอบตกลงข้าจะไม่ให้ข้าไม่ได้นะ”
“เจ้ายังมีหน้ามาพูดถึงเรื่องเงินอีก ข้าให้เจ้าช่วย ไม่ได้ให้เจ้าทำให้โม่หลานโกรธ ยังไงเจ้าก็ต้องปลอบโยนคนให้หายโกรธ ไม่งั้นอย่าคิดจะเอาเงินเลย อะไรเจ้าก็จะไม่ได้” โม่ฉือชิงจ้องมองด้วยความโกรธ
เขาสมองเสื่อมไปแล้วจริงๆ ที่มาเชื่อคำพูดบ้าบอนี้ของนังหนูนี่
“ได้ๆ ข้าไปเดียวนี้เลย แต่เมื่อครู่โม่หลานบอกว่า ฝ่าบาทของพวกเจ้าจะพระราชทานงานแต่งให้เจ้า เจ้าจะแต่งกับเป่ยจิงจิงหรือ?” จี้อวี๋ถามกลับ
ที่นี้โม่ฉือชิงอยู่ไม่นิ่งแล้ว “เป็นไปไม่ได้ ข้าจะไม่มีวันแต่งกับเป่ยจิงจิงอย่างแน่นอน ข้าจะเข้าวังเดียวนี้เลย” หลังจากพูดจบ ก็ออกจากประตูไปโดยตรงด้วยความโกรธ
จี้อวี๋ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วจึงค่อยจากไป
โม่หลานในทางนี้หลังออกมาจากจวนเฉินอ๋องก็ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ และแอบด่าโม่ฉือชิงในใจ
ในความเป็นจริงนางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้โกรธมากเช่นนี้ รู้เพียงว่าหน้าออกแน่น หงุดหงิดยิ่งนัก
โม่หลานเดินไปด้วยโกรธไปด้วย ก็บังเอิญเดินผ่านร้านอาวุธของหยุนหลีพอดี ยกเท้าแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเสี่ยวเอ้อในร้านเห็นโม่หลาน เป็นลูกค้าคนสนิท ก็รีบไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น และแนะนำให้นาง
“ข้าดูเอง หยุนหลีล่ะ นางไม่อยู่ในร้านหรือ?” โม่หลานถาม
“เรียนคุณหนูโม่ คุณหนูสี่ของพวกข้าอยู่ในลานหลัง นางกำลังศึกษาอาวุธ ให้บ่าวไปเรียกนางหรือไม่?” เสี่ยวเอ้อถาม
“ไม่ต้อง ข้าไปหานางเอง” โม่หลานยกเท้าแล้วเดินไปที่หลังลาน
ทันทีที่มาถึงในลานก็เห็นหยุนหลีกำลังเอาหวีไว้แล้วมอง “ท่านลุง ท่านคิดอย่างหากใช้หวีนี้ทำเป็นอาวุธจะเป็นอย่างไร?”
เสวี่ยเชียนโฉวทำหน้าเอาใจแล้วอ่อนโยน “หากเจ้าคิดว่ามันดี งั้นมันก็ดี”
“โอ๊ย ข้าบอกอะไรท่านก็บอกว่าดี ข้าอยากถามความคิดเห็นท่าน” หยุนหลีโต้กลับ
“ความคิดเห็นของเจ้า ก็คือความคิดเห็นของข้า เจ้าว่ามันได้ก็วางใจไปลองทำดู ข้าล้วนสนับสนุนเจ้าหมด” เสวี่ยเชียนโฉวตอบ
หยุนหลีพอใจอย่างยิ่ง “ท่านลุง ทำไมข้ารู้สึกว่าช่วงนี้ท่านพูดเก่งอยู่เรื่อยขึ้นเลย ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อข้าไปหรือเปล่า”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าสาบานกับฟ้าเลยว่า ชาตินี้ข้าจะไม่ทำสิ่งที่ผิดที่เจ้าอย่างแน่นอน” เสวี่ยเชียนโฉวกล่าวอย่างเคร่งขรึมมาก
“ข้าแค่ล้อเล่น ท่านไม่ต้องจริงจังขนาดนี้”
“เรื่องของเจ้า ข้าก็ต้องจริงจังอยู่แล้ว ช่วงนี้ข้าฝึกทรงใหม่มา ข้าหวีให้เจ้า” เสวี่ยเชียนโฉวเสนอ
“ได้สิ!” หยุนหลียื่นหวีในมือให้ทันที
เสวี่ยเชียนโฉวรับหวีมา และหวีผมให้นางอย่างระมัดระวัง นิ้วที่เรียวงามไล้ไปตามเส้นผมที่ดำเหมือนหมึกของนาง ท่าทางอ่อนโยนยิ่งนัก
แต่เดิมหยุนหลีที่อยากจะมาบ่นให้โม่หลานฟัง จู่ๆก็ถูกคนอวดให้เห็นความรัก รู้สึกท้อยิ่งนัก ยังไม่ทันเรียกคำว่าหยุนหลี ก็หันหลังและจากไปเลย
มุมปากของเสวี่ยเชียนโฉวยกขึ้นสูง ตั้งแต่วินาทีที่โม่หลานเข้ามาเขาก็รู้แล้ว คุณหนูโม่นั้นเหมือนกับหยุนหลีนังหนูนี่ยิ่งนัก ล้วนเป็นคนที่สะเพร่า แต่ตัวเองกลับโชคดีกว่าเฉินอ๋องไปเยอะเลย
อย่าน้อยนังหนูนี้ ยังพึ่งตัวเองมาก
ทางนี่ จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงได้รับจดหมายจากชางหลันเย่และเป่ยหมิงฉี่ มองดูจดหมายที่ทั้งสองเขียนกลับมา หยุนถิงก็ครุ่นคิดอย่างหนัก
“ท่านพี่ คนที่ลักพาตัวซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อยในครั้งที่แล้วอยู่ไหน?”
“สนามสุกรทางเขตตะวันออก ทำไมถึงคิดถามเขาขึ้นมาได้” จวินหย่วนโยวตอบ
“ข้าคิดว่าคนคนนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับเขตทะเลนิรนาม ข้าอยากไปพบเขาดู” หยุนถิงกล่าว
“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”
ที่สนามสุกรทางเขตตะวันออก เห็นวี่อู๋เสียอีกครั้งก็ไม่ได้มีความเย่อหยิ่ง ชั่วร้าย และโกรธเกรี้ยวเหมือนในตอนแรก เขาในตอนนี้นอนอยู่มุมหนึ่งในเล้าหมู เสื้อผ้าสกปรก ผมยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยขี้หมู หมูกลุ่มหนึ่งกำลังเหยียบเขา ทำเอาเขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
เพียงแต่ว่าเสียงนั้นอ่อนแอและแหบแห้ง เหมือนดั่งแมลงวัน ซึ่งสามารถจินตนาการได้ว่าในช่วงนี้คนคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง
เมื่อเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว วี่อู๋เสียก็เหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต “จวินหย่วนโยว หยุนถิง ช่วยข้าด้วย ข้ารู้ผิดแล้ว พวกเจ้ายกโทษให้ข้าด้วย ข้าอยู่ในนี้ตายทั้งเป็นยิ่งนัก!”
ขณะที่เขาพูด ก็ผลักหมูข้างๆ ออกไปอย่างแรง
“ข้าไม่มีวันปล่อยเสือเข้าป่า หากใครก็ตามที่กล้าทำร้ายลูกชายและลูกสาวของข้า ข้าย่อมมีวิธีมากมายที่ทำให้เขาตายทั้งเป็น!” จวินหย่วนโยวพูดด้วยความโกรธ
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไปแล้วจริงๆ จวินหย่วนโยวได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ เงื่อนไขขึ้นอยู่กับเจ้า ขอแค่เจ้าปล่อยข้าออกไปจากฝูงหมูพวกนี้!” วี่อู๋เสียร้องขออย่างน่าสังเวช
ดวงตาแสนสวยของหยุนถิงหรี่ลง หันมองเขา “เจ้าเป็นคนของเขตทะเลนิรนาม!”
ดวงตาของวี่อู๋เสียเบิกกว้างทันที ตกตะลึงและประหลาดใจมาก “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
คำหนึ่งคำ เปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา
“ที่พวกเจ้ามีคนที่เลี้ยงกู่หรือไม่ ขอแค่เจ้าบอกมาอย่างชัดเจน ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป” หยุนถิงเสนอเงื่อนไขออกมา