จอมนางข้ามพิภพ - บทที่853 ข้าเจ็บมาก
จอมนางข้ามพิภพ บทที่853 ข้าเจ็บมาก
“ขอรับ!” หลิงเฟิงรีบวิ่งมาทันที
“ท่านพี่ไม่ได้ เด็กเล่นกันแย่งของกินเป็นเรื่องปกติมาก ด่าว่าไม่กี่คำก็พอแล้ว ท่านทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาตกใจกลัว อีกอย่างหลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยก็จะสั่งสอนลูกเอง ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าเข้าไปยุ่ง!” หยุนถิงพูดห้ามทันที
“จวินซื่อจื่อโปรดให้ความเมตตาด้วย ข้าจะสั่งสอนเจ้าหนูนี้ให้ดีๆเลย ไม่ให้เขาแย่งของของซื่อจื่อน้อยอีกต่อไป” หลู่อ๋องพูดและตบหน้าหยวนเป่าทันที
วิธีการของจวินซื่อจื่อ ทั่วทั้งสี่แคว้นไม่มีใครไม่รู้ หากให้เขาลงมือจริง หยวนเป่าคงต้องตายแน่เลย ตัวเองออกมือก่อน ก็ยังสามารถช่วยชีวิตลูกชายไว้ได้
“อ๊าก เสด็จพ่อท่านตีข้า ฮือฮือ ข้าไม่ชอบท่านอีกต่อไปแล้ว” หยวนเป่าร้องไห้ในทันที
“ไอ้หนูตัวแสบกล้าทำซื่อจื่อน้อยร้องไห้ ยังไม่รีบขอโทษอีก!” หลู่อ๋องคำรามด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ขอโทษ ข้าจะไม่ขอโทษ” หยวนเป่าเอียงหัวอย่างเย่อหยิ่ง
หลู่หวางเฟยตกใจกลัวจนสีหน้าซีดลง และนางรีบวิงวอน “หยวนเป่าห้ามพูดอีก ซื่อจื่อเฟยได้โปรดไว้ชีวิตด้วย เป็นเพราะหยวนเป่าไม่รู้เรื่อง หม่อมฉันขอโทษแทนเขา เป็นเพราะข้าสั่งสอนไม่ดีเอง”
เป่ยตันเสวี่ยที่อยู่ไม่ไกลเห็นฉากนี้ ดวงตาแสนสวยนั้นก็ฉายความพึงพอใจ
ให้พวกเจ้าสองคนไปเป็นคนประจบสอพลอ ประจบสอพลอผิดที่แล้วสินะ ความเย่อหยิ่งในเมื่อคู่นั้นไปไหนแล้ว ตอนนี้ขี้ขลาดอย่างกับอะไร สมน้ำหน้า
โม่เหลิ่งเหยียนมองดูจวินเสี่ยวเหยียนอย่างไม่น่าเชื่อ คิดไม่ถึงว่านังหนูน้อยคนหนึ่งจะควบคุมหนอนกู่ได้ ทำให้เขาตกตะลึงและประหลาดใจยิ่งนัก
“หลู่อ๋องเจ้าหยุดตีลูกได้แล้ว หลู่หวางเฟยก็ไม่ต้องตำหนิเขาแล้ว มันเป็นการทะเลาะกันระหว่างเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เด็ก ๆ ร้องไห้และตีกัน ไม่แน่สักพักพวกเขาก็อาจคืนดีกันแล้วก็ได้ หัวเราะและเล่นด้วยกันต่อ พวกเจ้าอย่าได้กดดันลูกเลย ซื่อจื่อก็ไม่ทำอะไรเด็กแน่นอน ไว้ใจได้” หยุนถิงพูดปลอบโยน
เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ หลู่อ๋องรีบหยุดมือ และหันมองลูกชาย “พ่อขอโทษนะลูก พ่อตีเจ้าจนเจ็บมากเลยสินะ?”
“เสด็จแม่ ข้าเจ็บมากเลย” หยวนเป่ามองดูหลู่หวางเฟยอย่างน้อยใจ
หลู่หวางเฟยก็หันมองมาทันที “แม่เป่าให้เจ้านะ หยวนเป่าของแม่เด็กดีที่สุดแล้ว อย่าร้องไห้ โทษพ่อเจ้าแท้ๆไม่รู้จักเบาหน่อย แม่ตีเขาเดี๋ยวนี้เลย” พูดแล้วก็ตีหลู่อ๋องไปสองสามที
หยุนถิงทนดูไม่ได้เล็กน้อย แม้ว่าจะได้ลูกในยามแก่แต่ตามใจเช่นนี้ มีแต่จะเลี้ยงให้เด็กกลายเป็นคนที่แย่ลง
หยุนถิงไม่พูดอะไร แต่มองไปที่เสี่ยวเหยียน “เสี่ยวเหยียน ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว อยู่ข้างนอกอย่าอวดหนอนกู่ของเจ้า เมื่อครู่เจ้าอยากให้หนอนกู่กัดหยวนเป่า ซึ่งนี่มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเลย
หนอนกู่เหล่านั้นต่างก็มีพิษร้ายแรง หากหยวนเป่าถูกกัด ก็จะพิษกำเริบแล้วตาย นั่นก็หมายความว่าเจ้าฆ่าหยวนเป่าไป ข้าให้เจ้าฝึกหนอนกู่ ก็เพื่อให้เจ้ามีความสามารถในการปกป้องตัวเอง ไม่ใช่ให้เจ้าใช่หนอนกู่มา
หยวนเป่าก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง แม้เขาจะทำผิดที่ไปแย่งกิ่งไม้ของเสี่ยวเทียน แต่ด่าว่าเพียงไม่กี่คำก็พอแล้ว ใช้หนอนกู่ไม่ได้
ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ต่อให้จะเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้ หากถูกผู้ที่คิดไม่ดีเห็นเข้าละก็ เช่นนั้นคนร้ายก็จะคิดกลอุบายกับเจ้า
อีกอย่างเจ้าอยากได้ของ หลังถามพี่ชายแล้ว พี่ชายไม่ให้เจ้า เช่นนั้นเจ้าห้ามขออีก สามารถไปหาเองหรือหาวิธีไปแลกเปลี่ยนได้
จะไปพัวพันไม่ได้ คนอื่นไม่ตอบตกลงก็ยังขอต่อเช่นนี้มันไม่ถูก ดังนั้นวันนี้เจ้าก็มีความผิด ไปทำท่านั่งม้า! ”
จวินเสี่ยวเหยียนมองดูหยุนถิงอย่างน้อยใจ “ท่านแม่ข้ารู้ผิดแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก ไม่ทำท่านั่งม้าได้หรือไม่ มันเหนื่อยมากเลย?”
“ไม่ได้ ทำผิดก็ต้องรับผลที่ตามมา โชคดีที่วันนี้เจ้าไม่ได้ก่อเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้น แต่ถ้าหากหยวนเป่าถูกหนอนกู่กัดตาย ก็ไม่ใช่แค่ทำท่านั่งม้าแล้ว เช่นนั้นต้องชดใช้ชีวิต!” หยุนถิงทำเสียงเชอะ เสียงที่โอ่อ่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถิงเอ๋อร์——” จวินหย่วนโยวอยากร้องขอความเมตตา
“ร้องขอความเมตตาก็ไม่ได้ เด็กก็เหมือนต้นไม้ต้นเล็กๆ ตอนเด็กๆก็ต้องตัดดูแลให้ดี หากไม่ตั้งกฎให้ตั้งแต่เด็ก และสอนให้แยกแยะถูกผิด โตขึ้นยังจะได้หรือ แม่ที่ตามใจลูกมากลูกมักจะไม่ได้เรื่อง พ่อที่ตามใจลูกเหมือนกัน!” หยุนถิงพูดอย่างเย็นชา
พ่อบ้านอยากจะพูดอะไร แต่หันมองสีหน้าของซื่อจื่อเฟย ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
จวินเสี่ยวเหยียนมองดูแม้ด้วยความคับแค้นใจ จากนั้นก็มองไปที่พ่อ ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ จากนั้นก็ร้องไห้เสียงดังทันที
พ่อบ้านกับหลิงเฟิงและคนอื่นอยากก้าวไปข้างหน้า แต่กลับถูกหยุนถิงห้ามเอาไว้ด้วยสายตาที่เฉียบคม
หลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยที่อยู่ข้างๆเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารยิ่งนัก อยากจะร้องขอความเมตตาแต่ก็ไม่กล้า ลังเลยิ่งนัก
จวินเสี่ยวเหยียนร้องไห้ไปสักพัก เห็นไม่มีคนสนใจนาง สุดท้ายก็ไปทำท่านั่งม้าอย่างเชื่อฟัง
เมื่อจวินเสี่ยวเทียนเห็นน้องสาวเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองเกินไปในทันที “ท่านแม่ เมื่อครู่เป็นความผิดของข้าเอง ข้าควรเอากิ่งไม้ให้น้อง ท่านอย่าโทษนางเลย”
“เจ้าไม่ผิด ในเมื่อกิ่งไม้นี้เจ้าเป็นคนเก็บได้ เช่นนั้นมันก็เป็นของของเจ้า เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ ไม่อยากให้ก็ปฏิเสธได้ เช่นนี้ไม่ผิด” หยุนถิงตอบ
นางจะไม่หาว่าเขาไม่ถูก สั่งสอนเขา ที่เสี่ยวเทียนไม่ได้ให้น้อง ไม่แบ่งปันไม่ได้ผิด เขามีสิทธิ์ปฏิเสธ
“ไปกันเถอะ พวกข้าไปกินเนื้อย่าง” หยุนถิงดึงจวินเสี่ยวเทียนและจากไป
แม้จวินหย่วนโยวจะรู้สึกสงสารจวินเสี่ยวเหยียน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อคนหนึ่งสอนเด็ก อีกคนก็ไม่สามารถเข้าข้างเด็กและพูดแทรกได้ มิฉะนั้นจะเอาแต่ทำให้เด็กรู้สึกว่าร้องไห้ก็มีคนปกป้อง ต่อไปก็ไม่มีใครสั่งสอนนางได้แล้ว
แม้ว่าเขาจะสงสารลูก แต่เพื่อลูก ก็เลือกที่จะอยู่อย่างเงียบๆ
หลู่หวางเฟยที่อยู่ข้างๆ สงสารจนหลั่งน้ำตา ซื่อจื่อเฟยกับจวินซื่อจื่อเป็นคนยั่งใด ผู้ที่มี อิทธิพลเต็มไปทั่วทั้งสี่แคว้น ร้านค้าและธุรกิจของซื่อจื่อเฟยล้วนมีอยู่ในสี่แคว้น มีเงินเข้าเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ภูมิหลังและความสามารถเช่นนี้ต่อให้ในอนาคตเด็กสองคนไม่ได้เรื่อง ลูกที่ล้างผลาญพ่อแม่ เกรงว่าต่อให้ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปหลายสิบชาติก็ใช้ไม่หมดอย่างแน่นอน
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปรนเปรอลูกๆเยี่ยงตัวเองกับหลู่อ๋องเช่นนี้ แต่กลับวิเคราะห์ถูกผิดให้พวกเขา ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ต่อให้จวินซื่อจื่อขอความเมตตาก็ไม่ได้ผล ซื่อจื่อเฟยที่เป็นเช่นนี้ทำให้หลู่หวางเฟยรู้สึกนับถือยิ่งนัก
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หล่อนสามารถทำให้จวินซื่อจื่อโปรดปรานเพียงหล่อนผู้เดียวได้ สามารถทำให้ฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงด้วยตนเอง และมีผู้ติดตามเยอะขนาดนี้ เพียงแค่ที่หล่อนรักลูกๆมากแต่กลับไม่ปรนเปรอลูกๆ สอนถูกและผิดให้พวกเขา นางรู้สึกสู้ไม่ได้จนยิ่งนัก
หลู่อ๋องก็ทำหน้าเขินอาย และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาและสับสนยิ่งนัก เขากลับเทียบผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้
เมื่อกี้หยวนเป่าที่รู้สึกคับแค้นใจอยู่นั้น จวินเสี่ยวเหยียนถูกลงโทษ ร้องไห้ก็จะต้องทำท่านั่งม้า ก็รู้สึกสงสารในทันที
เขาวิ่งไปหาจวินเสี่ยวเทียน “เมื่อกี้ ข้าขอโทษ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรแย่งกิ่งไม้เจ้า”
หลังจากที่เขาพูดจบ ก็หันหลังกลับและวิ่งไปที่ด้านข้างของจวินเสี่ยวเหยียน และทำท่านั่งม้ากับนาง “ข้าขอโทษ น้องสาว ข้าทำให้เจ้าต้องถูกลงโทษ ข้าทำเป็นเพื่อนเจ้า!”
เมื่อเห็นฉากนี้ หลู่หวางเฟยก็น้ำตาไหลทันที ปลื้มใจและสะเทือนใจ
หยวนเป่าของนางนิสัยโอหังและหยิ่งยโสมาตั้งแต่เด็ก ล้วนเป็นเพราะนางกับหลู่อ๋องเอาใจแท้ๆ ต่อให้เขาทำผิดก็ไม่เคยยอมรับ แถมยังหาข้ออ้างและข้อแก้ตัวมาอ้าง ตอนนี้เห็นลูกชายยอมรับผิดอย่างจริงจัง แถมยังเต็มใจที่จะรับโทษ หลู่หวางเฟยปลื้มใจยิ่งนัก
หลู่อ๋องก็ยิ่งตื่นเต้นมากจนร้องไห้เสียงดัง “ซื่อจื่อเฟย ขอบคุณซื่อจื่อเฟย ลูกของข้ารู้ผิดแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโตนี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับว่าตัวเองผิด”?