จอมนางข้ามพิภพ - บทที่857 เจ้าชอบจริงหรือเห็นอกเห็นใจ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่857 เจ้าชอบจริงหรือเห็นอกเห็นใจ
“ท่านพ่อ ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าไม่พอใจ!” เก๋อฉีกล่าวอย่างไม่พอใจ
“น้องสาว เจ้าอย่าได้พูดอีกเลย ครั้งนี้เจ้าเป็นคนผิดจริง” เก๋อจี้หลินพูดพร้อมกับดึงเก๋อฉีออกไป
เจ้าบ้านเก๋อมองดูหงหลิงที่บาดเจ็บสาหัส “พ่อบ้าน เจ้าให้คนไปเชิญหมอ! ทำความสะอาดเรือนกล้วยไม้ ต่อไปคุณหนูรองก็อาศัยอยู่ในนั้น ของกินเครื่องนุ่งห่มต่างๆล้วนให้เทียบเท่ากับฉีเอ๋อร์ ห้ามละเลยเด็ดขาด!”
“ขอรับ!” พ่อบ้านไปทำทันที
ใครจะไปนึกว่าลูกสาวนอกสมรสที่ไม่เป็นที่ชอบของทุกคนนั้น กลับจะได้แต่งงานกับคุณชายห้าของจวนตระกูลหยุน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการถูกยกระดับขึ้นมาเป็นคนที่มีฐานะที่สูงขึ้นในทันทีทันใดเลย
ทัศนคติของพ่อบ้านแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เคารพยิ่งนัก จากนี้ไปคุณหนูรองก็จะเป็นผู้มีฐานะสูงของตระกูลเก๋อแล้ว
ในลานขนาดใหญ่ เหลือเพียงเจ้าบ้านเก๋อกับหงหลิง
เมื่อเห็นนางยืนอยู่ตรงนั้นตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด ในขณะนี้เจ้าบ้านเก๋อจึงค่อยพบว่านางผอมยิ่งนัก
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ลำบากเจ้าแล้ว พ่อผิดต่อพวกเจ้าสองแม่ลูกเอง ตอนนี้เจ้าจะแต่งเข้าตระกูลหยุน พ่อแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย
เจ้าไว้ใจ สินเดิมของเจ้าพ่อจะเตรียมให้เจ้าด้วยตนเองเลย ไม่แย่กว่าของฉีเอ๋อร์อย่างแน่นอน ข้าจะให้เจ้าออกเรือนในฐานะคุณหนูรองของตระกูลเก๋อ
ไปถึงตระกูลหยุนทำเรื่องอะไรก็ต้องคอยระมัดระวัง จวนตระกูลหยุนเป็นตระกูลที่ใหญ่ ทำอะไรก็อย่าได้ใช้อารมณ์ ทุกอย่างทำตามความชอบของคุณชายห้าและยิ่งห้ามขัดแย้งกับซื่อจื่อเฟย” เจ้าบ้านเก๋อกำชับ
หงหลิงทนความเจ็บปวดและยืนขึ้นจากพื้น เช็ดเลือดบนมุมปาก “หากวันนี้คุณชายห้าไม่ได้มาเยือน ท่านพ่อก็คงฟังของพี่ใหญ่ เอาข้าแต่งให้กับคนขับรถม้า?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว เจ้าเป็นลูกสาวข้า แม้ว่าหลายปีมานี้ข้าจะละเลยต่อเจ้าก็จริง แต่จะแต่งให้กับคนขับรถม้าคนหนึ่งได้อย่างไร เขาไม่คู่ควร!” เจ้าบ้านเก๋อไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นางพูดในทันที
มุมปากของหงหลิงมีความประชดประชัน “จะใช่หรือไม่ใช่ ท่านพ่อรู้แก่ใจดี”
หลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้ นางก็เดินกะโผลกกะเผลกไปที่ลานหลังทันที
เมื่อมองดูแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวและดื้อรั้นของนาง เจ้าบ้านเก๋อก็ถอนหายใจอย่างแรง
ตั้งแต่แม่ของนางจากไป เจ้าบ้านเก๋อก็ละเลยต่อหงหลิงจริง รู้นิสัยใจคอของฉีเอ๋อร์ และรู้ว่าหงหลิงถูกรังแก แต่เนื่องจากพิจารณาถึงอิทธิพลของฝ่ายพ่อแม่ของภรรยา เขาก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะปกป้องชีวิตนางได้ หากตัวเองเข้าข้างหงหลิง ภรรยาเขาคงไม่ให้นางมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้แน่
ตอนนี้เห็นนางกับคุณชายห้าของตระกูลหยุนรักกันเช่นนี้ เจ้าบ้านเก๋อก็ปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ด้านนี่ หยุนถิงและคนอื่น ๆ นั่งรถม้ากลับไป
บนในรถม้า หยุนห้ารู้สึกตื่นเต้นมาก “น้องสาว ครั้งนี้ขอบคุณที่เจ้าช่วยข้า หากไม่ใช่เป็นเพราะพวกเจ้าไปได้ทันเวลาพอดี ยังไม่รู้เลยว่าหงหลิงจะต้องถูกทุกข์ทรมานเยี่ยงไร”
“พี่ห้าไม่ต้องเกรงใจ พวกข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อเป็นผู้หญิงที่เจ้ารัก ข้าก็ต้องช่วยอยู่แล้ว แต่ข้าอยากรู้ว่า เจ้ากับนางรู้จักกันได้อย่างไร อยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่?” หยุนถิงมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในบรรดาเด็กหลายคนในตระกูลหยุน มีเพียงหยุนห้าเท่านั้นที่ชอบวรรณกรรมการเขียนและวาดภาพ อ่านหนังสือและแต่งบทกวี ดังนั้นจึงไม่ได้มีการไปมาหาสู่อะไรกับนางคุณหนูหยุนผู้ที่โอหังและหยิ่งยโสนี้
เพียงแต่ว่าปกติที่เขาไปนั้นต่างก็เป็นสถานศึกษาหรือพวกสถานการเรียนส่วนตัว จะไปรู้จักลูกสาวนอกสมรสของตระกูลเก๋อได้อย่างไร?
“ข้ารู้จักกับหงหลิงเมื่อฤดูหนาวที่แล้ว ตอนนั้นข้ากำลังอ่านดอกเหมยแดงบทกวีโบราณ ก็คิดว่าตอนนั้นเป็นฤดูหนาว และสามารถชื่นชมความงามของดอกท้อพอดี
จากนั้นข้าไปที่ป่าดอกท้อนอกเมือง ก็พบหงหลิงที่ร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ ตอนนั้นเสื้อของนางเต็มไปด้วยคราบเลือดได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้วยความใจดี ข้าจึงก้าวไปถาม แต่นางกลับปฏิเสธความช่วยเหลือจากข้า เพียงแค่บอกว่าให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนนางสักหน่อย เพราะบนผืนแผ่นดินนี้นางไม่มมีแม้แต่ผู้ที่สามารถพูดคุยได้
ข้ารู้สึกว่านางน่าสงสารมาก จึงตอบตกลง นางเล่าประวัติ สิ่งที่นางประสบมา และเรื่องที่คนในบ้านทรมานนาง ฟังจนข้ารู้สึกสงสารนางมาก
แต่นางไม่ยอมให้ข้าเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง ด้วยความสงสารตั้งแต่นั้นมา ข้ามักไปที่ป่าชานเมืองไปพูดคุยเป็นเพื่อนนาง
ไปๆมาๆ พวกข้าก็สนิทกันแล้ว ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะมีฐานะยากจน และชีวิตที่ลำบากเช่นนี้
นางไม่เคยบ่นถึงความไม่อยุติธรรมของโชคชะตา แต่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเหมือนดอกท้อในฤดูหนาว ยิ่งสถานการณ์ยากลำบากเพียงใดนางก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใด
นางในแบบนี้ ทำให้ข้าชื่นชม และทำให้ข้ารู้สึกสงสาร ดังนั้นข้าจึงอยากทำดีกับนางเท่าที่ข้าทำได้ พานางออกมาจากตระกูลเก๋อ” หยุนห้าเล่าเรื่องที่เขากับหงหลิงอยู่ด้วยกันออกมา
หยุนถิงมองเขาอย่างจริงจัง “พี่ห้า เจ้าแน่ใจนะว่าตัวเองชอบนาง แต่ไม่ใช่เห็นอกเห็นใจสงสารนาง?”
สีหน้าของหยุนห้าดูไม่ค่อยดี “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“พี่ห้า อย่าเข้าใจผิด เพราะนี่คือความสุขชั่วชีวิตของเจ้า ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าเอาให้แน่ชัดว่าตัวเองชอบหงหลิงจริงหรือไม่” หยุนถิงอธิบาย
“ข้าชอบจริง ในชีวิตนี้นอกจากนาง ข้าจะไม่ยอมแต่งกับหญิงอื่น” หยุนห้าพูดอย่างเคร่งขรึม
หยุนถิงเห็นเช่นนี้ ก็ไม่พูดอะไรอีก และรถม้าก็ขับไปจนถึงจวนซื่อจื่อ
นับตั้งแต่เด็กทั้งสองย้ายกลับไปที่จวนซื่อจื่อ หยุนเฉิงเซี่ยงก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่จวนซื่อจื่อเลย
เขาอยู่ที่จวนตระกูลหยุนสองสามวัน จากนั้นก็มาอยู่ที่จวนซื่อจื่อสองสามวัน ดูลูกของลูกชายและดูลูกของลูกสาว ชีวิตในวัยชราของหยุนเฉิงเซี่ยงบอกได้ว่ามีความสุขยิ่งนัก
เป็นไงล่ะ วันนี้หยุนเฉิงเซี่ยงก็พักอยู่ที่จวนซื่อจื่อพอดีเลย ขณะนี้กำลังปลอบเด็กๆอยู่ในลาน
หยุนถิงและคนอื่นๆ กลับมา หยุนห้าเห็นพ่อของตัวเอง ก็คุกเข่าลงบนพื้น “พ่อ ลูกมีหญิงสาวที่ชอบอยู่คนหนึ่ง ในชีวิตนี้นอกจากนาง ข้าจะไม่แต่งงานกับหญิงอื่น ข้าได้พาถิงเอ๋อร์ไปพบนางแล้ว พ่อได้โปรดทำให้ลูกได้สมหวังด้วย”
หยุนเฉิงเซี่ยงตกตะลึง “เจ้าห้า เหตุใดเจ้าถึงได้กำหนดเรื่องแต่งงานด้วยตนเองอย่างไม่บอกใครเช่นนี้ ให้ข้าตั้งสติก่อน”
“พี่ห้าเจ้าลุกขึ้นก่อน เจ้าบอกเรื่องระหว่างเจ้ากับหงหลิงให้พ่อฟังดีๆก่อน จู่ๆเจ้าก็ทำเช่นนี้พ่อนะถูกใจทำเอาตกใจไปหมดเลย” หยุนถิงยื่นมือของเขาลุกขึ้น
หยุนห้าก็รู้สึกว่าตัวเองกะทันหันเกินไป จึงรีบเล่าให้หยุนเฉิงเซี่ยงฟัง
“ท่านแม่ ข้าอยากกินลูกอม!” จวินเสี่ยวเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก
“ได้ แม่พาเจ้าไปเอา!” หยุนถิงเอื้อมมือไปอุ้มลูกสาวแล้วจากไป
“ท่านพ่อ เล่นกับข้า ข้าอยากกินเนื้อย่าง” จวินเสี่ยวเทียนพูดกับจวินหย่วนโยว
จวินหย่วนโยวยิ้มพยักหน้า “ได้ พ่อบ้าน กลางคืนไปเตรียมย่างเนื้อ”
“ได้เลยขอรับ” พ่อบ้านไปทันที
หยุนถิงส่งสายตา หลงเอ้อก็ตามไปอย่างรวดเร็ว ในห้อง หลงเอ้อถามทันที “ซื่อจื่อเฟยมีเรื่องใด?”
“เจ้าไปสืบเบื้องลึกหงหลิงทันที ทุกอย่างระหว่างนางกับพี่ห้า” หยุนถิงกล่าว
“ขอรับ ซื่อจื่อเฟยท่านไม่ชอบหงหลิงหรือ?” หลงเอ้อถามกลับ
“ทำไมถามเช่นนี้?”
“ตามอารมณ์ของท่าน หงหลิงกับคุณชายห้าต่างก็รักกัน ท่านก็คงต้องไปสู่ขอหรือแย่งคนโดยตรงเลย เจ้าบ้านเก๋อนั้นไม่กล้าพูดอะไรอย่างแน่นอน
แต่ท่านกลับพาคุณชายห้ากลับมา เมื่อครู่ตอนอยู่บนรถม้าข้าถามไม่ลง ซื่อจื่อเฟยท่านรู้สึกว่าหงหลิงผิดปกติใช่หรือไม่? ” หลงเอ้อถามความสงสัยในใจออกมา
“ข้าก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน เพียงรู้ว่าหงหลิงนี้ไม่ได้ดูเหมือนภายนอกเลย พี่ห้าออกไปดูดอกท้อก็เจอนางพอดี หวังว่าจะเป็นข้าที่คิดมากไป” หยุนถิงตอบ
“ซื่อจื่อเฟยไม่ต้องกังวล ข้าจะไปสืบเดี๋ยวนี้เลย” หลงเอ้อจากไปทันที