จอมนางข้ามพิภพ - บทที่866 ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่866 ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า
“ชางหยุนสี่ โอ้ ไม่ แม่ทูลหัว ข้าผิดไปแล้ว มือเจ้าห้ามสั่นนะ ข้ายังมีชีวิตอยู่ไม่พอเลย!” อ๋องเก้าร้องขอความเมตตาทันที
“ไอ้สารเลว ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลย!” ชางหยุนสี่ทีบและเตะอ๋องเก้า
เสียงร้องโหยหวนของอ๋องเก้า ดังก้องไปทั่วชายหาดนอกเมือง
และที่นี่ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวตามจิ่งไป๋ไปที่จวนเจ้าเมือง ก็เห็นองครักษ์กำลังแจกจ่ายสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีพให้กับทุกคน และประชาชนที่ได้รับต่างก็ดีใจยิ่งนัก
พวกเขาเป็นเพียงเมืองเล็กๆในเขตทะเล สิ่งที่พวกเขากินและดื่มล้วนเป็นปลา กุ้ง และอาหารทะเล จู่ๆก็เห็นขนมและร้านเนื้อ ชุดสวย รองเท้าและหมวกสวยๆ ต่างก็ตื่นเต้นและโห่ร้องยินดี
“นั่นคือบุคคลที่ซวนอ๋องส่งมา แจกจ่ายสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีพให้ทุกคนในช่วงต้นเดือนและกลางเดือน ปกติก็ไม่มีร้านค้า รับผิดชอบความต้องการในชีวิตประจำวันของประชาชนโดยเฉพาะ” จิ่งไป๋อธิบาย
“อืม ทำได้ดีมาก” หยุนถิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
โม่เหลิ่งเหยียนทำงาน นางไว้วางใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาเดินเข้าไปที่ห้องรับรองของจวนเจ้าเมือง วี่รั่วฉิงกำลังนอนอยู่บนเตียง หน้าซีดและอ่อนแอ สถานการณ์ดูแย่มาก
“นางเป็นอะไรไป?” หยุนถิงรีบเดินเข้าไปช่วยนางจับชีพจร
“เรียนซื่อจื่อเฟย คนของพวกข้าขนส่งสิ่งของมา ก็เห็นคนลอยอยู่ในทะเลพอดี จึงช่วยนางเอาไว้ ตอนนั้นในมือของนางถือไม้ท่อนใหญ่ไว้ ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ
หลังช่วยนางเอาไว้ อาการของนางก็ไม่เห็นดีขึ้นเลย ทุกวันนี้ก็พึ่งซุปยารั้งชีวิตของนางเอาไว้ แม้ว่าคนบนเกาะที่เป็นทักษะทางการแพทย์ตรวจดูให้นางหมดแล้วก็ไม่มีวิธี แต่โชคดีที่ซื่อจื่อเฟยมาแล้ว ตอนนี้นางรอดแล้ว” จิ่งไป๋เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นวี่รั่วฉิง จิ่งไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะนับถือนาง ผู้หญิงคนหนึ่งลอยอยู่ในทะเลมาหลายวันก็ไม่ตาย ซึ่งให้เห็นได้ชัดว่าความปรารถนาที่จะอยู่รอดนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
หยุนถิงฟังและช่วยวี่รั่วฉิงตรวจชีพจอย่างละเอียด “นางแช่อยู่ในทะเลนานเกินไป และไม่ได้กินของไปหลายวัน จึงขาดน้ำ และน้ำทะเลในตอนกลางคืนก็เย็นมาก นางสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์ยิ่งแล้ว พวกเจ้าออกไป ข้าจะรักษานาง”
“ขอรับ!” จิ่งไป๋พาคนอื่นๆ ออกไปทันที และถือโอกาสปิดประตู
หยุนถิงนำน้ำเกลือออกจากมิติทันทีและให้น้ำเกลือนาง และนำสารอาหารเหลวสองหลอดออกมาป้อนให้นาง
“นางเป็นลูกสาวของฮูหยินเจ้าทะเล ทำไมต้องช่วยนางด้วย?” จวินหย่วนโยวทำเสียงเชอะเบาๆ
เซียวหรูซื่อทำให้แม่ของหยุนถิงต้องทุกข์ทรมานยิ่งนั้น ทรมาน และสังหารคนในตระกูลฝ่ายแม่นาง น่าเคียดแค้นยิ่งนัก
จวินหย่วนโยวทนไว้ไม่นำวี่รั่วฉิงโยนออกไปก็ถือว่าดีมากแล้ว ลูกสาวของนางก็ไม่ใช่คนดีอะไร
“ข้าต้องการให้นางช่วยข้าชี้ตัวเซียวหลัน พวกข้าสามารถถล่มเกาะเทียนหลงได้โดยตรง แต่คนอื่นๆที่อยู่บนเกาะก็ไม่ได้มีความผิดอะไร กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา ข้าต้องให้เซียวหลันตายอย่างเข้าใจ กล้าแตะต้องลูกของข้าจะไม่มีวันปล่อยหล่อนไป!” หยุนถิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“ได้ ถิงเอ๋อร์บอกว่าทำอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น” จวินหย่วนโยวเอื้อมมือมา และตบไหล่หยุนถิงเบาๆ ส่งสัญญาณให้นางสบายใจ
หยุนถิงตรวจสอบให้วี่รั่วฉิงอีกครั้ง จากนั้นก็เรียกหมอบนเกาะมา และกำชับเขาว่าต้องทำอย่างไร จากนั้นจึงค่อยจากไป
ด้านนอก ม่อเซิงและคนอื่นๆ กำลังรออยู่นอกลาน เพื่อรายงานเรื่องช่วงนี้ที่เกิดขึ้นในเขตทะเลนิรนามให้กับจวินหย่วนโยวและหยุนถิง
หยุนถิงฟังแล้วก็พอใจมาก “ม่อเซิง จิ่งไป๋ช่วงนี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว สมกับเป็นคนที่ข้าสอนออกมาจริงๆเลย ทำอะไรก็แน่วแน่ รอบคอบ ต่อจากนี้ไปเมืองฉือก็มอบให้พวกเจ้าสองคนจัดการแล้ว”
“ซื่อจื่อเฟยจะได้เยี่ยงไร ข้ายังไม่ได้ฝึกตําราพิชัยสงครามกับท่านเลย?” ม่อเซิงรีบพูด
ซื่อจื่อเฟยเป็นผู้ช่วยเขาออกมาจากนรก และให้ชีวิตใหม่แก่เขา ม่อเซิงสาบานว่าทั้งชีวิตนี้จะจงรักภักดีต่อหยุนถิงเพียงผู้เดียว
“ซื่อจื่อเฟยข้าก็ไม่อยากเป็นเจ้าเมือง ข้าก็จะติดตามท่าน แท้จริงแล้วข้ายังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ฝึกกับท่านเลย” จิ่งไป๋พูดคล้อยตาม
หยุนถิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “พวกเจ้าสองคนนะหรือ เสร็จสิ้นการฝึกนานแล้ว เหตุผลที่พาพวกเจ้ามาที่เกาะ ก็เพื่ออยากให้พวกเจ้าได้ฝึกฝนดีๆ พวกเจ้าทำได้ดีมาก สามารถรับภาระด้านหนึ่งแต่ผู้เดียวได้แล้ว”
“พวกข้าอยากติดตามเพียงซื่อจื่อเฟย” ม่อเซิงกับจิ่งไป๋พูดพร้อมกัน
หยุนถิงประทับใจมาก “ดี สมกับเป็นคนที่ข้าฝนออกมาจริงๆเลย ตอนนี้พวกเจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่แหละ รอเขตทะเลนิรนามทั้งหมดเป็นแนวชายฝั่งของพวกข้าให้หมด และอยู่ภายใต้การควบคุมทั้งหมด พวกเจ้าก็กลับมาอยู่ข้ากายข้า”
“ขอรับ!” ม่อเซิงกับจิ่งไป๋พูดอย่างตื่นเต้น
หลังจากที่ทุกคนรายงานเสร็จ หยุนถิงก็หารือเกี่ยวกับแนวชายฝั่งกับทุกคน รวมถึงเรื่องการขนส่งและสินค้า และเมื่องานเสร็จสิ้นฟ้าก็มืดลงแล้ว
ผู้รับผิดชอบหลังครัวโดยเฉพาะนั้นได้เตรียมอาหารไว้แล้ว หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวรับประทานอาหารเส็รจก็ออกไป
“ท่านพี่ ข้าอยากดูว่าตอนนี้เมืองฉือเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” หยุนถิงกล่าว
“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า!” จวินหย่วนโยวยื่นมือออกมา กุมมือหยุนถิงและเดินไปในเมือง
ภายใต้การก่อสร้างของจิ่งไป๋และคนอื่นๆ ตอนนี้เมืองฉือครึกครื้นกว่าครั้งที่แล้วมาก ในเมืองมีถนนสายหลักเพียงสายเดียว และในเวลากลางคืนล้วนเป็นประชาชนที่ออกมาตั้งแผงขายของเล่นหรือของแปลกใหม่ทุกชนิด
ก่อนหน้านี้มีแต่เปลือกหอยและพวกอาหารทะเล แต่ตอนนี้มีขนม ก๋วยเตี๋ยว น้ำตาลปั้น และขายพวกเสื้อผ้าและผ้า บางคนใช้เงิน บางคนใช้สิ่งของแลกเปลี่ยน ครึกครื้นยิ่งนัก
เมื่อทุกคนเห็นซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยมา ต่างก็ให้มาล้อมรอบและคุกเข่าไหว้
“ขอบคุณซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยที่ช่วยพวกข้า ไม่อย่างนั้นพวกข้ายังไม่รู้ว่าด้านนอกมีของดีเยอะขนาดนี้” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว
“แม่ของข้าได้ใส่เสื้อใหม่ ขอบคุณซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟย”
“ลูกของข้าได้กินน้ำตาลปั้น เขาไม่เคยกินมาก่อนเลย บอกว่าหวานมาก”
“สามีของข้าสวมรองเท้าผ้านี้ออกเรือ ก็ไม่กลัวจะถูกทิ่มเท้าอีกต่อไป ดีกว่ารองเท้าฟางนั้นเยอะเลย”
“ต้องขอบคุณคนของซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟย เกาะของพวกข้าเคยมีโจรสลัดมาครั้งหนึ่ง ถูกพวกเขาตีจนหลบหนีไปหมดเลย สร้างความผาสุกให้กับประชาชนเยี่ยงพวกข้ายิ่งนัก”
ประชาชนต่างก็พูดอย่างซาบซึ้ง การมาถึงของจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงและคนอื่นๆ ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา แถมยังนำพาสิ่งดีๆ มากมายมาให้พวกเขา
“ทุกคนรีบลุกขึ้น ข้ากับท่านพี่ไม่ได้มากพิธีอะไรเช่นนั้น ขอแค่พวกเจ้าอยู่ดีกินดีก็ได้แล้ว และต้องขอบคุณสำหรับอาหารทะเลของทุกคน ทำให้ประชาชนทั่วทั้งสี่แคว้นได้กินดู” หยุนถิงรีบประคองชายชราที่อยู่ข้างหน้าขึ้น
“ซื่อจื่อเฟยเกรงใจเกินไปแล้ว พวกข้าต่างหากที่ควรขอบคุณท่านกับซื่อจื่อ”
“ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ ควรขายของก็ขายต่อ ไม่ต้องสนข้ากับซื่อจื่อ หากพวกเจ้ายังเกรงใจเช่นนี้อีก คราวหน้าพวกข้าก็ละเกรงใจจนไม่กล้าออกมาเดินเล่นแล้ว” หยุนถิงพูดหยอกล้อ
จากนั้นประชาชนจึงค่อยลุกขึ้น แต่ละคนก็หยิบตะกร้าหอยสังข์ใบเล็กมา “ซื่อจื่อเฟย มอบให้ท่าน ท่านอย่าได้รังเกียจเลย ข้าได้ยินมาว่าท่านกับซื่อจื่อมีลูกสองคน พอดีเลยสามารถเอาไปให้เด็กๆเล่นได้”
“ซื่อจื่อเฟย ข้ายังมีกำไลน้อยที่ทำจากเปลือกหอย สามารถเอาให้จวิ้นจู่น้อยเล่นได้”
หยุนถิงมองดูทุกคนส่งของมา รู้สึกเกรงใจยิ่งนัก แต่มันเป็นน้ำใจของทุกคน ไม่รับไว้ก็กลัวจะทำให้ทำคนเสียหน้า
จวินหย่วนโยวเห็นนางถูกคนล้อมเอาไว้ จึงเอื้อมมือไปโอบนางไว้ในอ้อมแขนโดยสัญชาตญาณ เพื่อป้องกันไม่ให้นางถูกคนชนโดน
“เอางี้ น้ำใจของทุกคนข้ารับไว้หมดแล้ว แต่ต้องใช้เสบียงแลกเปลี่ยนกับพวกเจ้า หากใครไม่เห็นด้วย เช่นนั้นข้าก็ไม่เอาแล้ว พวกเจ้าเองก็ไม่ง่าย” หยุนถิงกล่าว
“จะได้ได้อย่างไร ให้ซื่อจื่อเฟยเป็นเกียรติยศของพวกข้า ล้วนเป็นของที่เก็บมาอย่างตั้งใจไม่มีค่านัก” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เอาแล้ว” หยุนถิงยืนกราน