จอมนางข้ามพิภพ - บทที่903 ถ้าอย่างนั้นเจ้าระวังตัวด้วย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่903 ถ้าอย่างนั้นเจ้าระวังตัวด้วย
“ฝ่าบาท จะจับตัวองค์หญิงสวิ๋นอวี่มาหรือไม่?” องครักษ์ถาม
“อย่าพึ่ง เจ้าส่งคนไปจับตาดูกู้สวิ๋นอวี่ไว้อย่างลับๆ ผู้ที่มีการติดต่อกับนาง สถานที่ที่นางไป เรื่องที่ทำทั้งหมดล้วนต้องมารายงานให้กับข้าอย่างละเอียด!” เป่ยหมิงฉี่สั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ไปทำทันที
สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่มืดครึ้ม สายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฉียบคม “เจ๋ออู่!”
เงาดำหนึ่งปรากฏขึ้นนอกหน้าต่างทันที “ฝ่าบาททรงมีคำสั่งใด?”
“เจ้าไปสืบกู้สวิ๋นอวี่ด้วยตัวเอง ยาพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้คงมีคนให้นางแน่นอน สืบผู้เบื้องหลังออกมาให้ได้ นางกล้าวางยาพิษให้ฮองเฮาของข้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยมันไปอย่างง่ายดายแน่นอน!” เป่ยหมิงฉี่ทำเสียงเชอะ
“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ๋ออู่บินออกไปและหายไปในชั่วพริบตา
เป่ยหมิงฉี่ยกเท้าขึ้นและตรงไปที่ลานของหยุนถิง และนำสิ่งที่องครักษ์สืบมาได้บอกให้กับหยุนถิง
หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เป็นนางได้อย่างไร?”
รูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารัก ร่าเริงและสดใสเช่นนั้น กลับโหดเหี้ยมจนวางยาพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ แถมยังเงียบขรึมเยี่ยงนั้น มีเล่ห์เหลี่ยมยิ่งนัก
“ทำไมนางถึงวางยาพิษ?” หยุนถิงมองมา
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าได้ให้คนไปสืบแล้ว!” เป่ยหมิงฉี่ก็งงงวยมากเหมือนกัน
“ยังต้องสืบด้วยหรือ กู้สวิ๋นอวี่ชอบท่าน แต่ท่านกลับแต่รั่วเฟิงซีมาเป็นฮองเฮา เพราะนางรักจึงก่อให้เกิดความแค้น อิจฉา ดังนั้นจึงได้วางยาพิษ เพื่อที่จะกำจัดรั่วเฟิงซีทิ้ง มือใครยาวสาวได้สาวเอา!” จวินหย่วนโยวทำเสียงเชอะอย่างเฉยชา
“จวินหย่วนโยวเจ้าอย่าพูดไร้สาระ กู้สวิ๋นอวี่จะชอบข้าได้ยังไง?” เห็นได้ชัดว่าเป่ยหมิงฉี่ไม่เชื่อ
เขาไม่เคยรู้ แน่นอนว่าก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว
“โอ้เง่า!” จวินหย่วนโยวกลอกตาใส่เขา
หลิงเฟิงเดินเข้ามา “ซื่อจื่อของข้าพูดถูก กู้สวิ๋นอวี่ชอบเป่ยหมิงฉี่ ตั้งแต่ตอนอายุเจ็ดขวบ ครั้งแรกที่นางเข้าวัง ถูกอ๋องเก้ารังแก ในเวลานั้นท่านในฐานะไท่จื่อนั้นช่วยนางเอาไว้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซาบซึ้งที่ท่านช่วยนาง หรือรักแรกพบต่อท่าน แต่นับตั้งแต่นั้นมา กู้สวิ๋นอวี่ก็จะหาเหตุผลและข้ออ้างมากมายเข้าวัง ก็เพื่อที่จะได้เจอหน้าท่าน
ท่านไม่เห็นหรือว่าทุกครั้งที่รั่วเฟิงซีวิ่งไล่ตามหลังท่าน กู้สวิ๋นอวี่ก็จะอยู่ และจะใช้ทุกวิถีทางถ่วงเวลา ก็เพื่อจงใจดึงดูดความสนใจของท่าน
มีครั้งหนึ่ง พวกท่านเล่นซ่อนหา รั่วเฟิงซีตกลงไปในสระน้ำโดยไม่ระวัง นั่นไม่ใช่เป็นเพราะนางพลาดตกลงไป แต่เป็นกู้สวิ๋นอวี่ผลัก
เมื่อสามปีก่อน พวกท่านออกไปล่าสัตว์ รั่วเฟิงซีตกเข้าไปในหลุมพราง—–เรื่องที่เหมือนเช่นนี้นั้นนับไม่ถ้วน ดังนั้นเป่ยหมิงฉี่ท่านเฉลียวฉลาดหน่อยเถอะ”
สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่มืดครึ้ม ไม่ใช่เป็นเพราะโกรธที่หลิงเฟิงเรียกชื่อตัวเองโดยตรง แต่คิดไม่ถึงว่าจวินหย่วนโยวจะสืบตัวเอง แถมยังตรวจสอบได้ชัดเจนขนาดนั้น
“จวินหย่วนโยว เจ้าเริ่มตรวจสอบตั้งแต่เมื่อไหร่?” เป่ยหมิงฉี่ถามอย่างเย็นชา
“ตั้งแต่ที่นางปรากฏตัว ทุกอย่างที่ปรากฏตรงหน้าถิงเอ๋อร์ ข้าล้วนต้องตรวจสอบให้ชัดเจน!” จวินหย่วนโยวตอบ
“สมกับเป็นท่านพี่ของข้ายิ่งนัก ทำอะไรก็รอบคอบ เป่ยหมิงฉี่ส่วนที่เหลือก็มอบให้ท่านแล้ว เพราะคนที่นางวางยาพิษใส่นั้นเป็นฮองเฮาของท่าน!” หยุนถิงกล่าว
“ได้!” เป่ยหมิงฉี่หันหลังและจากไป
เขาไม่ได้ไปหากู้สวิ๋นอวี่ทันที แต่ไปที่ห้องหนังสือ และคิดเรื่องที่ตัวเองอยู่กับรั่วเฟิงซีในหลายปีมานี้อย่างรอบคอบ และพบว่าเหมือนที่หลิงเฟิงพูดจริงด้วย เหมือนทุกครั้งที่ตัวเองอยู่กับเฟิงซีก็จะมีสวิ๋นอวี่อยู่ด้วยทุกครั้ง
แต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เฟิงซีเกิดเรื่องบ่อยๆนั้น ก็รู้สึกนึกกลัวในภายหลัง สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่มืดครึ้มยิ่งนัก
มือในแขนเสื้อของเขากำแน่นเป็นกำปั้น และกระดูกก็ส่งเสียงดังกร๊อบกร๊อบ ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าเป่ยหมิงฉี่โกรธมากเพียงใด
“เด็กๆ!” เป่ยหมิงฉี่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
นอกประตู องครักษ์เดินเข้ามา “ฝ่าบาทมีคำสั่งอะไร?”
“ถ่ายทอดราชโองการของข้าให้แผนกอาภรณ์รีบทำชุดแต่งงานของฮองเฮาให้เสร็จในชั่วค่ำคืน ใช้วิธีที่เร็วที่สุดทำให้เสร็จแล้วส่งไปที่จวนตระกูลรั่วโดยเร็วที่สุด!” เป่ยหมิงฉี่ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”
แต่เดิมกู้สวิ๋นอวี่ที่พักฟื้นอยู่ในจวน ได้ยินว่าฝ่าบาททรงสั่งให้แผนกอาภรณ์ทำชุดแต่งงานใหม่ออกมาโดยเร็ว ก็โกรธมากจนโยนเครื่องประดับทั้งหมดบนโต๊ะลงกับพื้น
“ให้ตายเถอะ ฝ่าบาทไม่เพียงแต่ไม่ลงโทษรั่วเฟิงซี แถมยังให้ทำชุดเจ้าสาวชุดใหม่ให้กับนางด้วย ทำไม ข้าไม่พอใจยิ่งนัก!”
กู้สวิ๋นอวี่ในขณะนี้ จะไปมีความน่ารัก ร่าเริงเหมือนปกติสักที่ไหนกัน สีหน้ามืดครึ้ม เข้มงวดเหมือนผู้หญิงที่ขี้หึง
นางสามารถทำลายได้หนึ่งครั้งก็สามารถทำลายได้สองครั้ง ไม่มีวันปล่อยให้รั่วเฟิงซีได้เป็นฮองเฮาอย่างสมหวังแน่นอน ฝ่าบาทเป็นของนาง และไม่มีใครสามารถแย่งไปได้
“องค์หญิงท่านจะไปอย่างสะเพร่าไม่ได้นะเพคะ บ่าวได้ยินว่าชุดเจ้าสาวของตระกูลรั่วถูกฮูหยินรองเอาไปใส่ แต่ปรากฏว่าฮูหยินรองพิษกำเริบ รั่วเฉิงเซี่ยงส่งคนไปเชิญซื่อจื่อเฟย ด้วยทักษะทางการแพทย์ของซื่อจื่อเฟยก็ต้องตรวจออกได้แน่นอนว่าชุดแต่งงานนั้นมีพิษ ขณะนี้ฝ่าบาทคงต้องกำลังตรวจสอบเรื่องที่วางยาพิษในชุดแต่งงานแน่เลย หากองค์หญิงไปตอนนี้ก็เท่ากับสารภาพออกมาโดยไม่ต้องบังคับ!” หมี่รุ่ยสาวรับใช้ข้างกายเตือน
“เจ้าคิดได้รอบคอบยิ่งนัก แต่จะให้ข้าทนดูรั่วเฟิงซีแต่งให้กับเสด็จพี่ ข้าไม่เต็มใจ!” กู้สวิ๋นอวี่คำรามด้วยความโกรธ
“องค์สามารถรอตอนพวกเขาแต่งงาน คืนนั้นมีผู้คนมากมาย ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็น ต่อให้รั่วเฟิงซีสวมชุดเจ้าสาวไว้แล้วจะทำไม หากนางเกิดเรื่องในงานวันแต่งก็ยิ่งสะใจไม่ใช่หรือเพคะ!” หมี่รุ่ยพูด
“เจ้าพูดถูก ถึงตอนนั้นเกิดเรื่องต่อหน้าของเหล่าข้าราชการ เช่นนั้นก็คือฟ้าลงโทษนาง มีชีวิตของฮองเฮาแต่กลับไม่มีพรที่จะได้เสพสุข ทำตามที่เจ้าพูด!” มุมปากของกู้สวิ๋นอวี่เผยความได้ใจ
ในพระราชวัง
ในห้องของสาวรับใช้ในหลังลาน นางกำนัลคนหนึ่งได้รับจดหมายที่พี่รองเป่ยตันเสวี่ยให้คนส่งมานั้น เมื่อมองดูสิ่งที่เขียนไว้ด้านบน สีหน้าก็เย็นชาลงเล็กน้อย
นางคือชิงหนิงนั้นเอง คนสนิทที่ไว้เนื้อเชื่อใจของเป่ยตันเสวี่ยในพระราชวังแคว้นเป่ยลี่ ก่อนหน้านี้ชิงหนิงรับใช้เป่ยตันเสวี่ย แต่เป่ยตันเสวี่ยแต่งให้กับหลีอ๋องทว่าไม่ได้เอานางไปด้วย
จุดประสงค์ก็คือให้นางอยู่ในวัง และช่วยตัวเองจับตาดูทุกอย่างในวัง
ตอนนี้องค์หญิงส่งจดหมายมา แน่นอนว่าชิงหนิงก็ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว นางรีบจุดไฟเผาจดหมายลับนั้นทิ้ง และจากไปหลังจากแน่ใจว่ามันถูกเผาเป็นเถ้าถ่านแล้ว
ชิงหนิงหยิบขวดยาสีแดงออกมาจากลิ้นชัก ใส่เข้าไปในแขนเสื้อ และตรงไปที่ห้องพระเครื่องต้น
นางไม่มีโอกาสเข้าใกล้หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวและคนอื่นๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงวางยาพิษในอาหาร
คนรับใช้คนหนึ่งในห้องพระเครื่องต้นเป็นคนหมู่บ้านเดียวกับชิงหนิงพอดี และก่อนหน้านี้ชิงหนิงก็มักจะมาช่วยอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อนางมาอีก จึงไม่มีใครสงสัยนาง
“น้ำแกงนกพิราบนี่หอมจัง!” ชิงหนิงพูด
“เป็นน้ำแกงที่ทำให้ซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่ทาน จ้าวกงกงกำชับไว้โดยเฉพาะ” หัวซินคนหมู่บ้านเดียวกันตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องระวังหน่อย” ชิงหนิงรีบช่วยดูไฟ และฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันระวัง หัวซินออกไปเอาวัตถุดิบ ก็แอบเทยาพิษขวดนั้นลงในน้ำแกงนกพิราบ
นางเฝ้าดูหัวซินยกน้ำแกงที่ต้มเสร็จออกไป จากนั้นก็ตามไปอย่างลับๆ เห็นหัวซินเข้าลานของจวินซื่อจื่อแล้ว ชิงหนิงจึงค่อยจากไปอย่างไว้ใจ
ในลาน เป่ยจิงจิงรู้ว่าหยุนถิงและคนอื่นๆมา นางจึงรีบกลับจากค่ายทหารโดยเฉพาะ
เมื่อเห็นเป่ยจิงจิงอีกครั้ง หยุนถิงก็พบนังหนูนี้ไม่ได้อ่อนแอ อาศัยว่า ตนเองได้รับการโปรดปราน จึงวางท่าทีหยิ่งยโสโอหังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่กลับสุขุมนุ่มลึกไปอย่างมาก ผิวก็คล้ำขึ้นไม่น้อยเลย สวมชุดทหาร ท่าทางกล้าหาญและองอาจ ทำให้นางเกิดความชื่นชมต่อหล่อนมากขึ้นเล็กน้อย
หัวซินยกน้ำแกงแล้วเดินมา กลิ่นหอมโชยเข้ามาที่จมูก
“น้ำแกงนี้หอมยิ่งนัก ข้านะกระหายน้ำอยู่พอดีเลย ให้ข้าดื่มก่อนละกัน เจ้าไปยกมาอีกชาม!” หลังจากเป่ยจิงจิงพูดจบ ก็ยกชามขึ้นและดื่มลงไปทันที