จอมนางข้ามพิภพ - บทที่910 ทั้งหมดนี้เจ้าเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่910 ทั้งหมดนี้เจ้าเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ตกตะลึงกันหมด และจ้องมองเป่ยหมิงฉี่ที่เดินเข้ามาจากนอกห้องโถงด้วยความตกตะลึง
สวมชุดคลุมมังกรสีเหลือง เผด็จการและไร้ความปรานี ใบหน้าหล่อเหลา โดยเฉพาะรูม่านตาที่ดำเข้มและเย็นชานั้น เมื่อมองดูไป ทุกคนก็รู้สึกกลัวยิ่งนัก ตัวสั่นเป็นลูกนก
“พวกเจ้ารู้สึกว่าหยู่อ๋องเหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นเป่ยลี่มากกว่าข้า และอยากให้ข้าสละราชสมบัติให้งั้นหรือ?” เป่ยหมิงถามอย่างเย็นชา
เหล่าข้าราชการตกใจกลัวยิ่งนัก แต่ก็ยังมีไม่กี่คนที่ในใจคิดแค้นกับเป่ยหมิงฉี่
“พวกข้าเพียงรู้สึกว่าฝ่าบาทยังหนุ่มเกินไป ฮองเฮากระอักเลือดในพิธีแต่งตั้งฮองเฮา นี่เป็นลางร้าย เกรงว่าจะทำลายโชคของแคว้นเป่ยลี่!” ขุนนางคนหนึ่งกล่าว
“ใช่ หยู่อ๋องปกครองแคว้นกับฝ่าบาทองค์ก่อน มีประสบการณ์มากกว่าฝ่าบาทจริง”
เป่ยหมิงฉี่ไม่โกรธเลย แต่มองดูเหล่าข้าราชการด้วยสายตาที่เป็นเมตตา “ทุกคนพูดได้สมเหตุสมผลยิ่งนัก เสด็จอาติดตามเสด็จพี่มาหลายปีจริง มีประสบการณ์มากกว่าข้า มีใครอีกบ้างที่เห็นด้วยกับ หยู่อ๋อง หากเสียงส่วนใหญ่นั้นมากกว่าเสียงส่วนน้อย ข้าก็สามารถพิจารณาที่จะถอยตำแหน่งนี้ให้ได้จริง!”
หากเป็นคนอื่น เห็นข้าราชการของตัวเองบังคับให้ตัวเองสละราชสมบัติ ก็คงลอกหนังของพวกเขาออกทั้งเป็นอย่างแน่นอน แต่ฝ่าบาทกลับพูดว่าสมเหตุสมผล เหล่าข้าราชการต่างก็จนปัญญาในทันที
“ฝ่าบาท จะทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ท่านเป็นไท่จื่อที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทองค์ก่อน และเป็นคนเดียวที่สืบทอดราชบัลลังก์ได้อย่างถูกต้อง จะสละราชสมบัติได้อย่างไร?” รั่วเฉิงเซี่ยงออกเสียงห้ามทันที
“แต่ข้าก็ต้องทำตามมติมหาชนไม่ใช่หรือ”
“ฝ่าบาท——-” รั่วเฉิงเซี่ยงยังอยากพูดอะไรอีก แต่ก็ถูกขุนนางคนหนึ่งพูดแทรก
“รั่วเฉิงเซี่ยงหยุดพูดเรื่องไร้สาระเสียที ฝ่าบาทก็บอกแล้วว่าจะทำตามมติมหาชน วันนี้พวกข้าจะสนับสนุนหยู่อ๋อง!” ขุนนางคนสนิทที่หยู่อ๋องไว้เนื้อเชื่อใจกล่าว
“มันผิดต่อกฎของบรรพบุรุษ!”
“พิธีแต่งตั้งฮองเฮานั้นการกระอักเลือดก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่ามันเป็นสัญญาณเตือนที่เป็นลางไม่ดี!”
เหล่าข้าราชการโต้เถียงกันทันที และแบ่งออกเป็นสองพรรค และผู้ที่สนับสนุนหยู่อ๋องก็มีจำนวนเยอะกว่า
หยู่อ๋องมองดูเหล่าข้าราชการที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง ระหว่างคิ้วนั้นเต็มไปด้วยความได้ใจ “ฝ่าบาท ในเมื่อนี่คือมติมหาชน เช่นนั้นข้าก็ต้องรับใช้ให้กับแคว้นเป่ยลี่”
สายตาอันเย็นชาของเป่ยหมิงฉี่กวาดผ่านเหล่าข้าราชการที่ยืนอยู่ข้างหลังของหยู่อ๋อง “เสด็จอานี่ช่างซื้อใจคนเก่งยิ่งนัก แต่เสด็จอาคิดว่าแค่นี้ก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์แล้วหรือ?”
น้ำเสียงไม่ได้ดีเหมือนเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นเย็นชาและมีเฉียบคมมากขึ้นในทันที
หยู่อ๋องมองดูเป่ยหมิงฉี่อย่างมีเมตตา “แค่นี้ยังไม่พอ เหล่าขุนนางก็แค่พูดเท่านั้น แต่ถ้าหากแม่ทัพตู้ก็สนับสนุนข้าล่ะ?”
ในเมื่อถึงขั้นนี้แล้ว หยู่อ๋องก็ไม่แสร้งอีกต่อไป พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเลย
“ตู้หลู่?”เป่ยหมิงฉี่ถามกลับ
ทันทีที่เสียงเงียบลง ก็มีองครักษ์กลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านนอก ผู้นำก็คือตู้หลู่นั้นเอง และล้อมเหล่าข้าราชการไว้ในห้องโถงทันที
เหล่าข้าราชการตกใจมาก ตู้หลู่เป็นรองแม่ทัพของกองทหารหลวง จู่ๆก็พาคนบุกเข้ามา ท่าทางนี้จะบีบบังคับให้กษัตริย์สละราชสมบัติหรือจะแย่งชิงบัลลังก์
รั่วเฉิงเซี่ยงก็ตกใจยิ่งนัก แต่ก็ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าฝ่าบาท “ฝ่าบาทอย่าทรงกลัว กระหม่อมจะปกป้องท่านเอง!”
เป่ยหมิงฉี่กลอกตาให้กับเขาที่กำลังสั่นเทาและแสร้งทำเป็นสงบ “เจ้าอายุปานใดแล้ว ยังคิดจะปกป้องข้า อย่าถ่วงข้าก็ดีแล้ว”
รั่วเฉิงเซี่ยงอายยิ่งนัก แต่ที่ฝ่าบาทพูดนั้นเป็นความจริง เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เป่ยหมิงฉี่ที่นั่งอยู่บนที่สูงนั้นมองดูทั้งหมดด้วยสีหน้าที่สงบ “เสด็จอาซื้อใจตู้หลู่เมื่อไหร่กัน เหตุใดข้าถึงไม่รู้เลย?”
“เป็นเพราะฝ่าบาทไม่ได้รับการสนับสนุนค้ำจุนของผู้อื่น นกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอน!” หยู่อ๋องทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา
“นกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอน ดียิ่งนัก การซื้อใจคนไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้เพียงในวันสองวัน ในเมื่อเสด็จอาได้ทำการเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้ต่อให้ข้าไม่สละราชสมบัติ เสด็จอาก็จะแย่งชิงบัลลังก์สินะ?” เป่ยหมิงฉี่ถามกลับ
“ฝ่าบาทพูดผิดแล้ว ข้าก็แค่ทำตามมติมหาชน”
“ถ้าอย่างนั้นเกรงว่าวันนี้คงจะทำให้เสด็จอาผิดหวังไปแล้ว!” เป่ยหมิงฉี่ทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา
“ฝ่าบาทอย่าได้ดิ้นรนอีกต่อไปเลย เวลานี้จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยกำลังดูแลลูกทั้งสองอยู่ ไม่มีวันมาช่วยฝ่าบาทแน่นอน” หยู่อ๋องกล่าวอย่างได้ใจ
สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่เย็นชา “เจ้าทำอะไรกับเด็กสองคนนั้น?”
“ข้าจะทำอะไรได้ หากพวกเขาเกิดอะไรที่แคว้นเป่ยลี่ ก็ย่อมเป็นความผิดของฝ่าบาทอยู่แล้ว!” มุมปากของหยู่อ๋องเผยความได้ใจ
คำนวณเวลาดูแล้ว เด็กสองคนนั้นก็คงพิษกำเริบแล้วสินะ
เป่ยหมิงฉี่โกรธจัด และมองดูหยู่อ๋องด้วยสายตาที่เฉียบคม “สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือการลงมือกับสตรี เด็ก และคนชรา หยู่อ๋องเจ้าที่ชั่วช้าสามานย์อย่างสุดขีดเช่นนี้แตกต่างอะไรกับคนร้าย ในเมื่อเจ้าอยากบีบบังคับให้ข้าสละราชสมบัติและแย่งชิงบัลลังก์ ข้าจะดูว่าเจ้ามีความสามารถนี้หรือไม่!”
ทันใดนั้น นอกห้องโถงก็มีคนชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา ต่างก็ดึงคันธนู และเล็งไปที่ตู้หลู่และคนอื่นๆ
เหล่าข้าราชการตกใจกลัวจนหน้าซีดลงทันที โดยเฉพาะหยู่อ๋อง สีหน้าแย่มาก คิดไม่ถึงว่าเป่ยหมิงฉี่ยังจะมีแผนการออกนี้ไว้ด้วย แต่จะทำไม วันนี้เขาจะต้องขึ้นครองบัลลังก์ให้ได้
“เสด็จอา กลับตัวตอนนี้ยังทัน หากเจ้าหยุดมือตอนนี้ ข้าสามารถให้ทางรอดชีวิตหนึ่งแก่เจ้าได้!” เป่ยหมิงฉี่มองดูอย่างเย็นชา
“เชอะ บัลลังก์นี้แต่เดิมก็ควรเป็นของข้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรวันนี้ข้าก็จะเอามันกลับคืนมาให้ได้อย่างแน่นอน นี้คือการเป็นไปตามความประสงค์ของสวรรค์ และมติมหาชน! ตู้หลู่ ฆ่าให้หมดไม่เหลือแม้แต่สักคน! ” หยู่อ๋องกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“ในเมื่อเช่นนั้น ก็ฆ่าทิ้งให้หมด ข้าไม่ต้องการคนทรยศ โดยเฉพาะเหล่าข้าราชการที่สนับสนุนหยู่อ๋องในเมื่อครู่นี้!” เป่ยหมิงฉี่ยิ้มมุมปาก
“พ่ะย่ะค่ะ!” หน่วยกล้าตายของเป่ยหมิงฉี่ยิงธนูมาทันที
เหล่าข้าราชการที่สนับสนุนหยู่อ๋องในเมื่อครู่นี้ต่างก็ตกใจกลัวยิ่งนัก และรีบหนีไปทุกที่ทันที แต่ห้องโถงขนาดใหญ่นั้นกลับไม่มีที่หนี แต่รั่วเฉิงเซี่ยงฉลาดดีนัก หลบอยู่ที่ข้างๆเป่ยหมิงฉี่ ยังไงตามฝ่าบาทไว้ต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน
หน่วยกล้าตายกับกองทหารหลวงที่ตู้หลู่นำนั้นสู้กัน เงากระบี่ ที่เลือนจาง เลือดไหลเหมือนแม่น้ำ และพื้นของห้องโถงถูกเลือดย้อมจนแดงหมด
มองดูกองทหารหลวงที่ล้มลงทีละคน สีหน้าของหยู่อ๋องแย่ยิ่งนัก เขาคิดไม่ถึงว่าคนชุดดำเหล่านี้จะต่อสู้เก่งขนาดนี้
หยู่อ๋องมองดูห้องโถงที่วุ่นวายไปหมด และเห็นว่าเป่ยหมิงฉี่ไม่ได้สังเกตเห็นตัวเอง ดังนั้นจึงชักดาบสั้นที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา และแทงไปที่เป่ยหมิงฉี่ด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม
“ไปตายซะ!”
เสียงคำรามพร้อม แทงเข้าหน้าออกของเป่ยหมิงฉี่โดยตรง
แต่ยังไม่ทันแตะโดนเป่ยหมิงฉี่ จู่ๆหยู่อ๋องก็ถูกเข็มเงินยิงเข้าที่หน้าอก คนทั้งคนก็ไม่สามารถขยับได้ในชั่วขณะ และล้มลงกับพื้นโดยตรงเนื่องจากสัญชาตญาณ เจ็บจนเขาหน้าซีดลง
“เป่ยหมิงฉี่ท่านอ่อนแอยิ่งนัก นานขนาดนี้แล้วก็ยังจัดการไม่เสร็จ!” เสียงที่เย็นชาของหยุนถิงดังขึ้น และนางก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
และข้างๆ นาง มีลูกสองคนและจวินหย่วนโยว
หยู่อ๋องมองดูเด็กที่สบายดี ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง “นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง ทำไมพวกเขาถึง?”
“ยาที่หยู่อ๋องส่งคนวางที่ว่าวนั้นมีเป็นพิษที่ร้ายแรงจริง แต่น่าเสียดายที่เจอข้า หากแม้แต่ลูกของตัวเองก็ยังช่วยไม่ได้ เช่นนั้นข้ายังคู่ควรที่จะถูกเรียกว่าหมอเทวดาหรือ
ข้าเกลียดคนที่ลงมือกับลูกข้าที่สุด เสี่ยวเหยียนเจ้าอยากลองหนอนของเจ้าดูไม่ใช่หรือ ตอนนี้โอกาสมาแล้ว! ” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
“ได้เลยท่านแม่ เจ้าหนอนน้อยวันนี้พวกเจ้าได้กินอย่างอิ่มๆเลย!” ใบหน้าที่น่ารักของจวินเสี่ยวเหยียน คำพูดที่พูดออกมานั้นน่ารักมาก แต่เมื่อหยู่อ๋องและเหล่าข้าราชการเห็นหนอนดำๆพวกนั้น ต่างก็ขนหัวลุกในทันที จนพูดอะไรไม่ออกเลย