จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 289 แดนสุขาวดี ภาพโบราณหลายภาพ!
บทที่ 289 แดนสุขาวดี ภาพโบราณหลายภาพ!
แม้แต่ยอดฝีมือที่อยู่จุดสูงสุดอย่างเซียนต้นกําเนิดก็แสดงความนับถือตัวตนอย่างบรรพบุรุษแห่งวิถีและเรียกเขาว่า‘เต๋าสูงสุด’
แล้วสิ่งใดในโลกนี้จะมีความหมายกับเขารึไม่?
ผู้โดดเดี่ยวไม่อาจรู้ได้ และไม่กล้าที่จะคาดเดาความคิดของตัวตนเช่นนี้
หากเป็นคนทั่วไปแน่นอนว่าย่อมมีการสันนิษฐานการที่ตัวตนผู้ไร้เทียมทานโผล่มาในพิภพที่แทบจะให้กําเนิดผู้กุมชะตาเกิดไม่ได้ ต้องมีจุดประสงค์อันใดเป็นแน่ไป
อาจจะใช้โอกาสนี้ตีสนิท หรือขอให้อีกฝ่ายลงมือจัดการเซียนต้นกําเนิด ทําให้ภัยคุกคามหาย
แต่ผู้โดดเดี่ยวเคยคิดที่จะทําเช่นนั้นเขารู้ว่าการคิดเช่นนั้นเป็นความผิดพลาดอย่างหาที่เปรียบมิได้
เหมือนกับหนอนผีเสื้อฤดูร้อนที่ไม่อาจเข้าใจน้ำแข็ง
ตัวตนอย่างจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีอยู่เหนือความเข้าใจของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงมานานแล้วแม้แต่สิ่งมีชีวิตอันทรงอํานาจเช่นเซียนต้นกําเนิดก็อาจไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกําลังคิดอยู่ได้
หากไม่อยู่ในระดับเขตแดนเดียวกันจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้เยี่ยงไร?
บางที อีกฝ่ายอาจเป็นเพียงเพื่อความสนุกของเขาเท่านั้นจะมายังพิภพนี้เพื่อชี้แนะเรื่องสองเรื่องอย่างตามใจชอบ
หากเร่งถามอย่างไม่ระมัดระวังอาจทําให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองแล้วจะไม่คุ้มกับการสูญเสียไม่ใช่รึ?
นอกจากนี้ มีความแค้นระหว่างตัวตนเซียนต้นกําเนิดนี้กับพิภพของตน ไร้ซึ่งส่วนเกี่ยวข้องกับตัวตนสูงสุดผู้นี้เลย
ปัญหาและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ยังคงต้องแก้ไขด้วยตัวพวกเขาเอง
หลังจากที่ได้ก้าวสู่เขตแดนผู้กุมชะตา ผู้โดดเดี่ยวก็ตระหนักถึงความสําคัญของกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าความสําเร็จจะมีมาแต่กําเนิดแต่ก็ไร้ซึ่งวิธีกําจัดกรรมเกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องดีหากไม่ระมัดระวังการมีอยู่ของกรรมเหล่านี้
เมื่อเห็นสีหน้าอันสงบของผู้โดดเดี่ยวฉินมู่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรมากและท่าการโบกมือเหนือเก้าสวรรค์ก็ปรากฏรอยแยกขึ้นหลายล้านลี้พร้อมด้วยกระแสพลังอันไร้เทียมทานที่เล็ดรอดออกมาจากรอยแยกนั้น
“นี่คือสถานที่ซึ่งมีเซียนต้นกําเนิดอาศัยอยู่งั้นรึ?”
ผู้โดดเดี่ยวเงยหน้าขึ้นและมองไปยังรอยแยกที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับการกระทําของฉินมู่บูชาเทพเจ้า
ในตอนแรก เขายังไม่ได้เป็นผู้กุมชะตาดังนั้นจึงไม่รู้จักพิภพเบื้องหลังรอยแยก
ตอนนี้ เขาเป็นผู้กุมชะตาแล้วสามารถเห็นทุกสิ่งตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตเป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้
คราครั้งนี้ในที่สุดเขาก็ได้เห็นพิภพเบื้องหลังรอยแยก!
และเมื่อผู้โดดเดี่ยวเห็นทั้งหมดนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกใจถึงขีดสุด!
มันเป็นพิภพเช่นใดกัน?
ทะเลอันไร้ขอบเขต ซัดกระหน่ําอย่างต่อเนื่อง กระดูกนับไม่ถ้วนลอยเคว้งอยู่ในทะเลเลือด กระดูกเหล่านั้นแผ่ความกดดันอันไร้ผู้เทียบได้ออกมา ราวกับว่ามันอยู่ในทะเลเลือดมาแสนนานแล้ว
แม้แต่จากการรับรู้ของผู้โดดเดี่ยวเจ้าของกระดูกบางคนอาจเป็นถึงยอดยุทธ์ที่ถึงขีดจํากัดก่อนที่จะก้าวสู่เขตแดนผู้กุมชะตาอยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียวเดียวจะสามารถย้อนกลับโดยกําเนิดและเป็นผู้กุมชะตา!
ตัวตนเช่นนี้ อยู่ในพิภพใดๆ ย่อมไม่มีทางไม่เป็นที่รู้จักยังอาจติดอันดับเป็นหนึ่งในไม่กี่พิภพมีชื่อเสียงไปทั่วจักรวาล
แต่ทว่าในพิภพอันพิศวงนี้น่าเสียดายที่สุดท้ายก็กลายเป็นกระดูกในทะเลเลือดที่ไร้ขอบเขตและพินาศไปตลอดกาล
แม้แต่ ผู้โดดเดี่ยวเองก็ยังมีรู้สึกได้อยู่บ้างว่าแม้ทะเลเลือดอันไร้ขอบเขตนี้จะดูเหมือน“ทะเล’แต่มันเหมือนกับสถานที่ซึ่งสามารถรองรับพิภพของจักรวาลผู้กุมชะตามันคือทะเลแห่งจักรวาล!เพราะ เขาสัมผัสได้ว่าแม้แต่ศพของยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับจักรวาลทั้งหมดลอยอยู่ในทะเลเลือดนี้
และศพของยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับจักรวาลใช้พื้นที่ไม่ถึงหนึ่งในล้านล้านของทะเลเลือดนี้ผู้โดดเดี่ยวตากระจ่างขึ้นดูเหมือนว่าเขาจะเห็นอนุสรณ์โบราณที่ใหญ่เท่าทะเลดวงดาว ตั้งอยู่ในทะเลเลือดอันไร้ขอบเขตนี้ทันที
อนุสรณ์โบราณนั้นสง่างามเปรียบได้กับจักรวาลถูกจารึกไว้ด้วยวิถีอันสูงสุด
แม้ว่าอักขระเต๋านั้นจะไม่ตรงกับภาษาใดในพิภพนี้แต่เมื่อเห็นก็จะสามารถรู้ความหมายได้
แดนสุขาวดี อยู่ยงคงกระพันไร้ที่สิ้นสุดเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น!
ตัวอักษรโบราณขนาดใหญ่เติมเต็มทะเลแห่งความรู้ของผู้โดดเดี่ยว
ในภวังค์มีภาพโบราณปรากฏขึ้นในหัวของเขา
ในภาพแรกไม่ได้แสดงว่าจักรวาลกําลังวิ่งเปี่ยมไปด้วยเรือรบหลวงโบราณเรือรบทุกลํานั้นยิ่งใหญ่ราวกับจักรวาล
เหนือเรือรบ มีทหารหลวงในชุดเกราะหลายร้อยอยู่บนฟากฟ้าพุ่งไปที่อ่าวอย่างกล้าหาญ
เขตแดนพลังยุทธ์ของทุกคนไม่ได้อยู่ภายใต้หลักฐานที่แท้จริง
บนเรือรบธงโบราณสีดําขอบสีแดงปักด้วยลวดลายมังกรทองเก้ากรงเล็บเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร!
ด้านหลังจากเหล่าเรือรบในความกว้างใหญ่และไร้ที่สิ้นสุดของมิติและกาลเวลาเหมือนว่าจะมีจอมจักรพรรดิสูงสุดแห่งสวรรค์มองดูอดีตและปัจจุบันราวกับมังกรมองดูกองทัพหลายร้อยล้านของเขาเคลื่อนทัพไปข้างหน้า
ในภาพที่สอง กระแสพลังในดินแดนที่แข็งแกร่งกว่าแดนสวรรค์นับพันล้านเท่าเรียกได้ว่าเป็นแดนนิรันดร์แท้จริง
ผู้คนนับไม่ถ้วน สัตว์เทพทั้งสี่ปรมาจารย์แห่งแดนนิรันดร์โผล่ออกอย่างต่อเนื่อง
เหนือความภาคภูมิแห่งแดนนิรันดร์นั้นจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์มีมงกุฎอยู่บนศีรษะมองลงมาจากบนท้องฟ้ามองดูดินแดนของเขา สายตานั้นนิ่งเฉยและสูงส่งภาพที่สามนั้นตรงข้ามกับภาพที่สองโดยสิ้นเชิงในขุมนรกที่ลึกที่สุด กระแสพลังปีศาจพุ่งทะยานไปบนฟ้า ขุมนรกอันไร้ที่สุดยิ่งกว่าแดนทมิฬปีศาจหลายร้อยล้านซ่อนอยู่ในนั้นกระแสพลังปีศาจพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสนุกสนานกับการทําลายจักรวาล
และที่น่าตกใจไปกว่านั้น ในรูปที่สามนี้ผู้โดดเดี่ยวได้สัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่เขาคุ้นเคย!ในภาพโบราณที่สามที่เป็นแหล่งกําเนิดของความมืดในสรวงสวรรค์เขาสัมผัสได้ถึงกระแสพลังของเซียนต้นกําเนิดที่ถูกฝังอยู่ในโลงศพโบราณ!!