จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 61 เสียงระฆังดังลั่น โลกสั่นสะเทือน
“ภูเขาที่ทอดยาวออกไปนั้นปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสมบัติที่อยู่ตรงกลาง
ราชันบรรพบุรุษแสดงความคิดเห็นขณะมองไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปกป้อง
“เผ่าพันธุ์เหล่านั้นมาทําอะไรที่นี่ ? เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะมีโอกาสประสบความสําเร็จในการค้นพบจอมจักรพรรดิโบราณ ?”
ราชันดึกดําบรรพ์อีกคน หวังหลี่เฟิง น้ําเสียงของเขาแดกดันเล็กน้อย
“โอ้ จอมจักรพรรดิโบราณเป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น”
การมีอยู่ของจอมยุทธ์ที่ก้าวไปสู่ระดับสุดยอดนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นแม้แต่คนเดียวมานับพันปีแล้วตอนนี้สิ่งที่เรียกว่าจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนร้างตะวันออกกลับปรากฏอยู่บ่อยครั้งซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นจอมจักรพรรดิโบราณทั้งสิ้นผู้ที่สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับจอมจักรพรรดึกดําบรรพ์ได้งัน ? ฝันไปเถอะ !”
ราชันบรรพบุรุษผมสีม่วงอดหัวเราะไม่ได้
จอมยุทธ์ระดับสุดยอดคืออะไร ?
ฟ้าดินต่างกราบไหว้ ไร้ผู้เทียบในจักรวาล
ไม่รู้ว่าหลังจากผ่านไปนับหมื่นปีจะเป็นไปได้หรือไม่ที่โลกจะสามารถให้กําเนิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้
แม้จะมีพื้นหลังเป็นเผ่าพันธุ์หมื่นเซียน แต่จํานวนจักรพรรดิโบราณที่เกิดในระยะเวลานานเช่นนี้นั้นก็ยังหาได้ยากมาก
แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของจอมจักรพรรดิดึกดําบรรพ์จะทั้งยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรืองแต่ก็มีจักรพรรดิโบราณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีข้อยกเว้น
เป็นเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์ จะสามารถทําให้เกิดการมีอยู่ของจอมยุทธ์ระดับสุดยอดอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร ? ไม่น่าเป็นไปได้
“สถานที่นี้เปรียบเสมือนสุสานขนาดใหญ่ที่สามารถฝังมดเผ่ามนุษย์ได้ทั้งหมด”
“อย่าเสียเวลารีบไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กลางหาคนเหล่านั้นและนําพวกเขากลับเมืองพวกเขาทั้งหมดจะถูกกําจัด
“ด้วยเลือดของเผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านี้เท่านั้น จึงจะสามารถระงับความโกรธในใจของเราได้”
ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าพวกเขาอยู่ตรงนั้นชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นทุกคนก็ไปที่ใจกลางของภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนลับที่ห้า
“ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้ามาพร้อมกันงั้นรึ ? เร็วมาก”
ฉันมู่ขมวดคิ้ว กระซิบ
เขาสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้า
ในตอนนี้ผู้นํากองกําลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งห้าคนได้ออกจากบันไดหินแล้วและกําลังรวมตัวกับศิษย์ของตนกลับตามเส้นทางเดิม
แม้ว่าแท่นสักการะเทพเซียนนั้นลึกลับมาก และอาจมีความลับของยุคสมัยที่ซ่อนอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่กระแสใยปราณผันผวนสีขาวขุ่นที่ตกลงมาปกคลุมทุกสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะบังคับได้
ผู้นํานิกายเทียนเฉินที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอะไร แต่หัวใจของทุกคนก็เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาแค่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิโบราณแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์แท่นสักการะเทพเซียนอาจถูกทิ้งไว้โดยจอมจักรพรรดิโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ทุกสิ่งที่นี่คือข้อพิสูจน์ที่แท้จริงพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของจักรพรรดิโบราณ
พิสูจน์ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมีจักรพรรดิจริงๆ
ไม่ใช่มดที่มีไว้ไห้เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนสังหาร
ผู้นํากองกําลังหลักทั้งห้านํากองกําลังกลับคืนอย่างรวดเร็ว
ประการแรก เพราะเมื่อมาถึงที่นี่แล้วไม่มีอันตราย
ประการที่สอง พวกเขายังต้องการกลับไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้และแจ้งให้ผู้คนทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นที่นี่
พวกเขาเชื่อว่า มีหลายเผ่าพันธุ์ในแดนร้างตะวันออก
ซึ่งถ้าได้รู้ข่าวนี้ จะต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอน
“น่าเสียดายที่มาช้าไปหน่อย มิเช่นนั้นพวกราชันบรรพบุรุษจะอยู่ที่นี่และถูกสังหารโดยตรง
ฉินมู่มองร่างของผู้คนที่จากไปแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
หากราชันบรรพบุรุษเหล่านั้นมาที่เส้นทางโบราณสายนี้ ฉันม่สามารถเปิดใช้งานพลังที่ทรงอํานาจที่สุดของที่นี่ ลบล้างพวกนั้นทิ้งไปได้
แต่ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์หลายคนกําลังจะออกจากดินแดนลับอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะพบกับราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์พวกนั้นแล้วนําตัวมาที่นี่
แต่ฉันไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะเขาวางแผนไว้อย่างหลากหลายแล้ว
หากวิธีใดวิธีหนึ่งไม่ได้ผล ก็เปลี่ยนเป็นวิธีอื่น
เขาเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองแท่นสักการะเทพเซียนที่ล่องลอยอยู่เหนือสวรรค์ทั้งเก่ารอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
เหนือแท่นสักการะเทพเซียน มีกระแสพลังแห่งความโกลาหลที่กําลังพุ่งทะยานไม่มีใครสามารถมองทะลุได้
แต่เขาสามารถเห็นได้ว่าเหนือแท่นสักการะขึ้นไปนั้นเป็นกําแพงหินอันขรุขระ
ไม่ชัดเจนนัก ดูเหมือนจะมีระฆังสีเหลืองทองขนาดใหญ่ ซ่อนอยู่ในกําแพงภูเขา”
ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสิบจากห้ากองกําาลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างก็พากันเปี่ยมไปด้วยความยินดีขณะเด้นทางกลับไปยังทางเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าเหมืองและพร้อมที่จะออกไปกระแสพลังอันยิ่งใหญ่ของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าก็แผ่มาจากที่ไกลๆร่างที่เหมือนกับเทพมารนั้นตกลงมายังโลกทําให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก
“น…!”
“โอ้พระเจ้า กระแสพลังของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ ห้า ห้าราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ !
“มีราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ห้าคน พวกเขาจะทําอะไรกัน”
ทุกคนช่างน่าเกรงขาม ถึงแม้จะเป็นผู้นํากองกําลังทั้งห้าคน แต่ก็ล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียด
ราชันดึกดําบรรพ์ทั้งห้ามารวมตัวกัน มาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อพวกเขางั้นรี ?
ขณะที่คนจากกองกําลังต่างๆ กําลังคิดถึงสิ่งนี้ เสียงที่ไม่แยแสจากฟ้านั้นก็ทําให้ทุกคนหน้าซีด
“ห้ะ มดพวกนี้ออกมาเอง”
“ออกมาก็ดี ประหยัดแรงขึ้น”
“ไม่พบเสื้อดําหรือกระแสพลังของเรา สันนิษฐานว่าโองการถูกทําลายเสือดําก็ตายด้วย”
“มดเผ่าพันธุ์มนุษย์ จงรับโทษ ! ”
ห้าร่างสูงตระหง่านของราชันบรรพบุรุษ เหาะลงด้านหน้าของ “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์”แม้แต่แสงแดดก็ยังถูกบดบัง ทําให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง
ราชั้นบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์เหล่านี้มาหาพวกเขาจริงๆ และดูเหมือนว่าผู้มาเยือนจะไม่ได้มาดี
ผู้นํากองกําลังเผ่าพันธุ์มนุษย์รู้สึกกระวนกระวาย เขากัดฟันและพูดว่า
“ข้าไม่รู้ว่าทําไมราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าจึงมาถึงที่นี่”
ถ้พวกเขารู้ก่อนว่าราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์จะมา พวกเขาทุกคนจะได้ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ใต้ดินที่ลึกที่สุดและไม่ออกมา
แต่ตอนนี้ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์มาอยู่ใกล้แค่เอื้อม พวกเขาอยากกลับไปข้างในอีกดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาส
“เกิดอะไรขึ้นกับเสือดําพวกเจ้าไม่รู้ว่าจะหาที่ตายอย่างไรงั้นรึ?”
ราชันดึกดําบรรพ์ผมสีม่วงเอ่ยขึ้น ดวงตาที่แดงดุจเลือดเปี่ยมไปด้วยความเฉยเมย
“ไม่เคารพโองการ สังหารผู้ส่งสารของเรา ทําลายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าเจ้าจะต้องถูกประ หาร ! ”
หลังจากนั้น ราชันดึกดําบรรพ์ผมสีม่วงผู้นี้ก็ไม่พูดอะไรมากอีกต่อไปเขาไม่ต้องการได้ยินสิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์พูดเขายื่นฝ่ามือออกมาสร้างเป็นฝ่ามือยักษ์แล้วประทับลงไป !
ฝ่ามือยักษ์ที่เปี่ยมไปด้วยกระแสพลังอันทรงอํานาจปกคลุมท้องฟ้าซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชันศักดิ์สิทธิ์จะสามารถต้านทานได้
หากฝ่ามือนี้ถูกกดลงเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้านล่างน่าจะมีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่จะต้องตาย
ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์อีกสี่คนมองดูฉากนี้อย่างเย็นชา
ถึงแม้จะพูดไปก่อนหน้านี้ว่ามดเผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านี้จะต้องถูกจับและพากลับไปยังเมืองก็ตาม
แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของราชันผมสีม่วงก็ถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์กําจัดโดยไม่ทราบสาเหตุและเขาก็เสียหน้า
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะสังหารส่วนหนึ่งของมดเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพื่อระงับความโกรธของพวกเขาไม่มีใครอยากหยุดมัน
ฝ่ามือยักษ์ที่ปกคลุมท้องฟ้านั้นนําเอากระแสพลังและความหวาดกลัวที่สามารถทําลายทุกสรรพสิ่งทําให้ทุกคนข้างล่างต่างสิ้นหวัง นี่ไม่ใช่พลังในระดับที่จะต่อต้านได้
แม้แต่ผู้นํากองถ่าลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งห้าคนในตอนนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสิ้นหวัง
ราชันบรรพบุรุษในโลกนี้ประดุจจักรพรรดิที่ไม่มีใครเทียบได้
พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะหลบหนี
แต่ในช่วงเวลาวิกฤตินี้
ดินใต้ฝ่าเท้าของทุกคน ฝุ่นละอองพลันเริ่มสั่นไหวและถูกพัดปลิวออกไป !
ไม่ ไม่ใช่แค่พื้นดินที่อยู่ใต้เขา เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งลูกที่สั่นสะเทือน
กระแสพลังอันศักดิ์สิทธิ์และสงบสุข แผ่กระจายไปทั่วทั้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์
“เหง่งงงงง…”
ทุกคนดูเหมือนจะได้ยินเสียงระฆังยาวดังขึ้นจากใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ระฆังอะไรกัน
เสียงระฆังยิ่งใหญ่และสง่างามหาใดเทียบ ดั่งเสียงแรกของโลกที่ไร้ผู้ฟังหลังการสร้างโลกสะท้อนก้องไปมาระหว่างฟ้าดิน
มันเหมือนกับแสงแรกในความมืดที่ไร้ตัวตน แบ่งแยกความมืดมิดออกเป็นส่วน ส่องสว่างทั่วทุกทิศทาง
เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสองสําเนียง ไม่เพียงแต่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงยอดเขาที่อยู่รายล้อมรอบด้วยทั้งหมดต่างพากันสะท้อนสะเทือนกําทอนไปพร้อมกัน !