จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活] - บทที่ 67 รุกกี้เดวิมอนร้องขอความเป็นธรรม
บทที่ 67 รุกกี้เดวิมอนร้องขอความเป็นธรรม
“เธอหูฝาดไปหรือเปล่า”
ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ปรากฏตัวขึ้นในอีกสิบวินาทีต่อมา ดวงตางดงามจับจ้องไปยังผนังรอบ ๆ อย่างไม่แน่ใจเล็กน้อย
ศาสตราจารย์ดีดี้กระพือปีกบินพลางมองไปรอบ ๆ ด้วยเช่นกัน “ถ้าเราไม่ตรวจสอบ ฉันคงรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอดเวลา และตอนนี้เด็ก ๆ ก็เริ่มรับมือได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
ศาสตราจารย์ซิลเวอร์อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย “ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ที่ผ่านมาเราไม่มีเวลาแม้แต่จะได้เรียนรู้เลย… นับประสาอะไรกับการออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนกัน!”
…
มันมีเพียงกำแพงกั้นเท่านั้น
ดาร์กสงบจิตสงบใจ รอให้ศาสตราจารย์ซิลเวอร์และศาสตราจารย์ดีดี้จากไป และเมื่อพวกอาจารย์ไปแล้ว เด็กชายก็โล่งใจ ปล่อยรุกกี้เดวิมอนลง
รุกกี้เดวิมอนถูกเจ้านายกอดรัดเอาไว้อย่างรุนแรง เมื่อครู่มันแทบจะขาดใจตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
พอหายใจได้จึงหอบเอาอากาศเข้าไปเต็มปอด และจู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับตัวมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจขึ้นมาจริง ๆ จากนั้นเจ้าตัวแสบจึงเอ่ยขึ้นว่า “อากาศช่างดีเหลือเกิน”
ดาร์กพูดไม่ออก “นายเป็นแค่วิญญาณรับใช้ ถึงกับต้องตอบสนองเวอร์ขนาดนี้ด้วย?”
รุกกี้เดวิมอนก้มหน้าลงและพึมพำ “เป็นวิญญาณรับใช้แล้วไงเล่า? เป็นวิญญาณรับใช้แล้วไม่มีสิทธิ์หายใจรึไง ฮึ?”
ดาร์กไม่สนใจจะพูดกับมันอีกแล้ว “ไปเถอะ หาทางไปกันต่อ”
“ก็ได้ ( 。 •ˇ‸ˇ• 。 )”
รุกกี้เดวิมอนก้มหัว คอตกและบินไปข้างหน้าตามเจ้านายสั่ง
ดาร์กหยิบปากกาพลังเวทของเขาออกมา พลางทำเครื่องหมายตามทางโดยทิ้งรอยพลังเวทไว้บนผนัง
ผีเสื้อจากการ์ดดอกไม้เห็นได้ชัดว่ามันไม่ฉลาดนัก จึงไม่รู้ว่าจะเลือกเดินไหน จึงทำได้เพียงแค่ชี้นำทางเท่านั้น
ถ้าดาร์กเดินตามมันไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เขาคงเดินชนกับกำแพง
ในใจรู้สึกดีใจที่ตัวเองเอากระเป๋าสะพายข้างมาด้วย และเครื่องมือที่จำเป็นทั้งหมดก็อยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน
อาศัยแค่จินตนาการเชิงพื้นที่ในหัวสมองของเขา ย่อมไม่เพียงพอที่จะวาดแผนที่จากอากาศได้
คบไฟทั้งสองข้างของทางลับยังคงสว่างขึ้นเรื่อย ๆ และมันค่อย ๆ ส่องทางนำไปข้างหน้า
ดาร์กเดินผ่านไปทุกเส้นทาง เมื่อเดินผิดทางก็แค่เดินกลับมาแล้วเลือกทางอื่นแทน
เด็กชายทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ จนเขาใช้เวลาเดินอยู่ในเขาวงกตลับมานานกว่าครึ่งชั่วโมง!
ช่วยไม่ได้ที่การทำเช่นนี้ มันทำให้ประสาทสัมผัสของดาร์กทื่อลงไปตามกาลเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการยากที่จะแยกแยะทิศทางไหว
ขณะที่เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังข้ามกำแพงมา
“ปลาหมึก สิ่งที่นายทำเมื่อคืนนี้มันมากเกินไปหน่อยนะ!”
“นายนี่จริง ๆ เลยปลาปักเป้า ถ้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ก็ออกจากภาคีเราไปเลยดีกว่า!”
“ฉันรู้ว่านี่เป็นเพียงการทดสอบ แต่…”
“ไม่มีแต่! ดูคางอ้วน ๆ กับพุงป่อง ๆ ของนายสิ พ่อแม่นายบอกแบบนี้แล้วทิ้งนายรึเปล่า?”
“ปลาหมึก นั่นหยาบคายมาก…”
“ฉันแค่พูดความจริง”
“ช่างมันเถอะ ฉันเถียงนายไม่ชนะอยู่แล้ว เราต้องทำอะไรต่อไปถ้างั้น?”
“ซ่อนตัว อย่าให้อาจารย์รู้”
…
ขณะที่เสียงเหล่านั้นหายไป ดาร์กก็พึมพำกับตัวเอง “ฉลาดจริง ๆ ที่เรียกกันด้วยชื่ออาหารทะเล ดูเหมือนว่าคุณปลาหมึกจะเป็นคนที่เปลี่ยนโรเบิร์ตให้กลายเป็นผู้หญิงเมื่อคืนนี้สินะ”
จากนั้นเขาก็รอที่เดิมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปตามกำแพง จนในที่สุดเขาก็เห็นเส้นทางรอบกำแพง
ดาร์กเคลื่อนตัวไปทิศทางตรงกันข้ามกับที่ปลาหมึกและปลาปักเป้าได้หายไป และในที่สุดเด็กชายก็กลับมาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง
จากปฏิกิริยาของผีเสื้อ เขารู้สึกได้ว่าจุดหมายสุดท้ายไม่น่าจะอยู่ไกลจากนี้
ดังนั้น ฝีเท้าของเด็กชายจึงชะลอตัวลง
ดาร์กไม่รู้ว่ามีคนใน ‘ภาคี’ ที่ว่านี้กี่คน
ถ้ายังมีคนอยู่ข้างใน เขาต้องเตรียมใจให้พร้อมก่อนจะลงมือ
แต่ดูเหมือนดาร์กจะโชคดีมาก เพราะกระทั่งเข้ามาในห้องโถงเล็กแล้ว เขาก็ไม่เจอใครเลย…ไม่สิ มีคนอยู่!
ดาร์กหันหลังกลับทันที แผ่นหลังพิงกำแพงแล้วค่อยลอบมองเข้าไป
ทว่าผีเสื้อกลับดูเหมือนตื่นเต้นราวกับพบเจออะไรบางอย่าง มันบินเข้าไปข้างในนั้นอย่างควบคุมไม่ได้
‘นี่ไม่ดีแล้ว’ ดาร์กครุ่นคิดกับตัวเอง แล้วเห็นว่าด้านหลังรูปปั้นในห้องโถง มีเงาที่เพิ่งเปิดปรากฏออกมาถอยตัวกลับในทันที!
“( ⊙ o ⊙ ) หืม?”
ปฏิกิริยานี้?
ดาร์กรู้สึกประหลาดใจ
คนที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังนั่น…ดูเหมือนกังวลว่าจะถูกเจอตัวเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้ดาร์กตระหนักได้ในทันทีว่านั่นก็เป็นผู้บุกรุกด้วย
“ฉันควร… แกล้งคนคนนั้นไหมนะ”
ความคิดนี้หายไปในพริบตา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง ๆ
สาเหตุหลักคือผีเสื้อบินไปรอบ ๆ รูปปั้นแล้วกำลังร่อนตัวลงมา โดยการบินไปตามส่วนต่าง ๆ ของรูปปั้นราวกับเก็บน้ำหวาน
รูปปั้นดูประณีตดุจหยกที่เรียบเนียน สวยงามจนเปล่งประกายแสงสีขาวนวลออกมา และทุกครั้งที่ผีเสื้อบินร่อนลงมา พวกมันจะจับต้องกับประกายแสงนั้น
แต่ประกายแสงนั้นอยู่ได้ไม่นานก็กลับกลายเป็นฝุ่นผงระยิบระยับและหายวับไปในอากาศ
คนที่ซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นได้รับผลกระทบจากผีเสื้ออย่างเห็นได้ชัด ดาร์กสามารถได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาจากอีกฝ่าย
ดูเหมือนว่าบุคคลนั้นจะต้องการไล่ผีเสื้อที่เข้าไปใกล้?
ด้วยการคาดเดาบางอย่างในใจ ดาร์กดึงชุดหน้ากากทักซิโด้ออกจากซองการ์ด
“จงออกมา”
หลังจากแสงริบหรี่ลง ชุดนักเรียนของดาร์กก็ถูกแทนที่ด้วยชุดแต่งกายราคาถูก
ชุดดำ หมวกทรงสูง แว่นสีขาว เสื้อคลุมสีแดงเข้ม ถุงมือสีขาว และดอกกุหลาบสีแดงเลือดนก!
หากไม่รวมวัสดุการแต่งกายที่ราคาถูก มันก็ถือได้ว่าเป็นเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษทั่วไป
ดาร์กแตะแก้มของเขา ในใจรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่น่าเรียกว่า ‘หน้ากาก’ เพราะมันเป็นแค่แว่นตาคู่เดียว
แต่จะให้หาอะไรมาปิดใบหน้าตอนนี้ เขาก็หาไม่ได้จริง ๆ
…
ในขณะเดียวกัน…
คนที่ซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นอาจรู้สึกหงุดหงิดกับผีเสื้อ หรือเขาอาจค้นพบว่าดาร์กก็เป็น ‘ผู้บุกรุก’ เช่นกัน… แน่นอนว่า เขาอาจรู้สึกตนเองถูกพบตัวแล้วด้วยเช่นกัน
และภายในเวลาอันสั้น เขาก็เริ่มไล่ผีเสื้อรุนแรงขึ้น!
ทันใดนั้นเอง หลังจากที่รูปปั้นสว่างไสวด้วยประกายแสงผิดปกติ ผีเสื้อที่บินอยู่รอบ ๆ รูปปั้นก็ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น!
เปรี๊ยะ!
ดาร์กดึงการ์ดดอกสกุลเขากวางอ่อนออกมา และพบว่ามีรอยร้าวร้ายแรงปรากฏขึ้นตรงกลางการ์ดดอกไม้ใบนี้!
“ไม่คิดเลยว่าศาสตราจารย์จะไม่ได้โกหกฉัน มันเป็นแค่ของเล่นจริง ๆ”
ดาร์กตระหนักว่าในที่สุดเขาก็พบความจริงในคำพูดของศาสตราจารย์ และไม่รู้ว่าตนควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เพราะหากเป็นการ์ดวิญญาณธรรมดา มันจะไม่ถูกทำลายโดยตรงแม้ว่าสปิริตจะถูกทำลายไป
…
“หยุดซ่อนตัว แล้วออกมาซะ!”
เวอร์เธอร์ กาวด์เดินออกมาจากด้านหลังรูปปั้นตามด้วยกวางตัวผู้คู่บารมี!
ดาร์กเกือบหัวเราะออกมาหลังจากเห็นชุดของเวอร์เธอร์
ที่จริงแล้วเวอร์เธอร์ก็ใช้การ์ดแต่งตัวเช่นกัน และมันคือ <ชุดไอ้มดแดง> แบบเต็มตัว หรือจะเรียกว่า ‘<ชุดไอ้แมลงวัน>’ ที่ทำขึ้นโดยรุ่นพี่ลีออน!
หมอนั่นหลงกลรุ่นพี่ลีออนแล้ว
สรุปคือเวอร์เธอร์สวมชุดแมลงวัน ที่ดูเหมือนแมลงวันตัวใหญ่ มีหน้ากากดวงตาขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าของเขา
หากตัดเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกไป มันก็ปกปิดตัวตนของเขาได้ดีทีเดียว อีกอย่างชุดไอ้แมลงวันนี้ดูจะมีประโยชน์กว่าชุดหน้ากากทักซิโด้ของดาร์กเสียอีก
แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเขาพยายามปกปิดตัวเองอยู่ แล้วทำไมถึงต้องเรียกกวางสีขาวออกมาด้วย?
“ไม่นะ ฉันกลั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว ฉันต้องเรียนรู้จากเวอร์เธอร์และอย่าทำพลาดแบบเดียวกับเขา”
ดาร์กหันหลังกลับและวิ่งหนีไปโดยไม่ลังเล ทิ้งภาพแผ่นหลังอันลึกลับของเขาให้กับบุตรแห่งวีรบุรุษ ซึ่งในที่สุดก็รวบรวมความกล้าที่จะก้าวออกมา
แต่เวอร์เธอร์ดูเหมือนจะอารมณ์ค้างไปหน่อย เมื่อเห็นใครบางคนหนีไปโดยไม่ต่อสู้ ในใจราวกับรู้สึกถูกกระตุ้น เขาวิ่งไล่ตามอีกฝ่ายไปทันที