จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活] - บทที่ 82 ดาร์ก เดม่อนแปลงร่างเป็นชาวไร่
บทที่ 82 ดาร์ก เดม่อนแปลงร่างเป็นชาวไร่
เห็นได้ชัดว่าป้าอ้วนชอบดาร์ก
นักเรียนปีหนึ่งที่ทั้งขยัน สุภาพ หน้าตาน่ารัก จะไม่ให้เธอถูกใจได้อย่างไร?
เธอกวักมือเรียกดาร์กและเดินไปที่เคาน์เตอร์
ดาร์กเดินตามมาที่เคาน์เตอร์ และเห็นเธอหยิบตะกร้าออกมาจากด้านล่าง
ตะกร้าไม่ใหญ่มาก และในนั้นมีผลไม้แค่ห้าผล
ดาร์กไม่ได้ศึกษาพืชชนิดอื่นมานอกจากพืชที่เขาต้องการเลย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นผลไม้ชนิดใดบ้าง
แต่เวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาอาย หากจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง การแสร้งทำเป็นเข้าใจเรื่องที่ไม่รู้อะไรเลยต่างหากที่น่าอาย
ดาร์กเอ่ยปากถามอย่างสงสัย “คุณป้าครับ นี่ผลไม้อะไรเหรอครับ? แล้วมันให้เอฟเฟกต์อะไรบ้างครับ?”
ป้าอ้วนเอื้อมมือออกไป จัดผลไม้สามอย่างรวมกันพลางพูดว่า “สามผลนี้เป็นผลของต้นไม้ร้องเพลง”
ต้นไม้ร้องเพลงเป็นบอนไซชนิดหนึ่งที่จะเกิดเสียงจิ๊บ ๆ เวลาเจอกับแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น ‘นาฬิกาปลุกสีเขียว’ ที่เหมาะสำหรับใช้ในหอพักมาก
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ดาร์กได้รู้ว่า ต้นไม้ร้องเพลงก็ออกผลได้ด้วย
ผลของต้นไม้ร้องเพลงทั้งสามลูกนั้นใหญ่ไม่พอ แต่กลับเกลี้ยงกลมมากทีเดียว ซึ่งมันดูเหมือนกับบลูเบอร์รีขนาดใหญ่สามลูก
แต่ผลของต้นร้องเพลงมีเอฟเฟกต์พิเศษอย่างไรบ้างนี่สิ?
จะทำให้คนร้องจิ๊บ ๆ เหรอ?
ดาร์กมองไปยังป้าอ้วน
ป้าอ้วนยิ้ม “เธออาจจะยังไม่ได้เรียนในปีแรก ผลของต้นไม้ร้องเพลงเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของการ์ด [เงียบสงัด] พวกมันสามารถดูดซับคลื่นเสียงได้!”
ดาร์กครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม “นี่มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยครับ ถ้าผลของต้นไม้ร้องเพลงสามารถดูดซับคลื่นเสียงได้ หลังจากที่ต้นไม้ร้องเพลงไม่มีผลแล้วมันก็ไม่น่าจะร้องเพลงได้อีกต่อไป ไม่ใช่เหรอครับ?”
ป้าอ้วนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตรงกันข้ามเลย หลังจากที่พวกมันออกผลแล้ว พวกมันก็จะส่งเสียงร้องดังขึ้นอีก พวกมันจะดูดซับคลื่นเสียง เก็บไว้และปล่อยมันออกมาอีกครั้ง”
ดาร์กยังคงสับสน แต่ป้าอ้วนดูเหมือนจะไม่อยากพูดต่อ เธอหยิบผลไม้ผลหนึ่งจากอีกสองผลที่เหลือมาวางบนโต๊ะ
ผลไม้นี้มีรูปร่างคล้ายกับสับปะรด แต่มันมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น
ป้าอ้วนกล่าวว่า “นี่คือผลของต้นเกลียว”
ดาร์กทำหน้าสับสน “ต้นเกลียว มันคือต้นไม้อะไรครับ?”
ป้าอ้วนชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งในร้าน
ดาร์กมองไป มันเป็นต้นไม้เล็ก ๆ และยังดูแปลก เพราะลำต้นของมันเป็นเกลียว ใบไม้ที่งอกออกมาจากมันก็ม้วนตัวราวกับกระดิ่งลม หมุนไปเล็กน้อยตามสายลม และส่งเสียงเหมือนกระดิ่งลม
ทำไมไม่เรียกมันว่าต้นกระดิ่งลมล่ะเนี่ย?
ป้าอ้วนกล่าวว่า “การวางใบต้นเกลียวไว้บนโคนหูสามารถป้องกันอาการวิงเวียนศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ สติกเกอร์แก้อาการเมารถที่ขายดีที่สุดตอนนี้ก็ทำจากใบต้นเกลียวเป็นส่วนผสมหลัก แต่ผลของมันทำให้คนเวียนหัวได้”
จู่ ๆ ดาร์กก็สนใจผลต้นเกลียวที่คล้ายสับปะรดนี้
ป้าอ้วนหยิบผลไม้ชิ้นสุดท้ายออกมา
มันเป็นผลไม้กึ่งโปร่งแสงที่มีขนาดใกล้เคียงกับส้ม
เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ดาร์กก็เห็นหลุมของผลไม้
ป้าอ้วนกล่าวว่า “นี่คือผลของต้นไม้หนอน”
ดาร์กตกใจทันที “ต้นไม้หนอนก็ออกผลได้เหรอครับ?”
“แน่นอนสิ” ป้าอ้วนอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “มันต้องใช้วิธีการพิเศษมากในการปลูก เพื่อที่จะให้พวกมันออกผลได้ ผลของมันหายากมากแถมยังสามารถเก็บความทรงจำของผู้คนได้ชั่วคราว แต่ถ้าจะเอาออกมาก็ใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปแค่เล็กน้อย มันเป็นเหมือนกับลูกบอลความทรงจำตามธรรมชาติน่ะ”
…
ในตอนนี้มีผลของต้นไม้ร้องเพลงสามผล ผลของต้นเกลียวหนึ่งผล ผลของต้นไม้หนอนหนึ่งผล
ผลไม้ทั้งหมดห้าผล
ในหมู่พวกมัน ผลของต้นไม้ร้องเพลงถูกที่สุด เพราะใช้เพียงสิบคะแนนเท่านั้น
ผลของต้นเกลียวมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย โดยมีราคาสามสิบคะแนนต่อชิ้น
ส่วนผลของต้นไม้หนอนนั้นราคาเท่ากับครึ่งหนึ่งของต้นไม้หนอน!
แม้ว่าดาร์กจะมีคะแนนอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากใช้จ่ายสิ้นเปลือง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ซื้อผลของต้นไม้หนอน แต่ใช้หกสิบคะแนนเพื่อซื้อผลไม้ที่เหลืออีกสี่ผล
เหตุผลหลักก็คือ เขานึกไม่ออกว่าผลของต้นไม้หนอนจะมีเอฟเฟกต์อะไรเพิ่มเติม หลังจากถูกหมักเป็นน้ำผลไม้
ถ้าต้องการเก็บความทรงจำ ดาร์กก็มีต้นไม้หนอนอยู่แล้ว ดังนั้นการเอาผลของต้นไม้หนอนมา ดูจะเป็นการเสียคะแนนเปล่า ๆ
ในทางตรงกันข้าม ผลของต้นไม้ร้องเพลงและผลของต้นเกลียว ดูเหมือนจะมีประโยชน์มาก
หลังจากออกจากร้านดอกไม้แล้ว ดาร์กก็เริ่มซื้อของอีกครั้ง
มีหลาย ๆ พื้นที่บนถนนนักเดินทางที่ไม่ได้เปิดให้นักเรียนชั้นปีหนึ่ง
สาเหตุหลักเป็นเพราะว่านักเรียนปีหนึ่งยังมีความรู้เรื่องเวทมนตร์ไม่ดีพอ หากพวกเขาไปสัมผัสกับสิ่งของที่อันตรายมากเกินไป มันจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาเอง
ดาร์กมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเจอร้านขายน้ำยาในที่สุด
ร้านขายน้ำยาไม่เพียงแต่ขายน้ำยาที่ปรุงสำเร็จแล้วเท่านั้น แต่ยังขายวัตถุดิบบางอย่างสำหรับการปรุงยาด้วย ดังนั้นส่วนใหญ่มันจึงเกี่ยวข้องกับผลไม้และสมุนไพรเป็นหลัก
และผลไม้ที่นี่ก็มีข้อมูลรายละเอียดที่ชัดเจนดี
ดาร์กหยิบผลไม้สีขาวและผลไม้สีน้ำเงินสองสามผลที่อยู่ข้างในออกมา
ผลไม้สีขาวเป็นวัตถุดิบหลักอย่างหนึ่งในการทำ [พลาสเตอร์ฟื้นฟู]
ส่วนผลไม้สีน้ำเงินเป็นวัตถุดิบในการทำ [น้ำยาฟื้นฟูพลังเวทมนตร์]
ในคาบวิชาปรุงยาของศาสตราจารย์ทอมป์สัน ดาร์กได้ใช้ผลไม้สีน้ำเงินเพื่อทำ [น้ำยาเวทมนตร์ความเร็วสูง] และ [น้ำยาฟื้นฟูพลังเวทมนตร์]
น้ำยาที่ทำในสองคาบนั้นยังคงอยู่ในหอพักของเขา
และในเมื่อตอนนี้ เขาได้เรียนรู้วิธีขัดเกลาน้ำยาให้เป็นการ์ดเวทมนตร์แล้ว เขาก็จะให้ความสำคัญกับน้ำยาทั้งสองสำหรับการทดลองก่อน
ผลไม้สีขาวและผลไม้สีน้ำเงินทั้งสองมีราคายี่สิบคะแนน ซึ่งเป็นราคาส่วนลดสำหรับนักเรียน
ดาร์กซื้อไปอย่างละห้าผล
…
พลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา และท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง
ดาร์กกลับมาพร้อมกับถุงมากมาย
มีหลายคนรอบ ๆ ตัวเขาที่กลับมาพร้อมถุงมากมายเช่นกัน แต่ของพวกเขาเต็มไปด้วยของหวาน ขนม เสื้อผ้า และเครื่องประดับ
แน่นอนว่ายังมีคนผิดปกติอย่างเช่นเอ็มม่า ที่ปล่อยให้นากที่น่าสงสารสองตัวช่วยขนหนังสือสองกอง
เมื่อดาร์กกลับมาที่ปราสาท เขาก็เจอกับไดแอนนาที่เพิ่งกินข้าวเสร็จ และกำลังจะไปตลาดกลางคืนกับโรส
ก่อนที่ดาร์กจะได้พูดอะไร ไดแอนนาก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันทำเสร็จแล้ว ฉันทำเสร็จแล้ว ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว!”
งั้นก็ดีแล้ว…
ดาร์กหยุดพูด และมองดูพวกเขาจากไปประหนึ่งเป็นบิดาผู้ใจดีกับลูกสาว
…
หลังจากกลับมาถึงห้องพักและจัดของต่าง ๆ โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว ดาร์กก็อัญเชิญชัคคารุออกมาหมักน้ำแอปเปิ้ลให้หนึ่งแก้ว ก่อนจะยกขึ้นมาจิบ
เมื่อพลังในกายฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย เขาก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะหยิบผลของต้นไม้ร้องเพลงออกมาทดลอง
มีผลไม้ทั้งหมดสี่ชนิดในหมู่พวกมัน ผลไม้ขาวและผลไม้สีน้ำเงิน เขาสามารถคาดเดาผลได้ แต่ผลของต้นไม้ร้องเพลงและผลของต้นเกลียวนั้นเขายังไม่แน่ใจนัก
เพราะอย่างนั้น ดาร์กจึงอยากรู้เอฟเฟกต์ของผลไม้ทั้งสองชนิดนี้หลังจากที่นำไปหมักเป็นน้ำผลไม้มาก
ในหมู่พวกมันมีผลของต้นไม้ร้องเพลงสามผล ซึ่งมีโอกาสให้เขาลองผิดลองถูกได้มากกว่า และมันก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทดลองครั้งแรก
ผลที่ได้คือผลของต้นไม้ร้องเพลงขนาดเท่าบลูเบอร์รี ถูกหมักเป็นเวลาสิบห้านาที!
ในการหมักผลของต้นไม้ร้องเพลงนี้ให้สมบูรณ์ ดาร์กถึงกับต้องเติมพลังเวทมนตร์ให้ชัคคารุอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมันสำเร็จในที่สุด เขาก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้
จากนั้นเด็กชายก็คลี่ยิ้มออกมา และมองไปยังรุกกี้เดวิมอนผู้ที่กำลังจะแอบหนีออกไป