จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 128
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 128
ทั้งเวทีประลองจะตลบอบอวลไปด้วยจิตสังหาร
ผู้ชมที่อยู่ด้านนอกยังคงส่งเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้น และกระหมขึ้นเมื่อจู่ๆด้านบนเวทีประลองก็ปรากฏผู้ท้าชิงสุดแข็งแกร่ง แต้มผลงานนับไม่ถ้วนทุ่มแทงลงข้างฉินเทียน สําหรับนักพนันที่หน้ามืดตามัวเหล่านี้ ฉินเทียนมีแต่ชนะ ไม่มีแพ้
หลินหยานตกตะลึง เขาอยู่ที่สํานักชั้นนอกมาแล้วหลายปี แต่เขาไม่รู้สึกคุ้นหน้าคู่ต่อสู้ของฉินเทียนแม้แต่น้อย เดาว่านี่คงเป็นศิษย์จากสํานักใน แล้วแบบนี้เขาควรจะช่วยลงเดิมพันให้กับฉินเทียนต่อหรือไม่?
ในใจสับสนยุ่งเหยิง หลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจที่จะเดิมพันแต้มผลงานทั้งหมดหนึ่งแสนสองหมื่นแต้มของฉินเทียน
ขณะที่ถือป้ายไม้สีดําของฉินเทียนเอาไว้ หลินหยานก็อดมือไม้สั่นขึ้นมาไม่ได้ แต้มผลงานจํานวนหนึ่งแสนสองหมื่นแต้มนั้นเพียงพอจะผ่านคุณสมบัติเข้าเป็นศิษย์สายในได้เลย เขาอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ แต่ยิ่งตื่นเต้นก็ยิ่งกังวล หากฉินเทียนชนะก็ดีไป แต่หากฉินเทียนพ่ายแพ้เล่า? ผลที่ตามมาเขาคงแบกรับไว้ไม่ไหว
ในสงครามชิงอํานาจ การบาดเจ็บล้มตายนั้นเป็นเรื่องปกติสามัญ
ด้านในเวทีประลอง จิตสังหารสองชุมตั้งประจัญหน้ากัน อยู่ในสภาวะที่พร้อมระเบิดออกทุกเวลา
ชุดคลุมสีดําของหวังซีพัดปลิวไสวทั้งที่ไม่มีลม พลังสวรรค์ยังคงไหลไปรวมยังฝ่ามือทั้งสองของเขา
พร้อมกับสิ้นคําว่า ” เพลิงปีศาจโลกันต์” กลุ่มก้อนเปลวเพลิงก็กวาดม้วนเข้าใส่ฉินเทียน หัวใจของฉินเทียนเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม การต้องมาเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นสวรรค์อีกครั้ง ทําให้จิตใจของเขาว้าวุ่นไม่เบา หากแต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ถูกเขาละทิ้งไว้ในเทือกเขาคุนหลุนได้หวนกลับมาปรากฏอีกครั้ง
เขามีแต่ต้องสู้เท่านั้น!
เต๋ที่เขาเลือกเดินคือเต๋แห่งการฆ่า ดังนั้นมีแต่ต้องปืนปายภูเขาซากศพขึ้นไปเท่านั้น
ภายในจุดตันเถียนของเขา มังกรฟ้าและคชสารดึกดําบรรพ์ได้ถูกกระตุ้น ส่งผลให้คชสารชําระล้างมีอานุภาพมากกว่าเดิม ทุกเท้าที่ก้าวออกของเขาทรงพลังราวกับสามารถพลิกตลบแผ่นดิน
“เหอะ เพียงเป็นสายเกาทัณฑ์ที่น้าวจนสุดหล้าเท่านั้น ยังจะผืนดิ้นรนไปใยา” หวังซีแค่นเสียงก่อนจะประกบฝ่ามือเข้าหากัน กลุ่มก้อนเปลวเพลิงทั้งสองพลันผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นกระบวนท่าทําลายล้างที่น่ากลัวยิ่งกว่าพลังสวรรค์
ไม่ว่าฉินเทียนจะมีพลังปราณลึกล้ําสักเพียงใด แต่ระดับห้าก็ยังไม่อาจต้านทานการโจมตีจากผู้บ่มเพาะขั้นสวรรค์
” ตาย!” หวังซีคําราม เปลวเพลิงที่หมุนเป็นเกลียวคลื่นพลันพุ่งเข้าหาฉินเทียน
กระบวนท่านี้รวดเร็วมาก
“อ๊ากกกก” ฉินเทียนสองตาแดงฉาน เขาเงยหน้ากู่ร้องขึ้นฟ้า เตาแห่งการฆ่านั้นไร้ซึ่งความกลัว มันดํารงอยู่เพียงเพื่อฆ่าเท่านั้น……….
ฆ่า ฆ่า ฆ่า! ห้วงสมองของฉินเทียนหลงเหลือเพียงคํานี้เท่านั้น
ปราณเพลิงสีม่วงสุดแกร่งกร้าวเริ่มแผ่พุ่งขึ้นฟ้า ค่าพลังปราณที่เขาสะสมเก็บไว้พลันลดลงด้วยอัตราเร็วที่น่าใจหาย อานุภาพของทักษะที่ใช้ออกด้วยค่าพลังปราณนับหมื่นจุดย่อมเป็นที่จินตนาการได้
เผชิญกับท่าโจมตีทําลายล้างของหวังซี ฉินเทียนพลันพุ่งเข้าใส่ เขาร้องก่อนจะปะทะเข้ากับท่าโจมตีของหวังซิโดยตรง
เมื่อเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการฆ่า การถอยหนีย่อมไม่อยู่ในความคิด
ครืน…………………
เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นภายในเวทีประลอง เกิดเป็นเสียงระเบิดที่ดังราวกับฟ้าจะถล่มดังกึกก้อง
ร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้งที่พลังทั้งสองพุ่งเข้าแลกคมกัน
แต่ละครั้งที่ปะทะ ฉินเทียนก็ยิ่งมายิ่งดุร้าย
ฉินเทียนทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างใช้ออกป้องกันตัว เตามังกรเขียว กระดิ่งเบียงวิญญาณ เกราะปีศาจสงคราม และสมบัติที่มีคุณสมบัติป้องกันทั้งหมด
นัยน์ตาของหวังซีเปลี่ยนเป็นแดงก่ําประดุจโลหิต ใช้เวลานานขนาดนี้แล้วก็ยังคร่าชีวิตฉินเทียนไม่ได้ นี่นับเป็นการเสื่อมเสียหน้าอย่างยิ่ง เขาพลันเร่งโคจรใช้พลังสวรรค์ออกอย่างคลุ้มคลั่ง ” ตายไปซะ!……………”
ยิ้ม!……………
พลังสวรรค์ทรงพลังเพียงใดนะหรือ?
เมื่อหวังซีทุ่มใช้พลังออกไปหมดสิ้น ฉินเทียนย่อมต้านทานไว้ไม่ได้
หวังซีซัดหมัดเข้าใส่ฉินเทียน ร่างของฉินเทียนพลันลอยละลิวไปบนอากาศก่อนจะกระแทกเข้ากับม่านพลังป้องกันอย่างรุนแรง ม่านพลังสั่นสะเทือนอย่างหนักเสียจนเหมือนจะพังทลาย
ฉินเทียนหมอบอยู่บนพื้น ที่มุมปากกระอักโลหิตออกมาคําโต ทั่วทั้งร่างเจ็บปวดอย่างสุดแสน กระนั้นในแววตาของเขายังแหลมคมดุจใบมีด เขาจ้องมองหวังซีก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นเยียบออกมา ” พลังสวรรค์ก็ทําได้แค่นี้ ”
วินาทีถัดมาปราณเพิลสีม่วงก็รวมตัวกันกลางอากาศ ไม่ถึงครึ่งลมหายใจ ทั่วทั้งเวทีประลองก็ปกคลุมไปด้วยปราณเพลิงสีม่วง มองจากระยะไกลแล้วแปลกประหลาดยิ่ง
เสียงแตกตื่นดังขึ้นจากบนอัฒจรรย์
ผู้ใดจะไปคิดเล่าว่าผู้บ่มเพาะระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณคนหนึ่งจะสามารถมีปริมาณที่ลึกล้ําได้ถึงเพียงนี้
แต่สิ่งที่เกิดก็ยังทําให้ผู้คนเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา
ปราณสีม่วงอันหนานแน่นที่ครอบคลุมทั่วเวทีประลองทําให้บดบังสายตาจากผู้คนภายนอก……
“เปิดใช้โหมดปีศาจ!”
แกรัก……………
เสียงกระดูกลั่นดังขึ้นเกรียวกราว
พลังชั่วร้ายสุดแกร่งกร้าวแผ่พุ่งออก พลังชั่วร้ายที่ปีศาจสวรรค์ครอบครองกับพลังชั่วร้ายที่หวังซีครอบครองย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งถือกําเนิดขึ้นโดยธรรมชาติ อีกหนึ่งถูกเพาะสร้าง
ฉินเทียนหยิบเอาแก่นปีศาจออกมาจากแหวนมิติก่อนจะดูดซับมัน
พลังชั่วร้ายของเขาพลันเพิ่มขึ้นจากเดิมนับสิบเท่า
นี่เป็นพลังที่ถูกบ่มเพาะมานับหมื่นปี เป็นพลังที่ไร้ผู้ทัดเทียม
กลิ่นอายของฉินเทียนเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าคว่ําดิน
กลายเป็นปีศาจสวรรค์ที่มีพลังชั่วร้ายเหนือกว่าหวังซีไกลลิบ
เห็นการเปลี่ยนแปลงของฉินเทียน หวังซีก็หน้าซีดเผือด เขาย่อมคาดไม่ถึงว่าฉินเทียนจะสามารถเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจ ทั้งยังแปลงเป็นหนึ่งในสิบราชันปีศาจ ปีศาจสวรรค์
รู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้น ความโกรธในใจก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ตั้งแต่เมื่อใดที่ที่เขาปล่อยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ํานมผู้หนึ่งทําราวกับเขาเป็นมดปลวกเช่นนี้?
หวังซีรีดเค้นพลังสวรรค์อย่างสุดกําลัง
มุมปากของฉินเทียนเผยรอยยิ้มอันดูลี้ลับออกมา ในร่างกายของเขาเวลานี้อัดแน่นไปด้วยขุมพลังอันมหาศาล “สมแล้วที่ถูกเรียกว่าปีศาจบรรพกาล พลังที่สั่งสมไว้ถึงกับมากมายเพียงนี้ แต่น่าเสียดายที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว”
ถูกต้อนเข้าสู่จุดอับ ฉินเทียนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากงัดไม้เด็ดออกมาใช้
”เงาโลหิต จงมา!”
เงาโลหิตจํานวนนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นท่ามกลางปราณเพลิงสีม่วง
ในเวลาเดียวกัน ฉินเทียนที่อยู่ในร่างปีศาจสวรรค์พุ่งตัวเข้าปะทะกับพลังสวรรค์
ครืน……………
ม่านพลังสั่นสะเทือนจนเกิดรอยแตกร้าว ปราณเพลิงสีม่วงเริ่มไหลออกตามรอยแตก
เวทีประลองพลันเกิดรอยแตกขึ้นนับไม่ถ้วนก่อนที่มันจะพังทลายในที่สุด
“เจ้าตัวน้อย ตอนนี้ล่ะ!?
ตัวอ่อนปีศาจหัวเราะคิกคัก พริบตานั้นร่างกายของหวังซีก็ชะงักศึก
” ระเบิด!”
เงาโลหิตทั้งหมดพลันพุ่งเข้าไปในร่างของหวังซีก่อนจะระเบิดตัวพร้อมกัน
ไม่ถึงครึ่งวินาที หวังซีกู่ร้องเร่งเร้าพลังเข้ายับยั้งการระเบิด ขณะเดียวกันก็พยายามจะแหวกฝ่าม่านพลังหนีออกไป ฉินเทียนหัวเราะเสียงเย็น ”ตายซะ!”
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม.”