จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 147
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 147
ฉินเทียนเปิดห้องพักในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งให้เพิ่งผ่านอีและเฮยหยาน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราที่สวมชุดสีดําซึ่งติดสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกสีแดงไว้ตรงหน้าอกก็ปรากฏตัวขึ้นในโรงเตี้ยม
ฉินเทียนแน่นอว่าย่อมทราบว่านี่หมายถึงอะไร
หลังจากอธิบายต่อเพิ่งผ่านอีสองสามคําเขาก็ติดตามชายชราผู้นี้ไป
ชายชราทําหน้าที่นําทางโดยไม่เอื้อนเอ่ยแม้สักประโยค
ฉินเทียนติดตามไปอย่างไม่ใส่ใจพลางรักษาระยะห่างอยู่ช่วงหนึ่งเงียบๆ พวกเขาราวกับสามารถเข้าใจกันและกันโดยไม่ต้องเอ่ยวาจาใด
ถึงแม้จะไม่ได้ถามออกไป แต่ในใจของเขาก็สงสัยเหลือเกินว่าเจ้าเมืองอสูรต้องการจะทําอะไรกันแน่?
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่คิ้วที่ขมวดมุ่นก็ค่อยๆคลายตัวลง “ไม่ว่าจะโชคหรือคราเคราะห์ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี
อยู่ภายในเมืองอสูรแห่งนี้ หากประมุขเจ้าเมืองต้องการจะสังหารฉินเทียนจริงๆ เพียงสั่งการต่อร่างจําแลงนั้น คราหนึ่งก็สามารถบดขยี้เขาได้ในพริบตาแล้ว ไม่จําเป็นต้องชักนําเขาไปหา
จวนที่พักของเจ้าเมืองอสูรเป็นหอสูงตระหง่านฟ้า
ภายนอกหอเป็นสีดําล้วนจนดูราวกับหอคอยเหล็กที่แผ่กลิ่นอายหมื่นออกมาจางๆ ยอดของหอทะลุเมฆหมอกขึ้นไปราวกับวิมานแห่งหนึ่ง ต่อให้เพ่งสายตามองดูก็ยังไม่อาจมองเห็นยอดของหอแห่งนี้
ฉินเทียนยื่นมือไปสัมผัสเบาๆก่อนจะต้องตกตะลึง ใบหน้าพลันมีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา อุณหภูมิของหอแห่งนี้เย็นเยียบสุดขั้วราวกับภูเขาน้ําแข็ง ไม่รู้ว่านี่เป็นวัสดุใดกัน? เมื่อมองสํารวจดูอย่างละเอียดก็พบว่าผิวของมันกําลังเปล่งแสงออกมาจางๆ ฉินเทียนแทบอยากจะทดลองงัดแงะออกมาดู ในใจรู้สึกอัศจรรย์ยิ่ง
แม้จะไม่ทราบว่านี่เป็นวัตถุธาตุชนิดใด แต่มันจะต้องล่าค่าอย่างมาก
เมื่อเดินเข้าไปภายใน ความมืดของที่แห่งนี้ก็มากมายเสียจนแทบมองไม่เห็นนิ้วมือของตัวเอง ราวกับเป็นความมืดอันไร้สิ้นสุด
ที่แห่งนี้ว่างเปล่าราวกับมิติที่แยกตัวเป็นเอกเทศจากโลกหลัก ภายในความมืดนี้ ฉินเทียนที่อยู่ระดับหกขั้นกลั่นวิญญาณใช้ญาณสัมผัสได้แค่ระยะร้อยเมตรรอบตัวเท่านั้น พื้นที่รอบตัวของเขาว่างเปล่าไม่มีสิ่งของวัตถุใด นี่ยิ่งทําให้หอแห่งนี้ดูลี้ลับกว่าเดิม
รอบด้านมีแต่ความมืดมิดที่ออกมาต้อนรับเขา นอกจากชายชราที่ทําหน้าที่นําทางเขามาแล้วก็ไม่พบสิ่งอื่นใดอีก หรือที่แห่งนี้จะไม่มีอย่างอื่นแล้ว?
ภาพร่างในใจของประมุขเจ้าเมืองอสูรยิ่งทวีความลึกลับขึ้นมา
ไม่ต้องกล่าวถึงจะขึ้นไปบนยอดของหอทมิฬที่สูงเสียดฟ้า เพียงความมืดมิดที่รอบกายนี้ก็ทําให้ผู้คนรู้สึกขนลุกขนพองแล้ว สมองของฉินเทียนเริ่มขบคิดฟุ้งซ่าน หากเจ้าเมืองอสูรเป็นสัตว์ประหลาดตนหนึ่งล่ะ…
“เพ้ย ขออย่าให้เป็นสัตว์ประหลาดสุดสยองเลย…..
ฉินเทียนเริ่มสวดภาวนาอยู่ในใจ
หลังจากเดินต่อไปอีกราวครึ่งชั่วโมง ชายชราที่นําหน้าก็หยุดเทลง “ถึงแล้ว”
“ถึงแล้ว?!” ฉินเทียนซึ้ง สายตาเริ่มสอดส่องโดยรอบ หากแต่ก็ยังคงไม่พอสิ่งใด เขากระทั่งเริ่มสงสัยแล้วว่า พวกเขาใช่เดินวนอยู่กับที่ตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า? แต่ดูจากสีหน้าท่าทางอันจริงจังของชายชราแล้วก็ไม่น่าจะโป้ปด “หา? ถึงแล้ว?”
ชายชราพยักหน้า “รอที่นี้ ท่านเจ้าเมืองจะเรียกพบเจ้าเอง”
กล่าวจบก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉินเทียนยืนทําหน้างุนงง
เมื่อชายชราเดินจากไปไกล ฉินเทียนที่ทําอะไรไม่ได้ก็ได้แต่บ่นออกมา “มารดามันเถอะ นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?”
รอบข้างมีแต่ความว่างเปล่า อากาศก็หนาวยะเยือก ฉินเทียนเริ่มครุ่นคิดว่าเจ้าเมืองอสูรผู้นี้เป็นบุคคลเช่นไร
ฝังตัวเองอยู่ในความมืดมิดไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ช่างเป็นประเภทที่หาได้ยากจริงๆ!
ในเมื่ออยู่ในขั้นจักรวาล เช่นนั้นเจ้าเมืองผู้นี้คงเก็บตัวฝึกฝนมาหลายพันปีแล้ว ต่อให้มีวิชาที่สามารถคงความเยาว์วัยเอาไว้ เจ้าเมืองผู้นี้ก็ต้องดูแก่อย่างมากใช่หรือเปล่า? ยิ่งคิดฉินเทียนก็ยิ่งอุกอาจ หลังจากทนรอมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด ฉินเทียนที่ทนไม่ไหวก็ตะโกนออกไป “ฮัลโหล ที่นี่มีคนอยู่หรือไม่?”
รอบข้างยังคงมีแต่ความมืด ไร้สิ่งเสียงของการเคลื่อนไหว
“ท่านเจ้าเมือง ไม่ใช่ว่าท่านต้องการพบข้าหรอกเหรอ?”
รออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับ
ฉินเทียนเริ่มร้อนใจขึ้นมา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
รออีกพักก็ยังไม่ได้รับคําตอบ ในใจฉินเทียนเริ่มกระวนกระวายแล้ว
ฉินเทียนนั่งลงขัดสมาธิก่อนจะใช้พลังวิญญาณตรวจดูสภาพของเหยาคงที่อยู่ในแหวนมิติ จากนั้นจึงใช้กลิ่นอายนักล่าควบคุมกลิ่นอายภายในร่างของเหยาคง
เวลานี้สีหน้าของเหยาคงดีขึ้นมากแล้ว เหยาคงสงบจิตฟื้นฟู ปล่อยให้ฉินเทียนควบคุมสลายพลังที่ตกค้าง ภายในร่าง
หลังจากใช้พลังวิญญาณจนหมดเกลี้ยง หน้าผากของฉินเทียนก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยัง ไม่เรียกเขาเข้าพบ ฉินเทียนก็เปิดหน้าต่างระบบก่อนจะเริ่มปรุงยา
“ปรุงยาสําเร็จ ค่าความชํานาญเพิ่มขึ้น 2…”
“ปรุงยาสําเร็จ ค่าความชํานาญเพิ่มขึ้น 2…..”
“ปรุงยาสาเร็จ ค่าความชํานาญเพิ่มขึ้น 2…”
เสียงที่แจ้งเตือนที่ดังขึ้นภายในจิตใจทําให้ฉินเทียนประหลาดใจขึ้นมา “ความชํานาญเพิ่มขึ้นทีละสอง? เกิดอะไรขึ้น? ปกติต้องได้แค่หนึ่งนี่นา วันนี้ทําไมกลายเป็นสองแล้ว?…”
ฉินเทียนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ฉุกใจคิดพลางลุกขึ้นอย่างอย่างรวดเร็ว “บ้าคลั่ง ขั้นที่หนึ่ง”
“อึ้ง” แสงสีขาวนวลแผ่ออกจากร่างเป็นระลอก จากนั้นจมหายไปในความมืด
ฉินเทียนมุ่งความสนใจไปยังข้อความที่เพิ่งแจ้งเตือนว่าความชํานาญของทักษะได้เพิ่มขึ้นสองหน่วย “นี่ก็เพิ่มขึ้นสอง?”
“บิดาจะร่ํารวยแล้ว……”
“บิดาจะรวยแล้วโว้ยยยย” ฉินเทียนตะโกนซ้ําๆราวกับคนบ้า
ในอดีตตอนที่เห็นเลขศูนย์ยาวเป็นพรืดนั้น ฉินเทียนก็ห่อเหี่ยวสิ้นหวัง ความเร็วในการเพิ่มค่าความชํานาญนั้นเชื่องช้าไปแล้ว ผ่านมาก็หลายปี ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้ยังคงติดแหง่กอยู่ในขั้นที่หนึ่ง แม้แต่เคล็ดมังกรฟ้าก็ยังบรรลุขั้นที่สองแล้ว ใครจะไปรู้ว่าต้องฝึกถึงเดือนใดปีใดถึงจะเพิ่มไปถึงขั้นสูงสุดได้
ทว่าตอนนี้ฉินเทียนมองเห็นแสงแห่งความหวังแล้ว
ชัดเจนเลยว่าหอทมิฬแห่งนี้สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้เป็นสองเท่า
ฉินเทียนไม่เสียเวลาขบคิดให้มากความอีก
เขาเรียกใช้ทักษะคลั่งติดต่อกันอย่างบ้าคลั่งทันที ขณะที่แสงสีขาวนวลแผ่ออกเป็นระลอกจนทําให้หอแห่งนี้มีแสงสว่างขึ้นมา แต่ไม่ว่าแสงสีขาวนี้จะแผ่ออกไปไกลเพียงใดก็ยังไม่พบจุดสิ้นสุด
พื้นที่ภายในหอแห่งนี้ออกจะใหญ่โดไปแล้ว
เห็นค่าความชํานาญของทักษะเพิ่มขึ้นเร็วรี่ ฉินเทียนก็แทบจะเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างบ้าคลั่งนี้เลิศล้ําอย่างที่สุด เพียงแค่ขั้นหนึ่งก็เพิ่มค่าความสามารถขึ้นสี่เท่าแล้ว หากว่าขั้นสองเพิ่มขึ้นแปด อย่างนั้นขั้นที่สามก็เป็นสิบหก ขั้นที่สี่..
ยิ่งเมื่อคิดไปถึงขั้นสูงสุดหรือก็คือขั้นที่สิบแล้ว ฉินเทียนก็แทบจะกระโดดโลดเต้น ขั้นที่สิบจะเพิ่มค่าสถานะทั้งหมดของเขาขึ้นไปสองพันสี่สิบแปดเท่า! เช่นนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
ฉินเทียนยิ้มไม่หุบ ในใจไม่กล้าจินตนาการต่อแล้ว
แก่นอสูรที่อยู่ภายในตันเถียนคอยหมุนเดิมเต็มพลังปราณให้ไม่หยุด
ฉินเทียนเรียกใช้ทักษะอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าพลังปราณย่อมลดลงไม่หยุดหย่อน ไม่นานพลังปราณของเขาก็หมดลง ฉินเทียนนั่งลงพักผ่อน รอคอยให้แก่นภายในร่างฟื้นฟูพลังปราณกลับมา
หลังจากหยุดพักไปครูใหญ่ ฉินเทียนก็ลุกขึ้นเรียกใช้ทักษะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง…
เขาท่าเช่นนี้ซ้ําแล้วซ้ําอีก…
“ในที่สุด ในที่สุด ฮ่าๆ……”ฉินเทียนเงยหน้าหัวเราะ ทักษะบ้าคลั่งเลื่อนเป็นขั้นที่สองแล้ว! ค่าสถานะแปดเท่า..
“บ้าคลั่งขั้นที่สอง!”
“ตู้ม……..”
“สุดยอด!”
ฉินเทียนทดลองเรียกใช้บ้าคลั่งขั้นที่สอง สภาวะและกลิ่นอายรอบตัวของเขาพลันเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ทั่วร่างอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ค่าสถานะเพิ่มขึ้นแปดเท่าจริงๆด้วย…แข็งแกร่งขึ้นแปดเท่า!”
“คชสารชาระล้าง!”
ฉินเทียนพลันเรียกใช้คชสารชําระล้างออกมาตอนที่ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้นแปดเท่า เมื่อทะเลพลังปราณปรากฏขึ้น พื้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็เกิดการสั่นสะเทือน เสียงมังกรคําราม และเสียงยพเท้าของคชสารแปด แสนตัวดังกึกก้องทั่วพื้นที่ ก่อเป็นสภาวะที่ไร้คู่เปรียบพลังภายในร่างเริ่มเดือดพล่านราวกับต้องการที่ระบายออก
เป็นความแข็งแกร่งที่ไม่เคยรู้สึกถึงมาก่อน!
พลังคชสารช่าระล้างเพิ่มขึ้นแปดเท่า ให้ความรู้สึกที่สมใจนัก!
ฉินเทียนกู่ร้องขณะเส้นเลือดบนแขนปูดโปนจนเห็นอย่างเด่นชัด เพลิงปราณสีม่วงแผ่ออกจากใต้เท้าค่อยๆรุกคืบไปยังความมืดมิดที่อยู่โดยรอบ…..
วิ่ง วิ่ง วิ่ง…
หอทั้งหลังเริ่มสั่นสะเทือนเพราะกลิ่นอายที่ปะทุขึ้นของฉินเทียน
ในความมืดมิดอันไร้สิ้นสุด ดวงตาคู่หนึ่งพลันลืมขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะจ้องมองไปที่ฉินเทียน……