จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 160
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 160
สิ้นคําพูดของฉินเทียน คลื่นทะเลก็เกิดความปั่นป่วน
ฉินเทียนขมวดคิ้ว แรงกดดันที่จู่ๆก็ปะทุขึ้นนี้ทําให้เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง พริบตาถัดมา เงาร่างชราสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นห่างออกไปไม่กี่สิบก้าว
ร่างชรานั้นหายวับก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกที่ที่ด้านข้างของเฟิง ชายชราตวัดมือตบหน้าเฟิงอย่างแรงคราหนึ่งก่อนจะตะคอก “เจ้าสวะที่ใช้การไม่ได้!”
เฟิงปล่อยให้ใบหน้าของตนถูกตบโดยไม่คิดหลบหลีก
รอยฝ่ามือปรากฏอยู่ข้างแก้มที่บวมเป่ง มุมปากของเฟิงยังมีโลหิตไหลรินออกมา
ชายชราแค่นเสียง เฟิงรีบก้มศีรษะลงพลางถอยไปด้านข้าง ไม่กล้าปาดเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก
ชายชราผู้นี้เรียกว่า กู่จาง หนึ่งในสิบสองผู้ดูแลของกลุ่มชิงเทียน ระดับสูงสุดขั้นสวรรค์ ชายชราได้รับความไว้วางใจจากประมุขน้อยของกลุ่มชิงเทียนให้ทํางานสําคัญมาแล้วหลายงาน ครั้งนี้เขาได้รับคําสั่งให้มากําจัดฉินเทียนเพื่อกําจัดเสี้ยนหนามในภายภาคหน้า
เขาเพียงส่งเฟิง หยุน เหลย เตี้ยนออกไปลงมือ แต่คิดไม่ถึงว่าฉินเทียนจะยั่วยุจนเฟิงขาดสติจนไม่อาจควบคุมสถานการณ์
กู่จางยิ้มเย็น พลาดแล้วก็พลาดไป ฆ่าไก่ตัวหนึ่งใยต้องใช้มีดฆ่าโค?
ยอดฝีมือระดับสี่ขั้นสวรรค์จํานวนสี่คน ระดับสูงสุดขั้นสวรรค์อีกหนึ่งคน
หลังจากสงบสติอารมณ์ลง ฉินเทียนก็หัวเราะ “ประมุขน้อยกลุ่มชิงเทียนช่างให้ความสําคัญกับข้ามากจริงๆ ถึงกับส่งมือสังหารระดับสูงมา แต่ก่อนข้าจะตาย ข้าขอถามคําถามหนึ่งได้หรือไม่?”
กู่จางยิ้มบาง “ว่ามาสิ ข้าจะตอบให้เอง”
“นอกจากการฆ่าหวังซีแล้ว นี่ก็เป็นคําขอของหยางฮั่น?”
ฉินเทียนต้องการจะยืนยันเรื่องนี้มาตลอด แต่ตัวเขาไม่มีโอกาสได้พบเจอกับหยางฮั่นตอนอยู่ภายในสํานักเทียนเลย ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตกลงแล้วหยางฮั่นมีอํานาจอยู่ในระดับใดของสํานัก ลําพังความแข็งแกร่งของหยางฮั่นเองไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามอะไร เว้นแต่จะมีใครคอยหนุนหลังเขา
“เหอเหอ” กู่จางยังคงยิ้มบาง “ถูกแล้ว”
ฉินเทียนตะลึงอยู่ในใจ เขาเอ่ยปากถามออกไปอีกว่า “เท่าที่ข้ารู้ เขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ทําไมท่านจึงต้องทํางานให้กับเขา?”
“ประการแรก เขาเป็นสมาชิกของกลุ่มชิงเทียน ล่วงเกินสมาชิกของกลุ่มก็เท่ากับล่วงเกินกลุ่ม”
“ประการที่สอง เพราะเขาได้เข้าไปฝึกฝนภายในเกาะลอยฟ้า อีกครึ่งปีข้างหน้าเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่”
“ประการที่สาม เขาก็คือว่าที่ประมุขของตําหนักเทียนหยาง แน่นอนว่ากลุ่มชิงเทียนเราย่อมให้การสนับสนุน”
“ส่วนเหตุผลที่ครั้งนี้ข้ามาไล่ล่าเจ้านั้น ส่วนหนึ่งเองก็เป็นเพราะคําขอของหยางฮัน ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงเจ้าย่อมไม่มีคุณสมบัติจะตายด้วยมือของพวกข้า” กู่จางกล่าวอย่างสงบ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มบางเบาประดับไว้อยู่ตลอด หากแต่จิตสังหารที่แฝงอยู่ในแววตากลับทําให้ฉินเทียนรู้สึกขนลุก
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“สรุปก็คือ กลุ่มชิงเทียนของพวกเจ้าหยิ่งผยองจนไม่เห็นหัวใคร ผู้ที่ตอแยกลุ่มย่อมต้องพบกับความตายสินะ”
“เจ้าเองก็นับเป็นคนที่ตายไปแล้ว” กู่จางยิ้ม
แววตาของฉินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่รู้สึกเสียใจอยู่ภายใน ทําไมตอนที่อยู่ในเมืองขอบนภาตนจึงมองข้ามหยางฮั่นไป? ที่โบราณว่าไว้นั้นถูกต้องแล้วจริงๆ จะกําจัดก็ต้องกําจัดอย่างขุดรากถอนโคน ดูเหมือนว่าแผนการในสํานักเทียนจีของเขาต้องปรับเปลี่ยนกันเล็กน้อยแล้ว
ฉินเทียนครุ่นคิดอยู่ในใจก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา “อาศัยพวกเจ้าก็คิดว่าฆ่าข้าได้?”
“ช่างน่าขัน เป็นแค่ระดับแปดขั้นกลั่นวิญ…..”
เฟิงกล่าวกลั้วหัวเราะ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวจบก็พลันสัมผัสได้ถึงพลังสุดแกร่งกร้าวสายหนึ่ง ก่อนจะทันได้ทําสิ่งใด ร่างกายของเขาก็ปลิวออกไปพร้อมกับรูโลหิตที่หน้าอก
“อั่ก….”
โลหิตเป็นสายฉีดพุ่งออกจากปาก ดวงตาของเฟิงเบิกกว้างอย่างไม่อาจทําให้เชื่อ
“พลังจุติ?”
กู่จางโพล่งออกมาก่อนจะรีบถอยห่างออกไปเร็วรี่
ที่ด้านข้างของฉินเทียนเงาร่างชรายืนอยู่ คนผู้นี้ย่อมเป็นเหยาคง ยอดฝีมือขั้นจุติ
“สมกับเป็นผู้ดูแล เพียงปราดเดียวก็มองออก ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าจะฆ่าข้าได้อยู่อีกไหม?” น้ําเสียงของฉินเทียนทั้งผ่อนคลายทั้งเย่อหยิ่ง เขามองกู่จางที่หน้าเคร่งเครียดก่อนจะหัวเราะออกมา
บรรยากาศโดยรอบพลันตกอยู่ในความเงียบ เฟิงที่หน้าขาวซีดเพียงสะกดกลั้นก้อนโลหิตที่จุกอกไม่ตอบ
พวกเขาย่อมทราบถึงความน่ากลัวของขั้นจุติดียิ่งกว่าผู้ใด แม้ว่ากู่จางจะอยู่ในระดับสูงสุดขั้นสวรรค์ แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่จะอยู่ในขั้นสวรรค์มานับร้อยปี แต่ยามอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือขั้นจุติอย่างเหยาคงแล้วก็ต่างอะไรมดปลวก
พลังจุตินั้นเหนือกว่าพลังสวรรค์ไปไกลลิบ
“เจตจํานงกระบี่ของสํานักเมฆาคล้อย…..ท่านเป็นใครกัน?” กู่จางสีหน้าเคร่งเครียด ยามมองไปยังเหยาคงก็หัวใจกระตุบวบ ตอนนี้เขาแค้นเฟิงจนอยากจะทุบเสียให้ตาย ทําไมตอนนั้นจึงควบคุมสติไว้ไม่อยู่จนพลาดโอกาสงามไป? หากตอนนั้นทั้งสี่ปลดปล่อยท่าประสานได้สําเร็จ ป่านนี้ฉินเทียนคงกลายเป็นกองขี้เถ้าไปแล้ว!
“บ่าวรับใช้ของเขา” คําพูดของเหยาคงคล้ายกับโยนระเบิดลงกลางวง เฟิง หยุน เหลย เตี้ยนต่างหน้าซีดเผือด
“ไม่ใช่ว่าอยากจะฆ่าข้างั้นเหรอ? มาสิ! ไม่ใช่ว่าเป็นถึงผู้ดูแลหรอกเหรอ? ระดับสูงสุดขั้นสวรรค์? เก่งจริงก็เข้ามา!” ฉินเทียนเผยยิ้มชั่วร้าย เมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครลงมือ เขาก็กล่าวขึ้นอีกว่า “ในเมื่อไม่เข้ามาข้าลงมือก่อนก็ได้…”
“ฆ่าให้หมด”
สิ้นคําของฉินเทียน พลังอันน่าหวาดหวั่นของผู้บ่มเพาะขั้นจุติก็ระเบิดออกจากร่าของเหยาคง กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขาส่องประกายเย็นเยียบท่ามกลางห้วงน้ําอันมืดมิด
เมื่อพลังจุติแผ่ออกมา กู่จางก็คิ้วขมวด กระแสพลังปราณภายในร่างเริ่มเกิดความปั่นป่วน กู่จางไม่ขบคิดให้มากความ เขารีบถีบเท้าพุ่งตัวหนีอย่างบ้าคลั่ง ในใจปรารถนาให้ตนมีเท้างอกเงยออกมามากกว่านี้
เห็นกู่จางหมุนตัวหนีอย่างไม่คิดชีวิต พวกเฟิงสี่คนก็หน้าเปลี่ยนสี พวกเขารีบเร่งเร้าพลังปราณไปที่ฝ่าเท้าก่อนจะหนีกระเจิดกระเจิง
ที่ทุลักทุเลที่สุดก็คือเฟิง ร่างกายของเขาบาดเจ็บบอบช้ํา เมื่อเร่งเร้าลมพลังปราณ โลหิตก็ฉีดพุ่งออกจากปากไม่หยุด สภาพอเนจอนาถเกินบรรยาย
เห็นคนทั้งห้าหนีเตลิดอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ฉินเทียนก็กลั้นขําแทบไม่อยู่
เมื่อคนเหล่านั้นหนีออกไปไกล ฉินเทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที “ฮ่าๆ…..”
ฉินเทียนหัวเราะอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดลง
“เหล่าเหยา เก็บพลังกลับมาเถอะ” ฉินเทียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ฉากปรากฏตัวของเหยาคงเมื่อครู่นับว่าอันตรายมาก
บาดเจ็บเสียขนาดนั้น มีหรือที่เหยาคงจะฟื้นฟูกลับไปสมบูรณ์พร้อม?
ไม่กี่วันก่อน ฉินเทียนได้ขจัดพลังตกค้างในร่างเหยาคงออกไปไม่น้อย กระนั้นก็ยังต้องใช้เวลาพักฟื้นนานนับปี
ทว่าตอนที่เหยาคงปรากฏตัวออกมาก็ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มกําลัง หากกู่จางฝืนอยู่ต่ออีกสักนาทีก็อาจจะมองอาการบาดเจ็บนี้ออก ฉินเทียนนับว่าชนะเดิมพันแล้ว กู่จางหวาดกลัวแทบตาย
เมื่อกู่จางหลบหนี พวกเฟิงสี่คนก็ยิ่งหมดความคิดจะต่อสู้ ในใจคิดแต่จะหนีออกไปโดยเร็วที่สุด
ใบหน้าของเหยาคงมีเหงื่อแตกพลั่ก มุมปากเผยยิ้มจืดเขื่อน
“เหล่าเหยา ในภายหน้าอย่าได้เรียกตนเองว่าบ่าวรับใช้อีก แม้ว่าข้าอาจจะดูน่ารังเกียจ แต่ข้าก็อยากจะคบหากับท่านจริงๆ เมื่อท่านดีขึ้นแล้วรู้สึกว่าไม่อยากติดตามข้า ข้าก็จะขจัดพิษให้กับท่าน” ฉินเทียนกล่าวจริงใจ “แต่หากว่าท่านเต็มใจ จากนี้ก็เรียกข้าว่านายน้อย แต่หากไม่ต้องการ ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรก็ตามใจท่านเลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนให้ความเคารพเขาเช่นนี้ เหยาคงรู้สึกซาบซึ้งใจ ดวงตาของเหยาคงสั่นระริกขณะเอ่ยปากออกไป “นายน้อย”
“เข้าไปพักฟื้นในแหวนมิติเถอะ” ฉินเทียนส่งเหยาคงเข้าแหวนมิติขณะที่ในใจตื่นเต้นแทบคลั่ง
ฉินเทียนย่อมไม่อยากปล่อยยอดฝีมือเช่นนี้หลุดมือไปเช่นกัน
แต่หากอยากให้เหยาคงเต็มใจที่จะช่วยเหลือ เขาก็ต้องทําให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกับตนเสียก่อน ซึ่งฉินเทียนย่อมมีความสามารถในด้านนี้
เมื่อเหล่ามือสังหารของกลุ่มชิงเทียนหนีเตลิดไป ฉินเทียนก็โล่งอก
กระนั้นเป้ามายของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือการทะลวงผ่านไปขึ้นสวรรค์
ฉินเทียนเดินไปคิดไปก่อนจะอารมณ์ดีขึ้นมา เขาร้องเพลงขณะลอยไปตามห้วงทะเลลึก
ทันใดนั้นกลิ่นอายอันแกร่งกร้าวก็แผ่ออกมาจากทางด้านหลังของเขา
ฉินเทียนสะดังก่อนจะโพล่งออกมา “สัตว์อสูรระดับแปด!”