จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 162
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 162
ในช่วงสงครามครั้งโบราณ ชนเผ่าปีศาจได้ถูกกวาดล้างจนแทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์
ผู้นําแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจในยุคนั้นได้ใช้พลังเซียนอันไร้ขอบเขตชักนําลี้ลับมายังทวีปเทียนหยวน เพลิงลี้ลับนั้นร่วงหล่นลงจากฟ้าก่อนจะเปลี่ยนดินแดนปีศาจให้กลายเป็นเถ้าถ่าน เพียงค่ําคืนเดียว อาณาจักรปีศาจอันเกรียงไกรก็ถูกลบหายไป
เพลิงลี้ลับแผดเผาพื้นที่โดยรอบจนกลายเป็นทะเลเพลิง เหล่าผู้เข้มแข็งของทวีปเทียนหยวนต่างคิดหาทางแก้ไขนานับประการ แต่สุดท้ายก็จบด้วยความล้มเหลว
บรรพบุรุษของชนเผ่าหมิงไห้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ข้ามผ่านทะเลดวงดาวนับหมื่นเขตเพื่อตามหาวิธีดับเพลิงลับ หลังจากผ่านไปสิบกว่าปี ในที่สุดเขาก็ค้นพบวารือนธการ บรรพบุรุษผู้นั้นได้ใช้พลังเซียนของเขานําวารีอนธการมายังทวีปเทียนหยวนเพื่อราดรดเพลิงลี้ลับจนกลายมาเป็นน่านน้ําทมิฬ
นับจากนั้นชนเผ่าหมิงไห่ก็ถือกําเนิด
ชนเผ่าหมิงไห่ได้อาศัยอยู่ในส่วนลึกของน่านน้ําทมิฬ คอยพิทักษ์รักษาเพลิงลี้ลับที่ถูกผนึกเอาไว้ไม่ให้ออกมา
จนกระทั่งหลัวโหวซิวถือกําเนิดขึ้นเมื่อสามพันปีก่อน ในระหว่างการบ่มเพาะ พลังแห่งความมืดอันมหาศาล ได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างของเขา ก่อเกิดเป็นจิตมารภายในใจ เมื่อไม่มีทางเลือก หลัวโหวก็ไม่สนใจคําทัดทานของผู้คนในเผ่าและกระโจนเข้าไปในเพลิงลี้ลับเพื่อหวังทําลายจิตมารภายในใจ
เวลาผ่านไปสามปี ผู้คนในเผ่าล้วนแต่คิดว่าเขาได้ตายไปแล้ว
ใครจะไปคิดว่าหลัวโหวจะทําลายจิตมารได้สําเร็จพร้อมทั้งได้รับกายาอันไร้เทียมทานจากการหลอมกลั่นตัวเองภายในเพลิงลี้ลับ ด้วยเวลาสั้นๆเพียงสามปี เขาได้บรรลุถึงระดับสูงสุดของขั้นจักรวาล อยู่ห่างจากขั้ไร้ตํา หนิอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
กายาที่หลอมกลั่นภายในเพลิงลี้ลับแข็งแกร่งสุดประมาณ ยังแข็งแกร่งกว่าร่างกายที่อยู่ในขั้นไร้ตําหนิเสียอีก
ตัวเขาได้กลับมาพร้อมความเหี้ยมโหด เขาตัดหัวของประมุขเผ่าและพยายามยึดอํานาจทั้งหมดของเผ่ามาไว้ในมือ ตั้งใจจะนําชนเป่าหมิงไห่บุกยึดทวีปเทียนหยวน
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดการต่อต้านขึ้นจากภายใน
หลัวโหวเป็นคนที่มีนิสัยเหี้ยมโหด ดังนั้นชนเผ่าหมิงไห่จึงเจิ่งนองไปด้วยเลือด ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยการฆ่าฟัน
ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ชนเผ่าหมิงไห่ก็บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง เพื่อที่จะรักษาขุมกําลังที่เหลืออยู่ ไห่จื่อเยว่ หนึ่งในสองทายาทของประมุขชนเผ่าก็นําผู้คนที่หลงเหลือหลบหนีจากมา กระนั้นหลัวโหวก็ยังไล่ล่าอย่างไม่ลดละ จนสุดท้ายก็หลงเหลือเพียงบ่าวรับใช้สิบกว่าคน ผู้อาวุโสและนักรบคนอื่นๆล้วนตกตายในระหว่าง ทาง
บุตรีอีกคนของประมุขคนเก่าหงเยวมีฐานะเป็นเทพธิดาของชนเผ่าเพราะนางมีหัวใจแห่งหมิงไห้อยู่ในร่าง
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบว่าหงเยว่เป็นเทพธิดาแห่งชนเผ่าหมิงไห่ ซึ่งตัวหลัวโหวเองก็หาทราบไม่ ดังนั้นหงเยว่จึงรอดพ้นเคราะห์ภัย
หงเยว่ถือกําเนิดมาพร้อมจิตใจอันบริสุทธิ์ นางกังวลว่าการหลอมกลั่นหัวใจแห่งหมิงไห่จะนํามาซึ่งการฆ่าล้างไม่สิ้นสุด และทําให้ชนเผ่าหมิงไห่ต้องล่มสลาย ดังนั้นตลอดสามพันปีที่ผ่านมานางจึงไม่เคยหลอมกลั่นมันเลยแม้สักครั้ง
หัวใจแห่งหมิงไห่ก็คือมรดกพลังเซียนของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งชนเผ่าหมิงไห่ มีพลังอํานาจเทียบได้กับกิ่งเซียน
พลังชั้นระดับนี้กระทั่งหลัวโหวก็ยังหวาดหวั่น
หลังควบคุมชนเผ่าเอาไว้ได้แล้ว เขาก็สร้างร่างแยกออกมาเพื่อปกครองเผ่า ขณะที่ร่างจริงเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อสําเร็จเป็นเซียน ถึงตอนนั้นทั้งสวรรค์และโลกก็จะไม่มีผู้ใดขัดขวางเขาได้อีก
ผ่านมาสามพันปี สมาชิกของเผ่าส่วนใหญ่ล้วนสยบต่อพลังของหลัวโหว มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงต่อต้าน
อย่างไรก็ตามผู้ที่ต่อต้านล้วนถูกขับไล่ไปยังสถานที่อันห่างไกล ที่ซึ่งมีเงื่อนไขในการดํารงชีวิตอันเลวร้าย
“ที่นี่ที่ไหน?”
ฉินเทียนฟื้นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นได้เล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ฉินเทียนสูดหายใจเข้าลึก สีหน้ายังคงซีดเซียวอยู่บ้าง
“สงบใจไว้ เจ้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บจากปลาไหลไฟฟ้า พลังสายฟ้าของมันแฝงเร้นอยู่กาย เจ้าทําใจให้นิ่งสงบ มิเช่นนั้นจะกระทบต่ออวัยวะภายในและกลายเป็นปัญหาในอนาคต”
เสียงแก่หง่อมดังขึ้น พร้อมกับผ้าผืนหนึ่งยื่นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้ฉินเทียน
ฉินเทียนเลื่อนสายตามองตามไปแล้วก็ต้องตะลึง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชรานั้นคล้ายมีตะขาบฝังอยู่บนใบหน้า บนศีรษะของหญิงชราเพียงมีเส้นผมอยู่หรอมแหรม ดวงตาของนางขุ่นมัว วินาทีที่ได้เห็นองค์ประกอบเหล่านี้ฉินเทียนก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้
“น่ากลัวใช่หรือไม่?” หญิงชรากล่าวขณะที่รอยยิ้มเป็นมิตรปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเหี่ยวย่น รอยยิ้มนี้เป็นธรรมชาติยิ่ง ไม่มีร่องรอยความไม่พอใจจากการตอบสนองของฉินเทียน
รอยยิ้มนี้ทําให้ฉินเทียนตะลึงอีกครั้ง
จากนั้นฉินเทียนก็นึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งแสดงกริยาเสียมารยาทไปจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านยาย ท่านไม่น่ากลัวเลยสักนิด”
“เหอเหอ…” หญิงชราหัวเราะ
ดูแล้วหญิงชราคงชอบการยิ้มอย่างยิ่ง
ราวกับได้รับผลกระทบจากรอยยิ้มของหญิงชรา ฉินเทียนเองก็เผยยิ้มบ้างแล้ว แต่เพียงครู่เดียวก็กระทบอาการบาดเจ็บจนร่างสั้นเบาๆ หน้าผากปรากฏเม็ดเหงื่อไหลลงมา
“เหอเหอ….” หญิงชราหัวเราะพลางยกผ้าเช็ดเหงื่อให้อย่างชํานาญ ราวกับนางเคยกระทําเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“ท่านยาย ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน?” ฉินเทียนเอ่ยถาม
“อาณาเขตหมิงไห่” หญิงชราตอบ นางนําผ้าชุบน้ําก่อนจะบิดจนหมาดแล้วเช็ดบาดแผลให้ฉินเทียนอย่างเบามือ
ตอนนี้ครึ่งร่างท่อนบนของฉินเทียนอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า บนหน้าอกมีรอยแผลฉีกอย่างน่ากลัวสายหนึ่ง บาดแผลนี้ลึกจนสามารถมองเห็นกระดูกที่อยู่ด้านในการโจมตีของปลาไหลไฟฟ้ารุนแรงยิ่ง ฉินเทียนแทบไม่อาจทนรับได้ หากไม่ใช่มีพลังมังกรคชสารคุ้มครองอยู่ ฉินเทียนคงตายคาที่ไปแล้ว
“อาณาเขตหมิงไห่?!”
ฉินเทียนพึมพําอยู่ในใจ เขาสะบัดศีรษะเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ชนเผ่าหมิงไห่?”
ฉินเทียนกวาดตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบและพบว่าตนเองกําลังอยู่ในกระโจมเก่าขาดหลังหนึ่ง ผงทรายสีเหลืองพัดปลิวเข้ามาอยู่เป็นระยะ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หญิงชราคอยเช็ดบาดแผลให้ฉินเทียนบ่อยๆ
ลมพัดหอบหนึ่ง ฝุ่นทรายก็ปลิวมาตกบนร่างฉินเทียนอีกครั้ง หญิงชรายื่นมือออกไปเช็ดอย่างเบามือ ไม่มีท่าทางรําคาญแต่อย่างใด การกระทํานี้ทําให้ฉินเทียนซาบซึ้งใจยิ่ง “ขอบคุณท่านยาย”
หญิงชราหัวเราะเบาๆพลางเช็ดบาดแผลให้เขาต่อไป
ฉินเทียนรวบรวมกําลังสะกดอาการเจ็บปวดจากหน้าอก ก่อนจะค่อยๆนําโอสถเป่ยหยวนออกมาจากแหวนมิติและโยนเข้าปาก จากนั้นบาดแผลก็ค่อยสมานกันด้วยความรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หญิงชราผงะก่อนจะมองฉินเทียนด้วยสายตาอัศจรรย์ใจ
“บะ…บาด…บาดแผลของเจ้า…ฟื้นฟูรวดเร็วยิ่ง” หญิงชราประหลาดใจ
หลังยาออกฤทธิ์อาการปวดจากบาดแผลก็ลดลง หากแต่อาการบอบช้ําภายในยังมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่เทียบกับสภาพก่อนหน้าก็นับว่าดีขึ้นมากแล้ว
ฉินเทียนลุกขึ้นนั่งก่อนจะกล่าวว่า “ท่านยาย ที่ข้าเพิ่งกลืนเข้าไปก็คือโอสถสําหรับรักษา”
หญิงชรามองบาดแผลอย่างประหลาดใจจนอดนํามือไปลูบดูไม่ได้ สําหรับนางแล้วสิ่งนี้มันมหัศจรรย์มากช่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรเสียโอสถเป่ยหยวนก็เป็นถึงโอสถระดับเก้า ผลของมันย่อมวิเศษเลิศล้ํา
หญิงชรานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะคว้ากุมมือของฉินเทียนและดึงเขาเดินออกจากกระโจม จากนั้นจึงพาฉินเทียนไปยังกระโจมที่อยู่ด้านข้าง และชี้ไปยังบุรุษที่มีบาดแผลเกลื่อนกล่นเต็มร่าง แววตาของหญิงชราฉายแววอ้อนวอน “ช่วยเขา ช่วยเขา ช่วยเขาด้วย”
บาดแผลของบุรุษนั้นเริ่มเน่าไปแล้ว ลมหายใจของเขาเองก็อ่อนโทรมมาก ใบหน้ายิ่งซีดเผือดไร้สีเลือด หากไม่ได้รับการรักษา ดูแลคงอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน
เมื่อเห็นแววตาขอร้องของหญิงชรา ฉินเทียนก็ประทับใจ เขาจะไม่ช่วยได้อย่างไร?
ฉินเทียนนําโอสถเป่ยหยวนออกมาอีกเม็ดหนึ่งก่อนจะป้อนให้บุรุษผู้นั้น จากนั้นฉินเทียนจึงถ่ายทอดพลังปราณเล็กๆสายหนึ่งไปช่วยเร่งให้ยาออกฤทธิ์
ไม่ถึงครึ่งนาที สีหน้าของบุรุษนั้นก็เริ่มมีเลือดฝาด ลมหายใจเริ่มมั่นคงขึ้น บาดแผลใหญ่น้อยตามร่างก็เริ่มสมานตัว
ร่างของหญิงชราสั่นเทิ้มเบาๆ น้ําตาแห่งความปิดิเริ่มหลั่งไหลเต็มใบหน้า
“ท่านแม่….”
บุรุษนั้นลืมตาขึ้นมองฉินเทียนแวบหนึ่งก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังหญิงชราและกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
ประสิทธิภาพของโอสถเป่ยหยวนช่างล้ําเลิศจริงๆ ฉินเทียนถอยฉากออกไปด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมาจากนอกกระโจม
ฉินเทียนใจหายวาบขณะคิดขึ้นในใจ เป็นกลิ่นอายที่แข็งแกร่งนัก…”