จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 516 ร่วมมือ
“เป็นผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงสวยสังหารที่ลงมือโจมตีฆ่าผู้ฝึกไร้สังกัด ชิงเฟิงในแดนเซียนก็คือเธอ” หวางเมิ่งหู่ชี้ไปที่รูป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่าง โกรธแค้น
หลี่มู่เห็นรูปอีกสองรูป เป็น ‘อูฐทราย’ และ ‘ดาบโค้ง’ ที่ตนสังหาร ไปนั่นเอง อีกรูปหนึ่งเป็นคนแก่ชาวตะวันออกกลางที่ตนไม่รู้จัก
เช่นนี้แล้ว ผู้หญิงสวยสังหารคนนี้ และคนแก่ชาวตะวันออกกลาง เป็นหนึ่งในสี่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของกลุ่มผู้ก่อการร้ายเหมือนกับ ‘อูฐ ทราย’ และ ‘ดาบโค้ง’ ที่มีชื่อเสียงในตะวันออกกลาง
หลี่มู่เพียงกวาดตา ก็เห็นคนที่ดูไม่เหมือนผู้นําในหน่วยบัญชาการ คนหนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้น ดูดทหารที่อยู่ห่างออกไปสองเมตรมา จับหัว เอาไว้แล้วอ่านความทรงจํา
“อ๊าก…” ผู้ก่อการร้ายคนนี้ดิ้นรนอย่างหวาดกลัว ทว่า ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆ
คนในหน่วยบัญชาการคนอื่นๆ แตกตื่นขึ้น มองคนที่จู่ๆ โผล่ ออกมาเหมือนผีอย่างตื่นตระหนก ในชั่วเสี้ยวพริบตาก็ลนลานไปทันใด ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทําไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
แต่ว่า ก็มีคนตั้งตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เสียงปืนดังขึ้นทันใด
ปัง ปัง ปัง
ประกายไฟดุจงูเพลิงยิงออกไป
หวางเมิ่งหู่ตื่นตระหนก คิดจะหลบหลีกไปตามสัญชาตญาณ
ทว่า ยามเมื่อลูกกระสุนวิ่งมารอบกายหลี่มู่ในระยะไม่ถึงหนึ่งเมตร ก็พลันหยุดลง จากนั้นก็พุ่งย้อนกลับไป ยิงหัวไอ้บ้าผู้ก่อการร้ายหลาย สิบคนในหน่วยบัญชาการทั้งหมดระเบิด ตัวอ่อนยวบลงไปทันที
หวางเมิ่งหู่ยากจะเชื่อ
เขาจินตนาการว่าหลี่มู่เก่งกาจมากๆ แล้ว แต่ตอนที่หลี่มู่ลงมือ จริงๆ ก็ยังทําให้เขาต้องตื่นตะลึง
ในช่วงเวลาสั้นๆ หลี่มู่ก็หาข้อมูลที่เขาต้องการเจอ
“ไป”
เขาเดินไปทางประตูใหญ่ทันที
พวกผู้ก่อการร้ายที่อยู่ข้างนอกตอนนี้ก็เหมือนกับไม่ได้ยินเสียงปืน ในหน่วยบัญชาการอย่างไรอย่างนั้น ไม่วุ่นวายเลยแม้แต่น้อย หลี่มู่พาหวางเมิ่งหู่ไปทางเมืองฝั่ งตะวันตกอย่างรวดเร็ว
……
“กล้องวีดีโอเตรียมให้ดี”
ในห้องโถงที่จัดเตรียมฉากหลังเป็นฉากลงทัณฑ์ ผู้ก่อการร้ายอาวุธ ครบมือยี่สิบคนตั้งแถวอยู่ด้านซ้ายขวาของฉาก หัวหน้าผู้ก่อการร้าย ของเมือง ‘งูทราย’ ซ่าหลู่กับคนสนิทสิบกว่าคนกําลังหารือครั้งสุดท้าย อยู่
“จะต้องใช้วิธีที่โหดเหี้ยมที่สุดจัดการตัวประกัน ล้างแค้นให้กับ เทพสงครามที่ตายไปทั้งสอง”
ซ่าหลู่เอ่ยด้วยน�าเสียงเด็ดเดี่ยว “ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ดาวเทียม การโจมตีทางอากาศ โดรน ล้วนใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกฝั่ ง ตะวันออก หรือรัสเซียก็ไม่อาจทําการโจมตีเราโดยตรงได้ ยุคสมัยที่เป็น ของพวกเรามาถึงแล้ว ฮ่าๆ นี่เป็นโอกาสที่เทพแท้จริงประทานให้พวก เราแท้ๆ ตอนนี้พวกเราต้องแสดงท่าทีให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าอดีต ให้ทั่ว โลกได้เห็นความร้ายกาจของพวกเรา”
พวกมันสมองและผู้ช่วยทั้งหลายเห็นหัวหน้ามุ่งมั่นเช่นนี้ก็ไม่รู้จะ เตือนอย่างไร
“เอาตัวประกันมา เตรียมลงทัณฑ์”
ซ่าหลู่ตัวอ้วนเตี้ย ผมหยิก รูปลักษณ์ตามแบบฉบับชาวตะวันออก กลาง ท่าทางโหดเหี้ยม เหมือนงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในทรายเตรียมพร้อม โจมตีคนเอามากินได้ทุกเมื่อ ฉายา ‘งูทราย’ ได้มาก็เพราะการนี้ อุปนิสัยโหดเหี้ยมชอบสังหาร
ครู่หนึ่ง คนที่ถูกกระสอบดําคลุมสี่ร่างก็ถูกควบคุมตัวมา
ดึงผ้าคลุมหัวออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าของชาวเอเชียตะวันออกสี่ คน
“คุณพ่อ คุณแม่ หนูกลัว หนู…” เด็กหญิงอายุสิบสาม สิบสี่คนหนึ่ง ขดตัวอยู่ในอ้อมอกคนวัยกลางคนข้างๆ อย่างตื่นตระหนกหวาดกลัว สตรีวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ อีกคนหนึ่ง ในอกอุ้มเด็กหญิงอายุยังไม่ถึง ขวบร้องไห้จ้าเอาไว้ หนึ่งครอบครัวสี่คน สามีภรรยาคู่หนึ่งมาพร้อมด้วย ลูกสาวคู่หนึ่ง
เป็นคนจีน
“ไม่ๆๆ อย่าฆ่าพวกเรา พวกคุณอยากได้อะไร? อยากได้เงินหรือ? ผมให้ ผมมีเงิน…” ชายวัยกลางคนบนร่างสวมเสื้อผ้าไม่ธรรมดา แต่น่า เสียดายที่เปรอะเปื้ อนไปด้วยดินโคลน ขอร้องอ้อนวอน คิดอยากช่วย ภรรยาและลูกสาวของตน
แต่ผู้ก่อการร้ายสวมหมวกไอ้โม่งสีดําคนหนึ่งกลับเดินมาตบไปสาม สี่ทีจนชายคนนี้เลือดไหลกบปากจมูก ท่ามกลางเสียงร้องไห้คร�าครวญ ของลูกสาวและภรรยา ทั้งสี่ถูกผลักเข้าไปในกรงเหล็กเล็กแคบ
“อย่าทําร้ายพ่อหนู…” เด็กหญิงร้องได้ คิดอยากปกป้องบิดาของ ตน เช็ดเลือดบนใบหน้าให้กับบิดา
ซ่า
ทั้งสี่ถูกราดด้วยน�ามันจนชุ่ม
“ขอร้องล่ะ พวกคุณฆ่าฉัน ฆ่าฉันก็ได้ ฉันร่วมมือ ร่วมมือทุกอย่าง …ได้โปรด ได้โปรดปล่อยลูกฉันไปเถอะ พวกเขายังไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น …” ในช่วงเวลาสุดท้าย ภรรยาร้องอ้อนวอน
ทว่า สิ่งที่ตอบกลับมาเป็นเสียงหัวเราะเย็นและคําเสียดสี
กล้องถ่ายตรงมายังคนทั้งสี่ที่เนื้อตัวสั่นสะท้าน
อีกด้านหนึ่ง ผู้ก่อการร้ายทั้งสี่ก็เริ่มอ่านบทที่เตรียมเอาไว้นานแล้ว ต่อหน้ากล้อง ความหมายรวมๆ ก็คือคนจีนสังหาร ‘อูฐทราย’ และ ‘ดาบโค้ง’ เทพสงครามแห่งตะวันออกกลางไป นี่เป็นการท้าทายต่อ เทพแท้จริงอันไม่อาจให้อภัยได้ กลุ่มผู้ก่อการร้ายจะใช้ทัณฑ์อัคคีที่ โหดเหี้ยมที่สุดมาลงทัณฑ์คนจีนทั้งสี่ ขณะเดียวกัน นับจากวันนี้เป็นต้น ไปก็จะประกาศและออกคําสั่งไล่สังหารคนจีนทั่วโลก ให้ประเทศจีน จ่ายค่าตอบแทน
“จุดไฟ”
ซ่าหลู่หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม คําสั่งดังขึ้น คบไฟลุกโหมอันหนึ่งก็ โยนไปทางครอบครัวคนจีนที่ถูกราดด้วยน�ามันจนชุ่มโชก
คนทั้งสี่ตัวสั่นเทา กอดกันแน่น แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ในตอนนี้เอง พลันมีเสียงโครมดังขึ้น ประตูโถงถูกกระแทกออก เงา ร่างหนึ่งพลันมาปรากฏกายที่หน้ารั้วเหล็กด้วยความเร็วที่ตาเปล่าไม่ อาจจับได้ ก่อนจะคว้าคบเพลิงนั้นแล้วดับมันลงเสีย
“อะไร?” “เกิดอะไรขึ้น?” เหล่าผู้ก่อการร้ายต่างตกใจ
“ตาย”
หลี่มู่ใจเพียงขยับ ดาบบินเล่มหนึ่งก็วาดเส้นวงรีออกไปเป็นทางๆ ในอากาศราวสายฟ้าฟาด
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
เพียงชั่วพริบตา ประกายดาบกะพริบวูบ คนอื่นๆ นอกจากซ่าหลู่ ถูกฆ่าตายเกลี้ยงอยู่กับที่ หัวร่วงหลุดลงพื้น ดาบบินลอยอยู่บนหัวของ ซ่าหลู่ ทําให้เขาไม่กล้าขยับ
ในขณะเดียวกัน น�ามันที่ราดลงบนตัวของคนจีนทั้งสี่ก็ลอยออก รวมกันอย่างน่าอัศจรรย์ แปรเปลี่ยนเป็นของเหลวทรงกลมลอยอยู่ กลางอากาศ
ทั้งหมดนี้อยู่เหนือกฎ ไร้ซึ่งเหตุผล
หวางเมิ่งหู่พุ่งเข้ามาจากข้างนอก เห็นสภาพการณ์แล้วก็รีบปลอบ ประโลมคนทั้งสี่ “ไม่ต้องกลัว พวกเราเป็นคนจีนเหมือนกัน มาเพื่อช่วย พวกคุณ”
คนทั้งสี่หวาดผวา ได้ยินภาษาจีนที่คุ้นเคย ถึงได้ดึงสติกลับมาช้าๆ
“พวกคุณเป็นเทพเซียนหรือ?” เด็กสาวมองไปทางหลี่มู่ทั้งสองคน พลางถามอย่างขลาดกลัว
หลี่มู่ยื่นมือมาลูบหัวของเธอ แล้วตอบไปว่า “ไม่ใช่หรอก พวกเรา เป็นคนเหมือนกับหนูนั่นแหละ เป็นคนจีนธรรมดาๆ ไม่ต้องกลัวนะ คน จีนไปที่ไหนก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” จากนั้นก็มองไปทางสามีภรรยาที่ยัง หวาดผวาคู่นั้น “ในค่ายยังมีคนจีนคนอื่นอีกไหม?”
“ยังมีคุณอา คุณน้าอีกหลายคนถูกขังอยู่ในตึกแดงร้าง” เด็กสาว แย่งตอบ นางมีความรู้สึกสนิทสนมกับหลี่มู่อย่างเป็นธรรมชาติ
“พวกเราคืออาสาสมัครมาที่นี่เพื่อซ่อมแซมวัตถุ สถานที่ สหประชาชาติได้ทําโครงการขึ้นมาโครงการหนึ่ง ยังมีคนจีนอีกหกคน ถูกขังเอาไว้อยู่ในตึกตัวประกัน…” ชายวัยกลางคนกอดลูกสาวและ ภรรยาของตัวเองเอาไว้แน่น ใจเย็นลงมาอย่างรวดเร็ว อธิบายอย่างเป็น ลําดับ
หลี่มู่พยักหน้า “วางใจเถอะ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกคุณ ปลอดภัยแล้วครับ”
พูดแล้วก็มองไปทาง ‘งูทราย’ ซ่าหลู่
ฝ่ายหลังมองหลี่มู่ด้วยแววตาหวาดกลัว คิดเชื่อมโยงอะไรได้
ภาพการต่อสู้ ณ เขาฉีเหลียนที่รัฐบาลจีนปล่อยออกมาสู่สาธารณะ บางส่วน เหมือนภาพฉายวูบวาบ ภาพที่แสงดาบส่องประกายหนึ่งใน
นั้น เหมือนเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน เขาตระหนักได้ว่า นี่คือเทพสังหารของ จีนในคําเล่าลือที่ว่านั่นแน่แล้ว
“ม่อหลานอยู่ที่ไหน?” หลี่มู่ถาม
ผู้หญิงที่สังหารคนในยุทธจักรของจีนคนนั้นชื่อม่อหลาน
เขาพูดภาษาถิ่น ก่อนหน้านี้ที่อ่านความทรงจําผ่านพวก ‘อูฐทราย’ ก็ศึกษาภาษาตะวันออกกลางได้บ้าง
“แก…แกมันปีศาจ แกคิดจะไปฆ่าเทพสงครามม่อหลาน?” ซ่าหลู่ สะกดความหวาดกลัว “เทพแท้จริงไม่มีทางปล่อยแกไปแน่ แก…”
หลี่มู่ขี้เกียจพูดให้มากความ ยกมือขึ้นสําแดงเคล็ดวิชาลับพลังจิต วิญญาณ อ่านความทรงจําของเขา
ไม่นาน เขาก็ได้ข้อมูลที่เขาอยากได้
“ในเมื่อแกชอบเผาคนอื่นแบบนี้ งั้นตัวแกเองก็ลองสัมผัส ความรู้สึกนั้นบ้างก็แล้วกัน”
หลี่มู่พูดแล้วความคิดเพียงขยับ ก้อนน�ามันที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก้อนนั้นก็พุ่งไป กระแทกเข้ากับร่างของซ่าหลู่ กระทั่งว่าพุ่งเข้าไปใน ปาก จมูกของเขา ราดไปทั่วร่างของเขาจนชุ่มโชก
“แก…ไม่ แกจะทําอะไร?”
ซ่าหลู่สัมผัสอะไรได้ ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อไม่สร้างความหวาดกลัวทางจิตใจของเด็กหญิงทั้งสอง หลี่มู่แค่ ยกมือ พลังกลุ่มหนึ่งก็โจมตีซ่าหลู่กระเด็นออกไปนอกโถง ร่วงไปยังลาน รวมตัวของผู้ก่อการร้ายข้างนอก
ทีแรก พวกผู้ก่อการร้ายที่เฮฮาบ้าคลั่งอยู่ข้างนอกยังไม่รู้ว่าเกิด อะไรขึ้น หลายคนจําได้ว่าคนที่ล้มอยู่บนพื้นคือหัวหน้าก็รีบเข้ามา ประคอง ก็ได้กลิ่นน�ามันฉุน
เสี้ยวขณะต่อมา จู่ๆ ไฟก็ลุกโหมขึ้น
ซ่าหลู่ไฟลุกท่วมทั่วร่าง ร้องเหมือนหมูถูกเชือด ดิ้นรนพยายามสุด ชีวิต
พวกผู้ก่อการร้ายแตกฮือ
คราวนี้ หลี่มู่เดินออกมาจากโถง
ร่างของเขาลอยกลางอากาศมาถึงยังกลางท้องฟ้าสูงหลายร้อย เมตร ก้มมองเมืองข้างล่าง เอ่ยปากขึ้น เสียงราวเทพเทวะสะท้อนก้อง ไปในเมือง “ด้วยนามแห่งความเมตตา ยุติธรรม และผดุงคุณธรรม
ตอนนี้ขอตัดสินพวกมะเร็งร้ายแห่งอารยธรรมสังคมยุติธรรม พวกเศษ เดนอยากพวกแก…ประหาร!”
หวางเจี๋ยปิงด็อกเตอร์ด้านโบราณคดีของจีน ภรรยาและลูกสาว ของเขา อีกทั้งเหล่าคนจิตใจดีที่ถูกขังอยู่ในตึกตัวประกันสีแดงข้างหลัง ไม่มีทางลืมภาพที่พวกเขาจะได้เห็นต่อไปไปตลอดชีวิต
ดาบบินแต่ละเล่มๆ ลอยอยู่ข้างหลังหลี่มู่
ทับซ้อนเป็นชั้นๆ ถี่ยิบ ลอยกลางอากาศ สั่นไหว ประหนึ่งนกยูงรํา แพนหาง ภายใต้แสงสาดส่องจากแสงอาทิตย์กลางทะเลทราย ตะวันออกกลาง มีความงดงามเย็นยะเยือกอย่างโลหะ เหมือนเทพจุติ มายังโลกมนุษย์ จะกําจัดภัยร้ายในโลกวุ่นวาย
“ตาย”
ดาบบินนับไม่ถวนแหวกอากาศไปตามชายหนุ่มที่ประหนึ่งเทวะ ทะลุพุ่งผ่านไปในเมือง
ท่ามกลางแสงดาบส่องกะพริบ ผู้ก่อการร้ายแต่ละคนๆ ถูกตัดหัว ล้มลงเหมือนต้นข้าวภายใต้คมเคียว
ในเมืองมีคนเกือบหมื่น ทว่าในขณะที่พวกเขาโอบกอดกับเทพแห่ง ความตายก่อนหลังไม่เกินสามสิบวินาที
ไม่ว่าจะหลบอยู่ในป้อมปราการ ในห้องใต้ดิน หลังกําแพง หรือ แม้แต่ในรถถัง ไม่มีใครหลบดาบนี้ได้ทั้งนั้น
นี่เป็นคําพิพากษาจากโชคชะตา
“คุณอยู่ที่นี่ดูแลสหายร่วมชาติของเรา ผมจะไปล้างแค้นให้กับ ผู้ตาย”
เสียงแค่ดังขึ้น ร่างของหลี่มู่ก็บินไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว ลําแสง
ในขณะเดียวกัน ดาบบินควงหมุนวนรอบๆ เมือง สลักลายค่ายกล เอาไว้ เริ่มเหนี่ยวนําพลังฟ้าดินเบาบางในฟ้าดิน ปกป้องเมืองนี้เอาไว้ใน นั้น ในขณะเดียวกันพลังปราณแท้กลุ่มหนึ่งก็พุ่งมาถ่ายทอดเข้าไปใน ร่างกายของหวางเมิ่งหู่
“ผู้บุกรุก ฆ่าไม่เว้น”
เสียงของหลี่มู่ดังขึ้นข้างหูหวางเมิ่งหู่
เขารู้สึกว่าในกายเขาเต็มไปด้วยพลังมหาศาลทันที เหมือนว่าจะ สามารถฉีกทึ้งท้องฟ้า บดขยี้แผ่นดินได้อย่างไรอย่างนั้น เขายื่นมือจับ ดาบ ยืนอยู่ที่หน้าประตูตึกร้างสีแดง รวบรวมตัวประกันมาอยู่ด้วยกัน รวมถึงครอบครัวนักโบราณคดีหวางเจี๋ยปิงด้วย เพื่อทําการปกป้อง
ในเมือง นอกจากตัวประกันแล้ว พวกผู้ก่อการร้ายตายทั้งหมด
อาหารและน�าก็รวบรวมค่อนข้างง่าย
“ทุกคนอย่าออกไป รอเทวะหลี่กลับมา”
หวางเมิ่งหู่วางแผนจัดระเบียบอยู่ด้านหนึ่ง ให้หวางเจี๋ยปิงเป็นล่าม ในใจด้านหนึ่งแอบเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่อาจตามไปอยู่ข้าง กายหลี่มู่ดูความตายของพวกปีศาจชั่วที่สังหารสหายร่วมชาติ
“หวาง พวกเราถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่นี่เอาไว้ได้ไหม?” นักข่าว คนขาวสัญชาติอเมริกันคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าไปหากล้องถ่ายวีดีโอมาจากไหน ลองเอ่ยถามดู “พวกเราจะประกาศความน่าอัศจรรย์และยิ่งใหญ่ของห ลี่ และจะแฉความเหี้ยมโหดของพวกผู้ก่อการร้ายพวกนี้ให้โลกรู้”
หวางเมิ่งหู่คิดๆ ดูก็ตกลง
นี่นับว่าเป็นเรื่องดีกระมัง?
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้หลี่มู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ตัวประกันนอื่นบางคนก็จิตใจสงบลง หาโทรศัพท์พวกอุปกรณ์ ติดต่อรายงานบางอย่าง เริ่มลองติดต่อกับญาติมิตรเพื่อนฝูง เผยแพร่ เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ออกไป
ต้องยอมรับว่า คนที่กล้ามาพื้นที่เขตนี้ใจค่อนข้างกล้า ถึงแม้จะถูก จับผ่านการทรมานเหมือนนรก แต่หลังจากที่ได้อิสระ สติความนึกคิดก็ ฟื้ นฟูอย่างรวดเร็ว แต่ละคนเหมือนเริ่มทําความรู้จักกับเมืองนี้ใหม่
หวางเมิ่งหู่ก็ไม่สนใจ ขอแค่คนพวกนี้ไม่รนหาที่ตายออกไปนอกเมืองก็พอ
ในเมืองมีค่ายกลคุ้มครอง ต่อให้กองทัพมหาศาลมุ่งหน้ามาก็อย่า ฝันว่าจะโจมตีเข้ามาได้
เขาขึ้นไปบนหอที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง ก้มมองรอบๆ ใช้ ‘วิชา ฝึกลมหายใจ’ ผสานกับปราณแท้มหาศาลในกายกลุ่มนี้ ในใจรู้ดีว่านี่ เป็นโอกาสวิถียุทธ์ของตน จะสําเร็จผลได้หรือไม่ ก็ดูครั้งนี้แล้ว
……
ภาคกลางของอิรัก รถออฟโรดสีขาวคันหนึ่งหยุดลงที่ข้างถนน
คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับเป็นชายผมทองสวมเสื้อลายสก็อตสีแดงขาว ข้างในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเอาไว้ ท่าทางราวยี่สิบกว่าๆ คาบหญ้าเอาไว้ ต้นหนึ่ง ใบหน้าฉายรอยยิ้มมั่นใจอยู่ตลอดเวลาเดินจากรถลงมา หยิบ
กระเป๋าเป้สีดําจากที่นั่งด้านหลัง “เอาล่ะ พอลที่รัก นายรอฉันอยู่ที่นี่ แหละ หากภายในสามวันฉันยังไม่กลับมา นายก็รีบไปจากที่บ้าๆ นี่เสีย”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าพอลคนนี้ หัวโล้น คาบบุหรี่เอาไว้ พูดขึ้นว่า “ทําไม ‘หมีเพลิง’ แจ๊คผู้ยิ่งใหญ่กลัวว่าตัวเองจะฆ่าคนจีนคนนั้นไม่ได้ หรือไง? ฮ่าๆ วางใจเถอะ นายไม่ได้ลงมือคนเดียวเสียหน่อย ”
……
นกยักษ์สีดําตัวหนึ่งบินความสูงสี่ห้าเมตรเรี่ยพื้น ผ่านทะเลทราย ผืนหนึ่ง มุ่งไปทางแบกแดดเมืองหลวงอิรักในวันวาน
บนหลังนกมีชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดกิโมโน ที่เอวมีดาบซามูไร สามเล่มห้อยอยู่
ข้างกายเขามีเด็กสาวในชุดกิโมโนอายุไม่ถึงสิบแปดคุกเข่าอยู่ กําลังเช็ดดาบซามูไรในมือ
“อาจารย์ ใกล้ถึงแล้ว”
“อืม โนบุโกะ หลังจากส่งอาจารย์แล้วเธอก็กลับไปเถอะ” ผู้ชาย มอบคัมภีร์กระบี่เล่มหนึ่งให้เด็กสาว “มรดก ‘กระบี่ทางแห่งเทพ’ จะ ขาดผู้สืบทอดไม่ได้ ”
“ผู้ชายคนจีนคนนั้นเยี่ยมยอดขนาดอาจารย์ยานากิที่ได้ชื่อว่า กระบี่เทวะยามาโตะก็ไม่มั่นใจอย่างนั้นหรือ?” เด็กสาวเอ่ยอย่างไม่ยอม แพ้
“หากเป็นเหมือนกับภาพที่รัฐบาลจีนปล่อยออกมา เทพสังหารคน นั้นต่อให้อาจารย์กับพันธมิตรทั้งหลายลงมือพร้อมกันก็มีโอกาสครึ่งๆ เท่านั้น” ชายกลางคนเอ่ย “แต่โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก็ต้องสู้ตาย เท่านั้นแล้ว”
………………………………